The Little Prince หรือ เจ้าชายน้อย เป็นวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลก ผลงานจากปลายปากกาของ อองตวน เดอ แซงเตกซูเปรี นักเขียนชาวฝรั่งเศส มันเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตของเด็กหลายคน และอาจเป็นหนังสือในดวงใจผู้ใหญ่หลายคนเช่นกัน เนื้อหาของ The Little Prince เกี่ยวกับนักบินคนหนึ่งที่เครื่องบินไปตกกลางทะเลทรายจึงได้พบกับ เจ้าชายน้อย ผู้ที่บอกว่าตัวเองมาจาก ดาว B612 พวกเขาได้เป็นเพื่อนกันในระยะเวลาสั้นๆก่อนที่ เด็กชาย จะจากโลกนี้ไป ทิ้งไว้แต่เรื่องเล่าสุดอัศจรรย์เกี่ยวกับดาวดวงต่างๆที่เขาไปเยือน
ที่สุดก็มีคนนำเรื่องราวของ เจ้าชายน้อย มาทำเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น ผู้กำกับไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น มาร์ค ออสบอร์น เจ้าของผลงาน Kung Fu Panda นั่นเอง ทีมพากย์เสียงนำโดยนักแสดงมาฝีมือของฮอลลีวู้ด อาทิ เจฟฟ์ บริดเจส ,พอล รัดด์ , เบนิซิโอ เดล โทโร , ราเชล แม็คอดัมส์ และ เจมส์ ฟรังโก้
เจ้าชายน้อย ฉบับอนิเมชั่นว่าด้วยเรื่องราวของ เด็กหญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่กับคุณแม่ผู้เคร่งเครียดกับชีวิต ไม่ต่างจากพ่อแม่ยุคใหม่ส่วนใหญ่ เธอวางชีวิตลูกสาวไว้อย่างเป็นระบบเพื่อให้ลูกพบเจอกับสิ่งที่ดีที่สุดในอนาคตโดยไม่เคยถามเลยว่าลูกต้องการสิ่งที่เธออยากมอบให้หรือไม่ โชคดีที่ลูกของเธอเป็นคนหัวอ่อน เด็กหญิงยอมทำทุกอย่างตามที่แม่บอกแต่โดยดี
ต่อมา ชีวิตของเด็กสาวเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้พบกับลุงอดีตนักบินนิสัยแปลกๆที่อยู่ข้างบ้าน ชายชราคนนี้พาเธอไปพบกับเรื่องราวของ เจ้าชายน้อย ซึ่งได้เปิดโลกจินตนาการของเด็กสาวให้กลับมาสว่างอีกครั้ง แน่นอนว่าแม่เธอย่อมไม่เห็นด้วย เด็กหญิงจึงต้องเลือกว่าเธออยากจะใช้ชีวิตอย่างไร รวมถึงต้องการที่จะโตมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน
ตัวหนังโดดเด่นด้วยงานภาพอันสวยงามของสต๊อปโมชั่นกระดาษสาซึ่งทำหน้าที่เล่าเรื่องของ เจ้าชายน้อย ขณะที่งานอนิเมชั่นปกติเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหญิง กระนั้นบทภาพยนตร์ยังไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ เนื้อหาจึงดูติดขัด ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ทำให้บางช่วงเนือยจนถึงขั้นเกือบจะน่าเบื่อ หนังกลับมาพีคเอาในช่วงท้าย มีหลายจุดที่กระทบใจคนดูจนเรียกนํ้าตาได้
ส่วนตัวชอบการตีความ เจ้าชายน้อย ในทางใหม่ ที่ไม่ได้เล่าเรื่องจากหนังสือตรงๆ ทว่ามีการเปรียบเปรยผ่านเหตุการณ์ใกล้ตัวในโลกปัจจุบัน แฝงนัยผ่านทางสัญลักษณ์ต่างๆ และมีการเสียดสีสังคมเมืองหลวง ที่ผู้คนใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ในบ้านสำเร็จรูปซึ่งหน้าตาเหมือนกันไปหมด แต่ปัญหาของหนังอยู่ที่เล่าเรื่องออกมาไม่ค่อยสนุก เมื่อเทียบเคียงกับ Inside Out แล้ว The Little Prince ดูหม่นเศร้ากว่า เข้าใจยากกว่า บางตอนทำให้นึกถึงอนเมชั่น Song of the Sea แต่เรื่องนั้นมีไม่เด็ดที่เพลงกับดนตรีประกอบ ขณะที่ เจ้าชายน้อย ตัวละครที่ควรจะเป็นจุดขายดูขาดเสน่ห์ไปหน่อย (เสียดายที่ไม่ได้ยินเพลง Somewhere Only We Know เวอร์ชั่น Lily Allen ในหนังเลย)
The Little Prince ฉบับภาพยนตร์จึงอาจจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ในแง่ของการปลุกความทรงจำในอดีต และ การได้ฉุกคิดทบทวนถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต สำหรับแฟนหนังสือก็น่าจะชื่นชอบอนิเมชั่นกันพอสมควร สารที่ผู้กำกับจะสื่อชัดเจนมากในประโยคของ ชายแก่ ที่ว่า การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่ปัญหา แต่การลืมวัยเด็กต่างหาก
คะแนน 7/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต
https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ตัวอย่างหนัง
http://movie.bugaboo.tv/watch/179618/?link=4
คลิปเพลง Somewhere Only We Know เวอร์ชั่น Lily Allen ครับ
