สองสาวแบคแพค เกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน พาคุณแม่วัยใกล้เกษียณเที่ยว

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิพทุกคนนะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของพลอย กับการเขียนแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยว ต้องบอกก่อนเลยว่า ปกติแล้วพลอยเป็นคนชอบไปเที่ยวมากกกกกก มีเวลาว่าไม่ได้ต้องหาไปนู้นนี่ไปนี่ตลอด โดยเฉพาะทะเล ครั้งนี้ตัดสินใจไป “เกาะหลีเป๊ะ” ค่ะ ตั้งใจจะพาคุณนายแม่ไปเที่ยว เพราะนางยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลทางใต้เลย (ปกติพลอยสนิทกับคุณแม่ค่ะ ชอบไปนู้นไปนี่ด้วยกัน กุ๊กกิ๊กแบบเพื่อนสาว) อีกอย่างอายุนางก็มากแล้ว ใกล้จะเกษียณแล้วด้วย เดี๋ยวแก่ไปมากกว่านี้จะไปไม่ไหว เลยตัดสินใจรีบพาไปก่อนค่ะ

    พลอยได้ไปเดินงาน วันธรรมดาก็เที่ยวได้ ที่จัดที่ศูนย์สิริกิตติ์ที่ผ่านมาค่ะ ดิ่งไปบูทของ “บันดาหยารีสอร์ท” ก่อนเลย จองห้องพักไว้กับที่บันดาหยา 1 คืนค่ะ เลือกเป็นห้องปกติ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1500 บาท แล้วก็จองรถตู้ที่จะมารับที่สนามบิน กับจองตั๋วสปี๊ดโบ๊ทไว้กับทางบันดาหยาเลย เพื่อความสะดวกรวดเร็วเมื่อไปถึงค่ะ

    อีกบูทที่ตรงดิ่งไป ก็คือบูทของ “อันดา รีสอร์ท” พลอยจองเป็นบ้านบังกะโลแบบติดริมทะเลเลย ราคาประมาณ 3900 บาท อยากให้คุณนายเค้าตื่นนอนมา ก็เจอทะเลเลย เลยเลือกห้องนี้ค่ะ พิเศษหน่อย

    วันที่ 21 กันยายน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ นั่งเครื่องของ Thai Lion เครื่องออกประมาณ 7.15 น. นั่งไปลงสนามบินหาดใหญ่ เครื่องยังไม่ทันแลนดิ้งดีเลยค่ะ คนขับรถตู้จากบันดาหยาที่จองไว้ก็โทรมาแล้ว คือต้องทำเวลานิดนึงนะคะ เพราะไปหน้า Low Season เรือจากท่าเรือปากบารา ไปเกาะหลีเป๊ะ จะออกแค่ รอบเดียวเท่านั้นคือ 11.00 น. ค่ะ





    ใช้เวลานั่งรถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ ไปถึงท่าเรือปากบาร่า ประมาณ 1 ชม.ครึ่งได้ หลับไปเลยค่ะ เก็บแรงไว้ พอไปถึงท่าเรือปากบาร่า ก็ไปออฟฟิศของบันดาหยา เอาใบจองไปยื่น เขาก็จะให้ตัวสปี๊ดโบทมา ทั้งขาไปและขากลับเลย 11.00 น. ก็ไปขึ้นเรือ เรือออกค่ะ นั่งเรือจากท่าเรือปากบาร่า ไปถึงเกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลา 1ชม.45 นาทีได้  



    และแล้วก็ถึงที่หมายของเรา “เกาะหลีเป๊ะ” ประมาณ 13.00 น.กว่าๆ ได้ค่ะ สีเขียวอมฟ้าน้ำทะเล มันทำให้ความเหนื่อยล้ากับการเดินทางหายไปหมดเลย พลอยเคยมาที่หลีเป๊ะเมื่อ 4 ปีก่อนนะคะ ตอนนั้นความเจริญยังไม่มีเท่าตอนนี้ แต่เรื่องความใสของน้ำทะเล ก็ยังคงเหมือนเดิมค่ะ

    คืนแรกพลอยพักที่ “อันดารีสอทร์ท” ค่ะ คนจากทางอันดาเขาขับรถสามล้อเครื่อง (โอ้โหใช้คำบ่งบอกมาก555) มารอรับอยู่ที่โป๊ะเรือ อ้อลืมบอกไปว่าพอสปี๊ดโบ๊ทมาถึงที่ท่าเรือ เราต้องนั่งเรือหางยาวต่อเข้ามาอีกนิดนะคะ



    พอถึงรีสอร์ทเชคอินอะไรเรียบร้อย ก็เข้าห้องพัก เปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งพักเหนื่อยสักหน่อย ก็เดินออกไปทานมื้อเที่ยงกัน ที่ห้องอาหารชองรีสอร์ทนี่แหละค่ะ พลอยสั่งข้าวผัดกุ้ง คุณนายแม่สั่งกะเพราปลาหมึกเพราะบอกเวียนหัว อยากกินอะไรเผ็ดๆ (สงสัยจะเมาเรือ555+) ราคาก็ตามรีสอร์ททั่วไป แอบสูงนิดนึง แต่ก็อร่อยดีนะคะ



