ล็อกฮีด มาร์ติน ประสบความสำเร็จในการบินทดสอบ เครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 วี 'ไวเปอร์' เป็นรุ่นล่าสุด และประสิทธิภาพเหนือกว่า เอฟ-16 ทุกรุ่นที่ผลิตออกขายในตลาด มาพร้อมเรดาร์ใหม่ AESA-SABR หวังเป็นยอด บ.ขับไล่อเนกประสงค์ ยุคที่ 4...
บริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ประสบความสำเร็จในการบินทดสอบเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 วี (F-16V) 'ไวเปอร์' ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด และประสิทธิภาพเหนือกว่า เอฟ-16 ทุกรุ่นที่ผลิตออกมาขายในตลาด โดยเที่ยวบินแรกได้มีขึ้น เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา และเป็นเครื่องแรกที่ เอฟ-16 บินไปกับระบบเรดาร์แบบใหม่ของ นอร์ทรอป กรัมแมน APG-83 ที่เป็นเรดาร์ AESA : Active Electronically Scanned Array Scalable Agile Beam Rada (SABR) ที่จะทำให้เป็นก้าวกระโดดเหนือกว่า เอฟ-16 ทั้งปวง
เอฟ-16 วี ติดตั้งระบบเอวิโอนิกส์ที่ทันสมัยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นห้องนักบิน ที่มากับจอภาพแบบ Center Pedestal Display คอมพิวเตอร์ควบคุมการบินรุ่นใหม่ พร้อมระบบอีเธอร์เน็ตที่มีบัสสูงเพื่อรองรับการรับ-ส่งข้อมูล และระบบอื่นๆ ที่ปรับปรุงให้สามารถรองรับหลายภารกิจการต่อสู้ ที่มีความยืดหยุ่นได้ตามสภาพแวดล้อม อันจะช่วยรับมือกับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ในทศวรรษที่ผ่านมา
นายร็อด แมคลีน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 และ เอฟ-22 ล็อกฮีด มาร์ติน กล่าวว่า การบินครั้งนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการพัฒนาของเครื่องบินเอฟ-16 โดยเครื่องบินเอฟ-16 รุ่นใหม่นี้ มีการปรับปรุงมากมาย ที่ออกแบบมาเพื่อให้ เอฟ-16 วี ยังอยู่ในแนวหน้าของการป้องกันประเทศ และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะเครื่องบินรบชั้นนำในยุคที่ 4
สำหรับ เอฟ-16 วี ที่ผลิตขึ้นใหม่ และทางเลือกสำหรับการอัพเกรด เอฟ-16 รุ่นเก่า เป็นการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างเดิมที่มีใช้งานอยู่ทั่วโลก ให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สู่การเป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ที่คุ้มค่าที่สุดในโลก ด้วยเรดาร์รุ่นใหม่ของ นอร์ทรอป กรัมแมน APG-83 SABR AESA อันเป็นระบบควบคุมการยิงยุคที่ 5 สำหรับการจับเป้าหมายอากาศ-สู่-อากาศ และ อากาศ-สู่-พื้น โดยนอร์ทรอปกรัมแมนก็ได้ผลิตเรดาร์แบบเดียวกันใช้ในเครื่องบินขับไล่ สเตลธ์ เอฟ-22 แร็พเตอร์ และ เอฟ-35 ไลท์นิ่ง ทู ปัจจุบันมี เอฟ-16 ถูกผลิตออกมาแล้ว กว่า 4,550 ลำ และ เอฟ-16 วี ก็จะเป็นรุ่นต่อไปของเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบบหนึ่ง
เอฟ-16 ซี บล็อก 50 ที่มีใช้งานในกองทัพอากาศสหรัฐ
ด้านสื่อทางทหารอย่าง ดีเฟนซ์ มีเดีย เน็ตเวิร์ก รายงานว่า สำหรับแผนการตลาดของ เอฟ-16 วี ทาง ล็อกฮีด มาร์ติน ตั้งเป้าจะขายในตลาดต่างประเทศอันเป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ เนื่องจาก ทอ.สหรัฐ กำลังอยู่ระหว่างแผนที่จะอัพเกรดฝูงบินเอฟ-16 ไปเป็น เอฟ-35 ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เอฟ-16 ซี ทอ.สหรัฐฯ สามารถอัพเกรดเปลี่ยนไปเป็น เอฟ-16 วี ได้ หากทางกองทัพต้องการ โดยราคาของ เอฟ-16 วี ด้านนายริชาร์ด อาบูลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านการทหาร มองว่า การอัพเกรดเอฟ-16 เก่า มีราคาเพียงครึ่งเดียวของเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 จึงน่าจะเป็นทางเลือกสำหรับประเทศที่มีงบจำกัด.
