(โปสการ์ดของนาซ่า ถ่ายตอนไปเที่ยว Space Center)
สวัสดีค่ะ จขกท. เพิ่งได้อ่านบทความเกี่ยวกับ
การศึกษากับยาพิษแอบแฝง โดย รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
(
https://blog.eduzones.com/magazine/149159)
อ่านแล้วมันใช่อ่ะ เลยอยากมาให้กำลังใจน้องๆที่กำลังอยู่กลางสมรภูมิข้อสอบ การแข่งขัน การเรียนพิเศษ และ การแอดมิชชั่น
การไม่ได้เรียนพิเศษไม่ใช่เรื่องแปลกแยก เรายังคงยืนยันความคิดนี้นะ
ถ้ามีคนบอกว่า ไม่เรียนพิเศษแล้วจะไปทันเพื่อนได้ยังไง จะสอบติดได้ยังไง?
ตอนนี้จขกท.ผ่านการแอดมิชชั่นมาแล้ว เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลกำลังเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนได้ทุนกพ.ก็ได้ทุนของมหาลัยชื่อดังมาก่อน(โควต้ารับตรง) แต่ก็เพราะได้ทุนกพ.นี่แหละ เลยสละสิทธิ์ทุนมหาลัยไป
เราบอกได้อย่างภูมิใจเลยนะ ว่า
เราไม่เคยเรียนพิเศษนะ แล้วเราเป็นนร.ทุนตั้งแต่ม.ปลายจนถึงมหาวิทยาลัยมาได้ยังไงล่ะเนี่ย?
สำหรับเรา การเรียนพิเศษเพื่อเพิ่มเติมส่วนที่ตัวเองไม่เข้าใจมันก็ดีนะ แต่ตัวเราเองเวลาไม่เข้าใจก็จะกลับไปอ่านหนังสือใหม่ หรือถามอาจารย์ ถามเพื่อน จนเก็ทไอเดีย ก็เลยไม่ต้องพึ่งการเรียนพิเศษ จริงๆไม่อยากเรียนเพราะมันแพงอ่ะ สงสารพ่อแม่ จ่ายค่าเทอมค่ากินอยู่ค่าเลี้ยงดูพอแล้ว เราเป็นภาระให้ท่านเลี้ยงดูพอแล้ว อะไรที่ลดความเหนื่อยไปได้ก็อยากทำ แต่เดี๋ยวนี้เราเห็นน้องๆส่วนมากเรียนเยอะยิ่งกว่าแข่งโอลิมปิควิชาการ(ความยากสู้สอวน.ไม่ได้นะ แต่ความหนักที่เรียนนี่ล้ำไปเยอะ จากการสังเกตุ) แล้วเคยถามตัวเองรึเปล่าว่าที่เรียนๆไปอ่ะ ทำให้เก่งขึ้นจริงมั้ย?
เราเคยตั้งคำถามกันรึเปล่า เราเรียนไปเพื่ออะไร? จริงๆ เราเองก็มีเพื่อนจำนวนมากที่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนไปเพื่ออะไร มันก็เศร้าดีเนอะ ชีวิตตัวเองไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร
เรามีคำถาม รู้มั้ย
ความสำเร็จมาจากไหน?
