สวัสดีค่ะ
   เมื่อวันหยุดยาว 13-16 พค 2565 ที่ผ่านมาครอบครัวเราได้มีโอกาสไปเที่ยว เกาะกูด จังหวัดตราด โดยทริปนี้เป็นทริปพิเศษตั้งใจจะให้เป็นของขวัญลูกสาวในโอกาสสอบเข้า ม.1 ได้แบบเหนือความคาดหมาย เลยต้องตบรางวัลกันสักหน่อย คราวนี้คิดจะไปแบบชิลๆ เล่นน้ำ กิน นอน สบายๆ ไม่ได้ออกไปดำน้ำอะไรเลยนะคะ เราพักที่เดียวกันทั้งหมด 3 คืน บนเกาะกูด นั่นคือที่ Tolani resort ทูลานีรีสอร์ท แต่มีการเปลี่ยนบรรยากาศโดยเปลี่ยนห้องพักอยู่ 2 แบบค่ะ

  เนื่องจาก 2 คืนแรก เราจองเป็นแพคเกจมา ซึ่งรวมตั๋วเรือไปกลับแล้ว (เดี๋ยวจะแจ้งรายละเอียดแพคเกจทีหลังนะคะ) ทางรีสอร์ทจองเรือบริษัท บุญศิริ ให้ เป็นเรือคาตามาราน จุคนได้ เกือบ 300 คนค่ะ เราเลือกเรือรอบ 10.45 น.  ไม่อย่างนั้นจะต้องเป็นรอบ 14.00 น เลยค่ะ

 ในตอนแรกก็คิดว่าจะขับรถออกจากบ้านแต่เช้ามืดเลย(ขับรถประมาณ 5 ชม) แต่ช่วงนั้นเพื่งมีพายุเข้า เหมือนยังมีฝนตกอยู่บ้างก็เลยกลัวเผื่อมีอะไรแล้วจะตกเรือ ก็เลยตัดสินใจออกจากบ้านกันตอนค่ำวันที่ 12 พค. แทน แล้วไปพักค้างคืนที่ โรงแรมเคพีแกรนด์ จังหวัดจันทบุรี เพื่อในตอนเช้าจะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามาก ขับรถต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆก็ถึงท่าเรือแล้วค่ะ คืนนั้นกว่าเราจะไปถึงโรงแรมก็ประมาณ 5ทุ่มแล้วค่ะ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไร แต่มีทำเป็นคลิปไว้ค่ะ ที่นี่เช็คอินได้ 24 ชม.นะคะมีเจ้าหน้าที่อยู่ตลอด ราคาต่อคืนต่อ 2 คน อยู่ที่ 650 บาท เราไปกัน 3 คน เลยต้องเสริมตียงเป็น 900 บาท ไม่รวมอาหารเช้าค่ะ

ตอนเช้าตื่นมาเราก็ขับรถต่อไปที่จังหวัดตราดเลยค่ะ ไปทานอาหารเช้ากันที่ “ร้านเกี๊ยวหนองบัว”  เป็นร้านเก่าแก่ของจังหวัดตราด แต่ปรับโฉมเป็นแบบสมัยใหม่ กว้างขวาง มีหลายโต๊ะเป็นร้านที่และปิดตั้งแต่เช้าเลย หกโมงเช้าก็เปิดแล้วค่ะ อาหารอร่อยหลายอย่างเลยค่ะ