ที่มา : freebeacon
http://www.thairath.co.th/content/535045
เอฟ-16 วี บินเที่ยวแรก ประสบความสำเร็จ ชี้เหนือกว่าทุกรุ่นที่ผลิตมา
ล็อกฮีด มาร์ติน ประสบความสำเร็จในการบินทดสอบ เครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 วี 'ไวเปอร์' เป็นรุ่นล่าสุด และประสิทธิภาพเหนือกว่า เอฟ-16 ทุกรุ่นที่ผลิตออกขายในตลาด มาพร้อมเรดาร์ใหม่ AESA-SABR หวังเป็นยอด บ.ขับไล่อเนกประสงค์ ยุคที่ 4...
บริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ประสบความสำเร็จในการบินทดสอบเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 วี (F-16V) 'ไวเปอร์' ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด และประสิทธิภาพเหนือกว่า เอฟ-16 ทุกรุ่นที่ผลิตออกมาขายในตลาด โดยเที่ยวบินแรกได้มีขึ้น เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา และเป็นเครื่องแรกที่ เอฟ-16 บินไปกับระบบเรดาร์แบบใหม่ของ นอร์ทรอป กรัมแมน APG-83 ที่เป็นเรดาร์ AESA : Active Electronically Scanned Array Scalable Agile Beam Rada (SABR) ที่จะทำให้เป็นก้าวกระโดดเหนือกว่า เอฟ-16 ทั้งปวง
เอฟ-16 วี ติดตั้งระบบเอวิโอนิกส์ที่ทันสมัยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นห้องนักบิน ที่มากับจอภาพแบบ Center Pedestal Display คอมพิวเตอร์ควบคุมการบินรุ่นใหม่ พร้อมระบบอีเธอร์เน็ตที่มีบัสสูงเพื่อรองรับการรับ-ส่งข้อมูล และระบบอื่นๆ ที่ปรับปรุงให้สามารถรองรับหลายภารกิจการต่อสู้ ที่มีความยืดหยุ่นได้ตามสภาพแวดล้อม อันจะช่วยรับมือกับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ในทศวรรษที่ผ่านมา
นายร็อด แมคลีน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 และ เอฟ-22 ล็อกฮีด มาร์ติน กล่าวว่า การบินครั้งนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการพัฒนาของเครื่องบินเอฟ-16 โดยเครื่องบินเอฟ-16 รุ่นใหม่นี้ มีการปรับปรุงมากมาย ที่ออกแบบมาเพื่อให้ เอฟ-16 วี ยังอยู่ในแนวหน้าของการป้องกันประเทศ และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะเครื่องบินรบชั้นนำในยุคที่ 4
สำหรับ เอฟ-16 วี ที่ผลิตขึ้นใหม่ และทางเลือกสำหรับการอัพเกรด เอฟ-16 รุ่นเก่า เป็นการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างเดิมที่มีใช้งานอยู่ทั่วโลก ให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สู่การเป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ที่คุ้มค่าที่สุดในโลก ด้วยเรดาร์รุ่นใหม่ของ นอร์ทรอป กรัมแมน APG-83 SABR AESA อันเป็นระบบควบคุมการยิงยุคที่ 5 สำหรับการจับเป้าหมายอากาศ-สู่-อากาศ และ อากาศ-สู่-พื้น โดยนอร์ทรอปกรัมแมนก็ได้ผลิตเรดาร์แบบเดียวกันใช้ในเครื่องบินขับไล่ สเตลธ์ เอฟ-22 แร็พเตอร์ และ เอฟ-35 ไลท์นิ่ง ทู ปัจจุบันมี เอฟ-16 ถูกผลิตออกมาแล้ว กว่า 4,550 ลำ และ เอฟ-16 วี ก็จะเป็นรุ่นต่อไปของเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบบหนึ่ง
เอฟ-16 ซี บล็อก 50 ที่มีใช้งานในกองทัพอากาศสหรัฐ
ด้านสื่อทางทหารอย่าง ดีเฟนซ์ มีเดีย เน็ตเวิร์ก รายงานว่า สำหรับแผนการตลาดของ เอฟ-16 วี ทาง ล็อกฮีด มาร์ติน ตั้งเป้าจะขายในตลาดต่างประเทศอันเป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ เนื่องจาก ทอ.สหรัฐ กำลังอยู่ระหว่างแผนที่จะอัพเกรดฝูงบินเอฟ-16 ไปเป็น เอฟ-35 ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เอฟ-16 ซี ทอ.สหรัฐฯ สามารถอัพเกรดเปลี่ยนไปเป็น เอฟ-16 วี ได้ หากทางกองทัพต้องการ โดยราคาของ เอฟ-16 วี ด้านนายริชาร์ด อาบูลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านการทหาร มองว่า การอัพเกรดเอฟ-16 เก่า มีราคาเพียงครึ่งเดียวของเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 จึงน่าจะเป็นทางเลือกสำหรับประเทศที่มีงบจำกัด.
ที่มา : freebeacon
http://www.thairath.co.th/content/535045