ความสำเร็จมาจาก เรามีเป้าหมาย เราอยากไปถึงเป้าหมายนั้น จริงๆมันก็มีแค่นั้นแหละ อุปสรรค ปัญหา ความล้มเหลว เป็นแค่สิ่งที่เกิดระหว่างทาง อย่าให้มันมาบังเป้าหมายของน้องก็พอ
ก่อนที่เราจะขึ้นมหาลัย เราเป็นคนที่ถนัดและชอบชีวะ พ่อกับแม่เราไม่เคยบังคับให้เราเรียนอะไร เพราะนี่คือชีวิตเรา แต่ญาติๆก็อาจจะมีความเห็นพิเศษหน่อย เค้าอยากให้เราเรียนแพทย์ เราไมรู้หรอกว่าเราเรียนได้มั้ย ถ้าตั้งใจจริงก็อาจจะสอบได้แหละ(คิดเอาเองนะ) แต่ว่า เราไม่ได้อยากเป็นแพทย์จริงๆ
เราชอบการเขียนโปรแกรม มันสนุกและท้าทาย เขียนแล้วไม่รัน มีบั้ค นั่งพัก กลับมาแก้ใหม่ได้ แต่ชีวิตคน ถ้าเรารักษาไม่ได้ เค้าตาย เรากลับมาแก้ใหม่ไม่ได้แล้ว เราไม่พร้อมที่จะแบกรับความรู้สึกนั้น เรารู้ตัว เราไม่แม้แต่ไปลองสอบแพทย์อ่ะ มันไม่ใช่ก็ไม่รู้จะไปลองให้เสียเวลาและเปลืองเงินทำไม
ว่าไปนั่น กลับมาเรื่องการเรียนดีกว่า เราไม่ได้บอกว่า ไม่เรียนพิเศษก็เก่งได้นะ แต่เราบอกวา การเรียนพิเศษไม่ใช่เวทย์มนต์ที่ทำให้ผู้เรียนเก่งได้ 100%
ความตั้งใจ ความสม่ำเสมอ ความสุขต่างหาก ที่ทำให้คนเราพัฒนาขึ้น และเก่งขึ้นได้
เราเชื่อแบบนั้น และเรายังคงเชื่อแบบนั้น ไม่ต้องเรียนพิเศษก็ได้ แต่ต้องมีสามอย่างที่บอกข้างบนแล้วหาวิธีทางที่เป็นของตัวเอง
เคยมีน้องๆหลายคนถามเราว่า เรียนยังไงให้เก่ง สอบยังไงให้ติด(ขอโม้หน่อย เราติดทุกที่ที่เราไปสอบนะ 5555) ฯลฯ
เราไม่มีเคล็ดลับอะไรมากหรอก เอาตรงๆบางทีเราก็ทำข้อสอบไม่ได้เหมือนกัน แหะๆ แต่ว่าเรามีนิสัยติดตัวอย่างนึง ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น และมันก็ช่วยเรามาได้มาก เรามาเรียนที่นี่ก็ยังรักษาเกรดและคะแนนได้ในระดับดีมาก ไม่ใช่เกรดดีนะ (อยากเล่นแต่ไม่ต้องขำก็ได้) แต่ก็ต้องดูกันต่อไป เนื้อหามันก็ยากขึ้นเรือยๆนั่นแหละ
1. เมื่อก่อนเราจะอ่านหนังสือเองและเตรียมความรู้ก่อนไปเรียนในห้อง(ส่วนใหญ่อ่านวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะวันธรรมดามีไว้ทำการบ้าน ทำกิจกรรม และเขียนโปรแกรมแข่ง NSC) เรามีสมุดจดด้วยนะ พวกที่เป็นเรื่องยากๆ หรือเน้นเป็นพิเศษ จดบ้างวาดรูปบ้าง mind map บ้าง ตามอารมณ์ (ไม่มีหลักแน่นอนหรอก วันไหนขี้เกียจจดตัวหนังสือก็วาดรูปแค่นั้นแหละ 55555)