    ทานเสร็จก็กลับเข้าห้องพัก นอนสลบกันค่ะ ด้วยความเพลีย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ 5 โมงเย็นได้ แดดร่มลมตก ออกไปถ่ายรูปลันล้า พาคุณนายเขาเล่นน้ำทะเล สัมผัสกับทะเลใต้ครั้งแรกสักหน่อย ถามว่าเป็นไง เทียบหับหัวหินชะอำ คนละเรื่องเลยปะละ นางบอกว่าสวย ชอบ ได้ฟังอย่างงี้ก็ชื่นใจค่ะ



    ที่รีสอร์ทเขามีสน็อกเกอร์ มีเรือคายัคให้เช่าด้วยนะคะ แต่ด้วยสภาพร่างที่แสนบอบบางของพลอยกับคุณนายแม่แล้ว ขอว่ายน้ำป๋อมแป๋มก็พอแล้วละค่ะ อ้ออีกเรื่องต้องบอกก่อนว่า ตัดสินใจมาช่วงเดือนกันยายนแบบนี้ ความเสี่ยงก็คือเรื่องฟ้าฝนนะคะ แต่บอกเลยว่าพลอยโชคดีมากกก ที่ตลอดทั้งวันไม่มีฝนตกเลย แต่ตอนกลางคืนตกค่ะ อิอิ รอดตัวไป

    เล่นน้ำกันสักพัก เวลาผ่านไปเร็วจัง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็ว คือหิวมาก มื้อเย็นนี้แน่นอนค่ะ ตัดสินใจไปฝากท้องไว้ที่ Walking Street แต่ด้วยความที่เป็นช่วง Low Season ร้านเลยเปิดไม่ครบ แต่ร้านดังร้านเด็ด เปิดแน่นอนค่ะ มื้อค่ำนี้ฝากท้องไว้ที่ร้าน รักษ์เล ร้านอร่อยของที่นี่เลย ที่ชอบมากจะเป็นพวกซีฟู๊ดเผาค่ะ คือเขาเผาได้สุกกำลังดี แถมน้ำจิ้มเด็ดมากเลย คุณนายแม่ถึงขั้นออกปากชมเลยค่ะ



    อิ่มท้องกับมื้อค่ำแล้ว เลยพาคุณนายไปนั่งชิว จิบเบียร์ ฟังเพลง ที่ มายา บาร์ (จริงๆคือสนองความต้องการของตัวเองล้วนๆ เลยค่ะ) จิบได้สักสองขวด คุณนายเริ่มงอแงอยากกลับห้องพักแล้วเลยจัดการเชคบิลค่ะ



    ระหว่างทางเดินกลับ เราก็ตัดสินใจแวะซื้อทัวร์ดำน้ำไว้ เพราะพรุ่งนี้ตั้งใจจะไปดำน้ำ (เสี่ยงเอาดูค่ะ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีฝนตกรึป่าว) ซื้อทัวร์ไว้กับที่ ดาหยา ทราเวลค่ะ อยู่ทางท้ายๆ Walking Street เลย เราเลือกเป็นจอยทริปกับคนอื่นค่ะ ราคาอยู่ที่คนละ 500 บาท แต่พี่เขาบอกว่า ต้องไปรวมกับทัวร์จีนนะ พลอยกับแม่มองหน้ากัน แล้วพูดพร้อมกันค่ะว่า “ไม่เอา” (อันนี้ยอมรับค่ะ ว่าไม่สะดวกใจจริงๆ ไม่ได้รังเกียจนะคะ แต่คนจีนเจอทีไร ชอบทำงานกร่อยทุกทีเลย) พี่เขาก็บอกไม่ต้องเป็นห่วงครับ เดี๋ยวผมแยกให้ เราก็เลยอุ่นใจค่ะ

    22 กันยายน เช้าวันรุ่งขึ้นมา ก็เชคเอ้าท์ออกจากที่อันดารีสอร์ท แต่บอกกับพนักงานรีสอร์ทไว้ว่า ขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน จะออกไปดำน้ำ เขาก็ยินดีค่ะ แถมขับรถเครื่องสามล้อไปส่งเราที่ ดาหยาด้วยนะ ไปถึงก็รอคนพร้อม เป็นกรุ๊ปพี่จีนทั้งกรุ๊ปค่ะ ประมาณ 10 คนได้ สรุปคือ เขาแยกพลอยกับแม่ ออกเลย นั่งลำเดียว 2 คน ในราคาแบบจอยทริป ถือว่าโชคดีมากๆ ค่ะ