จากนั้นก็ไปต่อกันที่ท่าเรือเลยค่ะ โดยเราต้องไปเช็คอินที่บริษัทบุญศิริก่อน เมื่อไปถึงในเวลานั้นจะต้องมีการโชว์ประวัติให้ดูว่ามีการฉีดวัคซีนโควิด19 2 เข็มแล้ว พร้อมฝากรถไว้ที่นั่นเลย ราคาอยู่ที่ คันละ 50 บาทต่อวัน แล้วก็ไปแจ้งชื่อว่าจองมากับทูลานีรีสอร์ท เจ้าหน้าที่ก็จะปรินท์ตั๋วเรือให้ค่ะ จากนั้นก็ขึ้นรถของบุญศิริ ต่อไปที่ท่าเรือแหลมศอก เพื่อขี้นเรือกันค่ะ ช่วงวันหยุดยาวคนเยอะแนะนำให้มาเร็วกว่าเวลาสักหน่อยนะคะ ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไปถึงท่าเรือบนเกาะกูด แล้วต้องนั่งรถต่อไปอีกประมาณ 20 นาที ก็จะถึงทูลานีรีสอร์ทค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=egxXK2fmDO8

  ทูลานี รีสอร์ท แต่เดิมเคยเป็น อเวย์ เกาะกูด มาก่อน แต่ภายหลังได้เปลี่ยนมาเป็นทูลานี  โดยได้มีการตกแต่งรีสอร์ทใหม่ให้เป็นสไตล์โพลีนีเชียน เหมือนชนเผ่าชาวเกาะประมาณนี้ค่ะ เราไปพักกันทั้งหมด 3 คืน โดย 2 คืนแรกซื้อเป็นแพคเกจ ชื่อว่า โพลีนีเชียน เอสเคป (Polynesian escape) เราเลือกพักห้อง Beachfront villa ซึ่งในอนาคตห้องรูปแบบนี้ จะถูกเปลี่ยนไปเป็นห้อง Beachfront pool villa ทั้งหมด และในตอนนี้ได้ปรับไป 2 ห้องแล้ว แต่เราไม่ได้เลือกพัก pool villa ยังคงพักห้องแบบเดิมอยู่  ในแพคเกจประกอบไปด้วย ตั๋วเรือไป- กลับ  อาหารเช้า 2 วัน อาหารกลางวัน 1 มื้อ อาหารเย็น 2 มื้อ ( 1 มื้อเป็นอาหารไทย และ อีกมื้อเป็น Polynesian grill ) และ ชุด afternoon tea 1 ชุดค่ะ กิจกรรมหน้าหาด เช่นพายเรือคายัค SUP board  วอลเลย์บอลชายหาด เล่นได้ฟรีค่ะ มีเจ้าหน้าที่คอยสอนด้วยค่ะ

เราไปถึงรีสอร์ท 12.30 น. แต่เช็คอินบ่าย 3 โมง เราเลยไปทานอาหารกลางวัน(ตามแพคเกจ)กันก่อน จะมีให้เลือกจานหลักคนละ 1 อย่าง อาหารทานรวมกัน 1 อย่าง และของหวานคนละ 1 อย่าง อาหารให้เยอะมาก อิ่มถึงเย็นเลยค่ะ ทานอาหารกลางวันยังไม่ทันเสร็จเจ้าหน้าที่ก็โทรมาแจ้งว่าห้องพักเรียบร้อยแล้วค่ะ สามารถเข้าห้องได้เลย
 
วันที่เราไปครึ้มฝนแต่ก็ยังไม่ตกนะคะ เราเลยเล่นน้ำทะเลกันตอนเย็น และเนื่องจากยังอิ่มอาหารกลางวันอยู่เลยทานอาหารเย็นไม่ไหวแล้ว เย็นนั้นจึงกินแค่ขนมเล็กๆน้อยๆ ระหว่างดูหนังในห้องพักค่ะ ที่นี่สามารถดู Netflix ,Youtube ได้ด้วยนะคะ เพลินเลย

ทูลานีรีสอร์ท ห้อง Beachfront Villa

เช้าวันที่2
ไปทานอาหารเช้ากันก่อน  อาหารเช้าไม่ได้หลากหลายมาก แต่มีขนมเยอะหน่อย เช่น เปียกปูนสด บราวนี่ อร่อยดีค่ะ