ตอนนี้เราอ่าน Text ก่อนไปเรียนในคลาส แต่เราไม่อ่านให้เข้าใจถ่องแท้ทุกเรื่องหรอก เพราะเราเรียนเมกา คำศัพท์คืออุปสรรค์มากที่สุด ก็อ่านให้รู้ว่าคอนเซ็ปต์คืออะไร มีอะไรสำคัญๆ เข้าใจนิยาม แค่นี้พอ แล้วก็ตั้งใจฟังอาจารย์สอนในคลาสนะ มือถือเล่นตอนไหนก็ได้ แต่เนื้อหาที่ครูพูด มันกดรีเพลย์อีกรอบไม่ได้นะ (อัดเสียงไว้ก็ว่าไปอย่าง แต่น้องก็ไม่เห็นเนื้อหาบนกระดานอยู่ดี)
2. ตอนเรียนมีปัญหาให้ถามอาจารย์เลย อย่าเก็บไว้นาน เวลาสงสัยแล้วเข้าใจทันที มันจะฝังในหัว แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
3. กลับมาก็ทำการบ้านก่อน (เราไม่ชอบดองงานนานๆ) แล้วก็อ่านทบทวนถ้ายังไม่ค่อยเข้าใจ
4. พอหมด 1 สัปดาห์เราจะทำข้อสอบเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนในอาทิตย์นั้นเพื่อดูว่าเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เรื่องไหนมีปัญหา แล้วก็กลับไปทบทวนเรื่องนั้นอีกรอบ ถ้าทุกอย่างโอเค ก็ขึ้นบทใหม่ เตรียมพร้อมสำหรับการเรียนอาทิตย์ถัดไป
5. ทำสม่ำเสมอ พอถึงช่วงก่อนสอบก็อ่านเฉพาะสมุดบันทึกเนื้อหาที่เราจดตอนทบทวน กับทำข้อสอบเพื่อดูทำได้แล้วยัง เรื่องไหนมีปัญหาก็กลับไปทบทวนอีกรอบ
6. สอบเสร็จเวลาออกมานอกห้องสอบ อันไหนที่ทำไม่ได้ รีบกลับไปดู ดูคำตอบ อันนี้แหละทำให้เราจำแม่นเลยทีหลัง ไม่พลาดละ
เราทำเท่านี้แหละ จะเห็นว่าเรามีเวลาเหลือเยอะเลย เราก็ไปวิ่งบ้างออกกำลังกายบ้าง ศึกษาเรื่องอื่นๆ (เมื่อก่อนทำงาน Graphic Design ไม่เก่งเลยชอบนั่งวาดรูป ลงสี ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว) กินๆนอนๆ อ้อ สอนเพื่อนด้วย ช่วยทบทวนตัวเองได้เยอะมาก
ตอนนี้เราก็ยังเรียนไม่จบหรอก แต่เราทำงานส่งตัวเองมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว หาพวกเงินค่าขนม ซื้อของใช้ อะไรแบบนี้ (โปรแกรมเมอร์ไม่จำเป็นต้องมีปริญญา มีทักษะก็ทำงานหาเงินได้) ตอนนี้ถึงจะเรียนที่เมกา แต่ก็ยังทำงานที่ไทย ได้เงินหลายหลักแล้ว ก็เก็บไว้ ลงทุนบ้าง แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นเน่า ก็กองๆไว้ในบัญชี (บ่นทำไมเนี่ย ไม่มีใครถามเลย)
ว่าจะเขียนนิดเดียว เขียนยาวไปหน่อย ถ้าได้อ่านมาถึงตรงนี้ได้ เรามีคำถามสุดท้าย
สังเกตมั้ย ที่เขียนมาทั้งหมดก็มีแค่ประโยค ตัวอักษร รูปก็ไม่มี เนื้อหาก็ไม่ได้สนุกเลย อ่านมาจบได้ยังไงเนี่ย?
