จากเรื่องนางงามสู้ชีวิต ทำให้รู้ว่าคนไทยจำนวนมากยังใช้ตรรกะผิดที่ผิดทาง

ผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่ได้ยากจนอะไร จะเรียกได้ว่าเป็นชนชั้นกลางในสังคมเมืองก็ว่าได้ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่เขาลำบาก ผมเรียนที่ราม ซึ่งเป็นมหาลัยที่มีนศ.หลากหลายแบบ และทั้งคนรู้จัก เพื่อน เพื่อนสนิทหลายคนก็จนและต้องทำงานสู้ชีวิต เอาเงินมาลงทะเบียนเรียนเหมือนกัน
แต่จากข่าวซึ่งท่านก็คงทราบกันดี ซึ่งบางคนก็โบ้ยไปที่กองประกวด ซึ่งผมเห็นว่ามันไร้สาระ เพราะ  ถึงแม้ว่าเป็นความบกพร่องของกองประกวด แต่เธอก็มีเจตนาที่จะโกหกอยู่ดี  ก็เปรียบเสมือนว่า มีคนเมาแล้วขับรถผ่านบริเวณที่มีการตั้งด่าน แล้วขับไปชนคนตาย อย่างนี้ คนขับไม่ต้องผิดเลยหรือ แต่ตำรวจต้องผิดแต่เพียงผู้เดียวเพราะปล่อยให้เล็ดลอดไปได้ แล้วไหนจะเรื่องลำบาก การเอาความลำบากมาอ้างมันไร้เหตุผลสิ้นดี ก็ในเมื่อหลายคนบอกว่า การประกวดหรือการแข่งขันต้องยุติธรรม แล้วคนอื่นที่เขาทำถูกกฎละครับ เขาก็ต้องทนรับการถูกเอาเปรียบแบบนี้ เพียงเพราะเขาไม่ได้ลำบาก เขาไม่ได้เก็บขยะแบบนางงามคนนั้นหรอครับ ทำไมเราไม่แยกละครับ การประกวดก็คือการประกวด คุณเล่นนอกเกมส์ คุณก็ต้องจำออกจากเกมส์ ถ้าจะถามว่าทำไมเราต้องมามัวยึดกฎ ระเบียบอะไรนักหนา น้องเขาเป็นคนกตัญญูนะ ช่วยกันหน่อยไม่ได้ไง เหตุที่ต้องยึดตามระเบียบก็เพราะเพื่อที่จะสร้างบรรทัดฐานไงครับ เห็นไหมว่าทุกวันนี้ สังคมไทยเกิดปัญหาเพราะ ความสงสาร เห็นใจ หยวนๆกันไปเถอะหน่า จนละเลยกฎ ระเบียบ จึงทำให้เกิดความไร้บรรทัดฐาน เช่น ทางเท้ามีแม่ค้าแผงลอยมาตั้ง พวกร้านที่อยู่ในอาคารพาณิชย์ก็เลยตั้งโต๊ะยื่นออกมากินทางเท้า พอเทศกิจจะมาจัดการ ก็อ้างว่าทีแม่ค้าแผงลอย มันกินทางเท้าเยอะกว่า ยังให้มันขายได้เลยแล้วทำไมฉันยื่นมานิดหน่อยจะไม่ได้?? มันก็อ้างกันไม่จบไม่สิ้น อนาคตถ้ามีคนลำบากแล้วอยากมาประกวด ก็กรอกวุฒิปลอมลงไป พอเป็นข่าวก็มีชาวเน็ตออกมาป้อง อย่างนี้เวทีนางงามมิกลายเป็นเวทีเด็กเลี้ยงแกะหรือครับ เราคงต้องมานั่งคิดกันใหม่แล้วล่ะครับ ว่าอะไรคือหลัก อะไรคือรอง กฎคือกฎ ระเบียบคือระเบียบ สงสารคือสงสาร ทำผิดก็คือทำผิด เว้นไว้ไม่ได้ สุดท้ายความลำบากของนางงามคนนี้และความสงสารของชาวเน็ต คงสร้างความ ไร้บรรทัดฐานขึ้นในสังคมซักวันหนึ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่