รีวิวหนัง : The Little Prince เรื่องเล่าจาก ดาว B162
The Little Prince หรือ เจ้าชายน้อย เป็นวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลก ผลงานจากปลายปากกาของ อองตวน เดอ แซงเตกซูเปรี นักเขียนชาวฝรั่งเศส มันเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตของเด็กหลายคน และอาจเป็นหนังสือในดวงใจผู้ใหญ่หลายคนเช่นกัน เนื้อหาของ The Little Prince เกี่ยวกับนักบินคนหนึ่งที่เครื่องบินไปตกกลางทะเลทรายจึงได้พบกับ เจ้าชายน้อย ผู้ที่บอกว่าตัวเองมาจาก ดาว B612 พวกเขาได้เป็นเพื่อนกันในระยะเวลาสั้นๆก่อนที่ เด็กชาย จะจากโลกนี้ไป ทิ้งไว้แต่เรื่องเล่าสุดอัศจรรย์เกี่ยวกับดาวดวงต่างๆที่เขาไปเยือน
ที่สุดก็มีคนนำเรื่องราวของ เจ้าชายน้อย มาทำเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น ผู้กำกับไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น มาร์ค ออสบอร์น เจ้าของผลงาน Kung Fu Panda นั่นเอง ทีมพากย์เสียงนำโดยนักแสดงมาฝีมือของฮอลลีวู้ด อาทิ เจฟฟ์ บริดเจส ,พอล รัดด์ , เบนิซิโอ เดล โทโร , ราเชล แม็คอดัมส์ และ เจมส์ ฟรังโก้
เจ้าชายน้อย ฉบับอนิเมชั่นว่าด้วยเรื่องราวของ เด็กหญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่กับคุณแม่ผู้เคร่งเครียดกับชีวิต ไม่ต่างจากพ่อแม่ยุคใหม่ส่วนใหญ่ เธอวางชีวิตลูกสาวไว้อย่างเป็นระบบเพื่อให้ลูกพบเจอกับสิ่งที่ดีที่สุดในอนาคตโดยไม่เคยถามเลยว่าลูกต้องการสิ่งที่เธออยากมอบให้หรือไม่ โชคดีที่ลูกของเธอเป็นคนหัวอ่อน เด็กหญิงยอมทำทุกอย่างตามที่แม่บอกแต่โดยดี
ต่อมา ชีวิตของเด็กสาวเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้พบกับลุงอดีตนักบินนิสัยแปลกๆที่อยู่ข้างบ้าน ชายชราคนนี้พาเธอไปพบกับเรื่องราวของ เจ้าชายน้อย ซึ่งได้เปิดโลกจินตนาการของเด็กสาวให้กลับมาสว่างอีกครั้ง แน่นอนว่าแม่เธอย่อมไม่เห็นด้วย เด็กหญิงจึงต้องเลือกว่าเธออยากจะใช้ชีวิตอย่างไร รวมถึงต้องการที่จะโตมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน
ตัวหนังโดดเด่นด้วยงานภาพอันสวยงามของสต๊อปโมชั่นกระดาษสาซึ่งทำหน้าที่เล่าเรื่องของ เจ้าชายน้อย ขณะที่งานอนิเมชั่นปกติเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหญิง กระนั้นบทภาพยนตร์ยังไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ เนื้อหาจึงดูติดขัด ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ทำให้บางช่วงเนือยจนถึงขั้นเกือบจะน่าเบื่อ หนังกลับมาพีคเอาในช่วงท้าย มีหลายจุดที่กระทบใจคนดูจนเรียกนํ้าตาได้
ส่วนตัวชอบการตีความ เจ้าชายน้อย ในทางใหม่ ที่ไม่ได้เล่าเรื่องจากหนังสือตรงๆ ทว่ามีการเปรียบเปรยผ่านเหตุการณ์ใกล้ตัวในโลกปัจจุบัน แฝงนัยผ่านทางสัญลักษณ์ต่างๆ และมีการเสียดสีสังคมเมืองหลวง ที่ผู้คนใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ในบ้านสำเร็จรูปซึ่งหน้าตาเหมือนกันไปหมด แต่ปัญหาของหนังอยู่ที่เล่าเรื่องออกมาไม่ค่อยสนุก เมื่อเทียบเคียงกับ Inside Out แล้ว The Little Prince ดูหม่นเศร้ากว่า เข้าใจยากกว่า บางตอนทำให้นึกถึงอนเมชั่น Song of the Sea แต่เรื่องนั้นมีไม่เด็ดที่เพลงกับดนตรีประกอบ ขณะที่ เจ้าชายน้อย ตัวละครที่ควรจะเป็นจุดขายดูขาดเสน่ห์ไปหน่อย (เสียดายที่ไม่ได้ยินเพลง Somewhere Only We Know เวอร์ชั่น Lily Allen ในหนังเลย)
The Little Prince ฉบับภาพยนตร์จึงอาจจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ในแง่ของการปลุกความทรงจำในอดีต และ การได้ฉุกคิดทบทวนถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต สำหรับแฟนหนังสือก็น่าจะชื่นชอบอนิเมชั่นกันพอสมควร สารที่ผู้กำกับจะสื่อชัดเจนมากในประโยคของ ชายแก่ ที่ว่า การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่ปัญหา แต่การลืมวัยเด็กต่างหาก
คะแนน 7/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ตัวอย่างหนัง http://movie.bugaboo.tv/watch/179618/?link=4
คลิปเพลง Somewhere Only We Know เวอร์ชั่น Lily Allen ครับ