เพราะว่าคนที่อ่านมีเป้าหมาย อยากรู้ว่าจขกท.ต้องการจะบอกอะไร นั่นแหละ เลยอ่านมาได้จนจบ
เวลาอ่านหนังสือเรียนก็ไม่ต่างกันหรอก ถ้าเราอยากรู้ ถ้าเราอยากเข้าใจมัน
เห็นมั้ยล่ะ พลังของการมีเป้าหมาย ความอยาก มหัศจรรย์ดีเนอะ
งั้นก็ปิดกระทู้แล้วไปตามหาเป้าหมายและความฝันของตัวเองได้แล้ว แล้วก็เริ่มลงมือทำกันได้แล้วนะ อย่าลืมล่ะ เรียนพิเศษเป็นแค่ตัวช่วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวผู้เรียนเองนะจ้ะ
ขอให้ทุกคนโชคดี
[กระทู้แรงบันดาลใจ] ไม่เรียนพิเศษแล้วจะไปทันเพื่อนได้ยังไง? จากนักเรียนทุนคนนึงที่ไม่เคยเรียนพิเศษ
สวัสดีค่ะ จขกท. เพิ่งได้อ่านบทความเกี่ยวกับ การศึกษากับยาพิษแอบแฝง โดย รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
(https://blog.eduzones.com/magazine/149159)
อ่านแล้วมันใช่อ่ะ เลยอยากมาให้กำลังใจน้องๆที่กำลังอยู่กลางสมรภูมิข้อสอบ การแข่งขัน การเรียนพิเศษ และ การแอดมิชชั่น
การไม่ได้เรียนพิเศษไม่ใช่เรื่องแปลกแยก เรายังคงยืนยันความคิดนี้นะ
ถ้ามีคนบอกว่า ไม่เรียนพิเศษแล้วจะไปทันเพื่อนได้ยังไง จะสอบติดได้ยังไง?
ตอนนี้จขกท.ผ่านการแอดมิชชั่นมาแล้ว เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลกำลังเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนได้ทุนกพ.ก็ได้ทุนของมหาลัยชื่อดังมาก่อน(โควต้ารับตรง) แต่ก็เพราะได้ทุนกพ.นี่แหละ เลยสละสิทธิ์ทุนมหาลัยไป
เราบอกได้อย่างภูมิใจเลยนะ ว่าเราไม่เคยเรียนพิเศษนะ แล้วเราเป็นนร.ทุนตั้งแต่ม.ปลายจนถึงมหาวิทยาลัยมาได้ยังไงล่ะเนี่ย?
สำหรับเรา การเรียนพิเศษเพื่อเพิ่มเติมส่วนที่ตัวเองไม่เข้าใจมันก็ดีนะ แต่ตัวเราเองเวลาไม่เข้าใจก็จะกลับไปอ่านหนังสือใหม่ หรือถามอาจารย์ ถามเพื่อน จนเก็ทไอเดีย ก็เลยไม่ต้องพึ่งการเรียนพิเศษ จริงๆไม่อยากเรียนเพราะมันแพงอ่ะ สงสารพ่อแม่ จ่ายค่าเทอมค่ากินอยู่ค่าเลี้ยงดูพอแล้ว เราเป็นภาระให้ท่านเลี้ยงดูพอแล้ว อะไรที่ลดความเหนื่อยไปได้ก็อยากทำ แต่เดี๋ยวนี้เราเห็นน้องๆส่วนมากเรียนเยอะยิ่งกว่าแข่งโอลิมปิควิชาการ(ความยากสู้สอวน.ไม่ได้นะ แต่ความหนักที่เรียนนี่ล้ำไปเยอะ จากการสังเกตุ) แล้วเคยถามตัวเองรึเปล่าว่าที่เรียนๆไปอ่ะ ทำให้เก่งขึ้นจริงมั้ย?
เราเคยตั้งคำถามกันรึเปล่า เราเรียนไปเพื่ออะไร? จริงๆ เราเองก็มีเพื่อนจำนวนมากที่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนไปเพื่ออะไร มันก็เศร้าดีเนอะ ชีวิตตัวเองไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร
เรามีคำถาม รู้มั้ย ความสำเร็จมาจากไหน?