  จากนั้นเราวางแผนกันว่าจะพายเรือคายัคไปน้ำตกคลองเจ้ากัน เนื่องจากหาดของรีสอร์ทอยู่ติดกับคลองเลยค่ะ เราจึงสามารถพายเรือไปน้ำตกได้เลย ก่อนไปก็ถามทางจากเจ้าหน้าที่รีสอร์ท ก็คิดว่าเข้าใจแล้ว แต่พอไปพายจริง ก็มีความไม่แน่ใจอยู่ตลอด กลัวว่าจะเลย เพราะยิ่งพายลึกเข้าไปก็ยิ่งเงียบ ตอนที่เราไปไม่มีใครพายไปด้วยเลยมีแค่เรา 3 คน คนพายสวนกลับมาก็ไม่มี มันเหมือนพายเข้าไปในป่าลึกเรื่อยๆ พายไปสักพักเกือบจะแวะขึ้นผิดที่ แต่ก็พายกลับมาถามร้านอาหารริมคลองข้างทางอีกที จะล้มเลิกไม่ไปแล้ว พายวนไปวนมาชักเหนื่อย55 แต่สุดท้ายก็ฮึดสู้ ไปถึงจนได้ จริงๆแล้วง่ายมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรเลย ไม่ต้องกลัวจะเลยด้วย เพราะพายตรงไปจนสุดคลองจนไปไม่ได้แล้วได้เลย ท่าที่จะจอดเรือขึ้นไปน้ำตกได้มีอยู่ 2 จุดค่ะ จุดแรกคือพายไปจนเกือบสุดทางมองทางขวาจะมีป้ายเล็กๆ เขียนว่า waterfall ไว้ค่ะ ก็จะมีไม้ปักไว้ให้ผูกเรือค่ะ แต่ท่านี้ตรงทางขึ้นจะเละๆนิดนึง ถ้าฝนตกใหม่ๆคงจะเละเลอะรองเท้าเหมือนกัน แต่เราก็ขึ้นที่ท่านี้ค่ะเพราะเหนื่อยแล้วขึ้นตรงนี้แหละ วันนั้นดินไม่เละค่ะ จากท่า เราเดินตรงไปอีกนิดก็ถึงถนน เดินไปตามถนนอีกสัก 10 นาที ก็ถึงทางเข้าน้ำตก เดินต่ออีก 400 เมตรก็เจอน้ำตกแล้วค่ะ 

ส่วนท่าที่2 จะอยู่ถัดจากท่าแรกนิดเดียวค่ะ ตรงนั้นจะสุดทางแล้ว ไปต่อไม่ได้แล้วค่ะ ที่ท่านี้เราไม่ได้ขึ้นแต่ได้รับคำบอกเล่ามาว่าขึ้นง่ายกว่าไม่เละ แต่ต้องเดินอ้อมนิดนึงถึงจะไปเจอถนนค่ะ 
วันที่เราไปน้ำตกมีน้ำเยอะค่ะ เพราะเป็นช่วงที่มีฝนพอดี คนก็มาเล่นน้ำกันเยอะเหมือนกัน จากที่ไม่ได้คิดจะเล่นน้ำตก แต่เราตัวเปียกกันมาตั้งแต่เริ่มพายหน้าโรงแรมแล้วเพราะวันนั้นทะเลมีคลื่น กระเด็นเปียกกันมาแล้ว ไหนๆก็เปียกแล้วเล่นน้ำต่อเลยละกัน เล่นกันอยู่สักพักก็พายเรือกลับ ถ้าไม่นับว่าเราพายวนไปวนไป ก็จะใช้เวลาพายเรือประมาณครี่งชั่วโมง จากหน้ารีสอร์ทถึงตรงท่าขึ้นน้ำตกค่ะ ขาพายกลับค่อยได้รื่นรมย์กับธรรมชาติสองข้างทางต้นไม้เขียวชอุ่ม น้ำก็สีสวยเลย เพราะตอนขามามัวแต่เครียดกลัวหลงทาง 55