    ครั้งแรกของคุณนายแม่ กับการที่จะได้ดำน้ำ ดูปะการัง ในตอนแรกค่อนข้างมีปัญหาเกี่ยวกับสนอคเกิลค่ะ นางยังใช้ไม่เป็น น้ำเข้าเต็มปากเต็มจมูกเลย แถมนางว่ายน้ำไม่เป็นอีก เลยกังวล แต่พี่ที่ดูแลพลอยกับแม่ คือดีมากๆ ดูแลแม่ดีมากๆ เอาห่วงยางให้เกาะ พาดำน้ำไปดูนู้นนี่ หลังๆ นางเริ่มโอเคกับสนอคเกิลแล้วค่ะ ตอนนี้ชิวแล้ว ฟินใหญ่เลย











    วันนั้นเขาพาไปหลายจุดอยู่นะคะ แต่อย่างว่าเป็นช่วง Low Season บางจุดจะไม่ได้ไปค่ะ แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็คุ้มมากๆ แล้ว มื้อเที่ยงแวะทานข้าวที่อุทยาน (ขอโทษนะคะลืมชื่อจริงๆ ไปหลายจุดมากจำไม่ได้เลย แหะๆ) เขาก็เตรียมเป็นข้าวกล่องให้ ใส่กล่องอย่างดีเลยนะคะ รู้สึกเป็นข้าวกะเพราธรรมดาๆ แต่อร่อยมาก (ด้วยความเหนื่อยและหิว555+) คือพี่เขาบริการดีจริงๆ ค่ะมีปลอกสัปปะรดมาให้เรากินด้วย ชื่นใจดีค่ะ



    พักผ่อนตามอัธยาศัยประมาณ ชม.กว่าได้ ก็ออกไปดำน้ำกันต่อค่ะ ดำต่อได้อีกสัก 2-3 จุด คุณนายแม่เริ่มหมดแรงแล้ว (จริงๆตัวเองด้วยแหละ555+) เลยบอกให้พี่เขาแวะไปส่งที่ข้างหน้าอันดารีสอร์ทเลย คุณนายเขาประทับใจที่พี่เขาดูแลดี เลยให้ทริปไปเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ พี่เขาบอกว่าตอนค่ำๆ ให้แวะไปเอารูปที่ออฟฟิศด้วย เขาถ่ายไว้ให้พลอยกับแม่เยอะเลย พอไปถึงที่อันดา ก็โทรให้คนของที่บันดาหยามารับค่ะ

    ไปถึงที่บันดาหยา เชคอินเรียบร้อย นอนสลบกันเลยค่ะ ใช้พลังงานกันมาทั้งวัน ตื่นขึ้นมาอีกฟ้ามืดแล้วค่ะ หิวเลย ออกไปฝากท้องกันที่ Walking Street เหมือนเดิม อยากกินอะไรแซบๆ ค่ะ เลยกินร้านอาหารอีสานชื่ออะไรลืมอีกแล้ว แต่เป็นคุณป้าอัธยาศัยดี ไม่รู้อร่อยหรือหิว กินกันหมดเรียบ แถมไปต่อของหวานเป็นโรตีกล้วยอีก เป็นร้านคุณป้าคนนึง แอบเล็งตั้งแต่คืนแรกแล้ว ปรากฏว่าอร่อยค่ะ แถมราคาคือปกติ โรตีกล้วย+ไข่ 40 บาทเอง อิ่มมากฟินสุดๆ



    23 กันยายน ตื่นนอนแต่เช้าเลยค่ะ เพราะต้องรีบไปขึ้นเรือให้ทัน 9.15 น. บรรยากาศเช้านี้ดีเหมือนเดิม นั่งกินเบรคฟาสต์ มองวิวทะเลไปด้วย ฟินสุดๆ กินเสร็จก็พาคุณนายไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เสร็จแล้วก็เก็บสัมภาระ รถของบันดาหยาไปส่งหน้าโป๊ะเหมือนเดิมค่ะ แล้วก็นั่งสปี๊ดโบ๊ทกลับไปท่าเรือปากบารา ต่อด้วยรถตู้กลับไปหาดใหญ่ ขากลับพลอยบอกให้พี่คนขับรถตู้แวะส่งที่ตลาดกิมหยงก่อน เพื่อซื้อของฝากค่ะ





    จบทริปเกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน แล้ว ทริปนี้ถือเป็นทริปที่ประทับใจอีกทริปนึงเลยค่ะ เพื่อนๆ คนไหนพอมีเวลา ก็ลองพาคุณแม่ คุณพ่อมาเที่ยวกันบ้างดูนะคะ รีบพาท่านมาก่อนที่จะไม่มีโอกาส ถึงแม้จะเป็นหน้า Low Season แต่ก็ถือว่าคุ้ม ด้วยความที่โชคดี วันที่พลอยไปไม่เจอฝนด้วย
    สรุปแล้วเกาะหลีเป๊ะ ก็ยังคงเป็นเกาะที่สวยงามอยู่ ถึงแม้ว่าความเจริญจะเข้ามามากขึ้น แต่ความสวยของทะเล แล้วก็ใต้ทะเลก็ยังมีเหมือนเดิมค่ะ อาจจะน้อยกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่ได้มาสัมผัสค่ะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่