ความสำเร็จมาจาก เรามีเป้าหมาย เราอยากไปถึงเป้าหมายนั้น จริงๆมันก็มีแค่นั้นแหละ อุปสรรค ปัญหา ความล้มเหลว เป็นแค่สิ่งที่เกิดระหว่างทาง อย่าให้มันมาบังเป้าหมายของน้องก็พอ
ก่อนที่เราจะขึ้นมหาลัย เราเป็นคนที่ถนัดและชอบชีวะ พ่อกับแม่เราไม่เคยบังคับให้เราเรียนอะไร เพราะนี่คือชีวิตเรา แต่ญาติๆก็อาจจะมีความเห็นพิเศษหน่อย เค้าอยากให้เราเรียนแพทย์ เราไมรู้หรอกว่าเราเรียนได้มั้ย ถ้าตั้งใจจริงก็อาจจะสอบได้แหละ(คิดเอาเองนะ) แต่ว่า เราไม่ได้อยากเป็นแพทย์จริงๆ
เราชอบการเขียนโปรแกรม มันสนุกและท้าทาย เขียนแล้วไม่รัน มีบั้ค นั่งพัก กลับมาแก้ใหม่ได้ แต่ชีวิตคน ถ้าเรารักษาไม่ได้ เค้าตาย เรากลับมาแก้ใหม่ไม่ได้แล้ว เราไม่พร้อมที่จะแบกรับความรู้สึกนั้น เรารู้ตัว เราไม่แม้แต่ไปลองสอบแพทย์อ่ะ มันไม่ใช่ก็ไม่รู้จะไปลองให้เสียเวลาและเปลืองเงินทำไม
ว่าไปนั่น กลับมาเรื่องการเรียนดีกว่า เราไม่ได้บอกว่า ไม่เรียนพิเศษก็เก่งได้นะ แต่เราบอกวา การเรียนพิเศษไม่ใช่เวทย์มนต์ที่ทำให้ผู้เรียนเก่งได้ 100%
ความตั้งใจ ความสม่ำเสมอ ความสุขต่างหาก ที่ทำให้คนเราพัฒนาขึ้น และเก่งขึ้นได้
เราเชื่อแบบนั้น และเรายังคงเชื่อแบบนั้น ไม่ต้องเรียนพิเศษก็ได้ แต่ต้องมีสามอย่างที่บอกข้างบนแล้วหาวิธีทางที่เป็นของตัวเอง
เคยมีน้องๆหลายคนถามเราว่า เรียนยังไงให้เก่ง สอบยังไงให้ติด(ขอโม้หน่อย เราติดทุกที่ที่เราไปสอบนะ 5555) ฯลฯ
เราไม่มีเคล็ดลับอะไรมากหรอก เอาตรงๆบางทีเราก็ทำข้อสอบไม่ได้เหมือนกัน แหะๆ แต่ว่าเรามีนิสัยติดตัวอย่างนึง ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น และมันก็ช่วยเรามาได้มาก เรามาเรียนที่นี่ก็ยังรักษาเกรดและคะแนนได้ในระดับดีมาก ไม่ใช่เกรดดีนะ (อยากเล่นแต่ไม่ต้องขำก็ได้) แต่ก็ต้องดูกันต่อไป เนื้อหามันก็ยากขึ้นเรือยๆนั่นแหละ
1. เมื่อก่อนเราจะอ่านหนังสือเองและเตรียมความรู้ก่อนไปเรียนในห้อง(ส่วนใหญ่อ่านวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะวันธรรมดามีไว้ทำการบ้าน ทำกิจกรรม และเขียนโปรแกรมแข่ง NSC) เรามีสมุดจดด้วยนะ พวกที่เป็นเรื่องยากๆ หรือเน้นเป็นพิเศษ จดบ้างวาดรูปบ้าง mind map บ้าง ตามอารมณ์ (ไม่มีหลักแน่นอนหรอก วันไหนขี้เกียจจดตัวหนังสือก็วาดรูปแค่นั้นแหละ 55555)
ตอนนี้เราอ่าน Text ก่อนไปเรียนในคลาส แต่เราไม่อ่านให้เข้าใจถ่องแท้ทุกเรื่องหรอก เพราะเราเรียนเมกา คำศัพท์คืออุปสรรค์มากที่สุด ก็อ่านให้รู้ว่าคอนเซ็ปต์คืออะไร มีอะไรสำคัญๆ เข้าใจนิยาม แค่นี้พอ แล้วก็ตั้งใจฟังอาจารย์สอนในคลาสนะ มือถือเล่นตอนไหนก็ได้ แต่เนื้อหาที่ครูพูด มันกดรีเพลย์อีกรอบไม่ได้นะ (อัดเสียงไว้ก็ว่าไปอย่าง แต่น้องก็ไม่เห็นเนื้อหาบนกระดานอยู่ดี)
2. ตอนเรียนมีปัญหาให้ถามอาจารย์เลย อย่าเก็บไว้นาน เวลาสงสัยแล้วเข้าใจทันที มันจะฝังในหัว แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
3. กลับมาก็ทำการบ้านก่อน (เราไม่ชอบดองงานนานๆ) แล้วก็อ่านทบทวนถ้ายังไม่ค่อยเข้าใจ
4. พอหมด 1 สัปดาห์เราจะทำข้อสอบเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนในอาทิตย์นั้นเพื่อดูว่าเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เรื่องไหนมีปัญหา แล้วก็กลับไปทบทวนเรื่องนั้นอีกรอบ ถ้าทุกอย่างโอเค ก็ขึ้นบทใหม่ เตรียมพร้อมสำหรับการเรียนอาทิตย์ถัดไป
5. ทำสม่ำเสมอ พอถึงช่วงก่อนสอบก็อ่านเฉพาะสมุดบันทึกเนื้อหาที่เราจดตอนทบทวน กับทำข้อสอบเพื่อดูทำได้แล้วยัง เรื่องไหนมีปัญหาก็กลับไปทบทวนอีกรอบ
6. สอบเสร็จเวลาออกมานอกห้องสอบ อันไหนที่ทำไม่ได้ รีบกลับไปดู ดูคำตอบ อันนี้แหละทำให้เราจำแม่นเลยทีหลัง ไม่พลาดละ
เราทำเท่านี้แหละ จะเห็นว่าเรามีเวลาเหลือเยอะเลย เราก็ไปวิ่งบ้างออกกำลังกายบ้าง ศึกษาเรื่องอื่นๆ (เมื่อก่อนทำงาน Graphic Design ไม่เก่งเลยชอบนั่งวาดรูป ลงสี ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว) กินๆนอนๆ อ้อ สอนเพื่อนด้วย ช่วยทบทวนตัวเองได้เยอะมาก
ตอนนี้เราก็ยังเรียนไม่จบหรอก แต่เราทำงานส่งตัวเองมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว หาพวกเงินค่าขนม ซื้อของใช้ อะไรแบบนี้ (โปรแกรมเมอร์ไม่จำเป็นต้องมีปริญญา มีทักษะก็ทำงานหาเงินได้) ตอนนี้ถึงจะเรียนที่เมกา แต่ก็ยังทำงานที่ไทย ได้เงินหลายหลักแล้ว ก็เก็บไว้ ลงทุนบ้าง แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นเน่า ก็กองๆไว้ในบัญชี (บ่นทำไมเนี่ย ไม่มีใครถามเลย)
ว่าจะเขียนนิดเดียว เขียนยาวไปหน่อย ถ้าได้อ่านมาถึงตรงนี้ได้ เรามีคำถามสุดท้าย
สังเกตมั้ย ที่เขียนมาทั้งหมดก็มีแค่ประโยค ตัวอักษร รูปก็ไม่มี เนื้อหาก็ไม่ได้สนุกเลย อ่านมาจบได้ยังไงเนี่ย?
เพราะว่าคนที่อ่านมีเป้าหมาย อยากรู้ว่าจขกท.ต้องการจะบอกอะไร นั่นแหละ เลยอ่านมาได้จนจบ
เวลาอ่านหนังสือเรียนก็ไม่ต่างกันหรอก ถ้าเราอยากรู้ ถ้าเราอยากเข้าใจมัน
เห็นมั้ยล่ะ พลังของการมีเป้าหมาย ความอยาก มหัศจรรย์ดีเนอะ
งั้นก็ปิดกระทู้แล้วไปตามหาเป้าหมายและความฝันของตัวเองได้แล้ว แล้วก็เริ่มลงมือทำกันได้แล้วนะ อย่าลืมล่ะ เรียนพิเศษเป็นแค่ตัวช่วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวผู้เรียนเองนะจ้ะ
ขอให้ทุกคนโชคดี