ในทริปนี้เป็นการมาเที่ยวทะเลกับพ้องเพื่อน โดยเราตกลงกันไปที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร รีวิวครั้งนี้จะเป็นการแนะนำ
ที่พัก + อาหารการกิน + ดำน้ำทริปนี้เราใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เนื่องจากไม่ไกลจากกรุงเทพสักเท่าไร ในบรรดาเกาะต่างๆที่อยู่
ในเขตอุทยาน จะมีเพียงเกาะเดียวเท่านั้นที่ มีที่พักเป็นโฮมสเตย์นั่นก็คือเกาะมัตตรา และเป็นที่พักของเราในครั้งนี้
เจ้าของเกาะผู้ใจดีและน่ารักก็คือลุงขาว เราได้โทรติดต่อเรื่องที่พัก และเรื่องอาหารการกินเรียบร้อย
ก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว เดินทางจากกรุงเทพ ไป ถึงจุดขึ้นเรือประมาน 5-6 ชั่วโมงคับ เราขึ้นเรือกันที่ อุทยานเลย มีที่จอดรถ
พร้อมปลอดภัยหายห่วง เราถึงที่ขึ้นเรือประมานบ่ายกว่าๆ ก็มีเรือมารับ ตอนเราไปเหมือนคลื่นลมจะแรงมาก ทำเอาคลื่นไส้กันไปตามๆกัน
ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงที่พักของเรา นั่นก็คือเกาะมัตตรา ทะเลที่นี่ใสมาก อาจจะไม่เป็นสีฟ้าเหมือนทางอันดามัน
แต่ท้องทะเลของอ่าวไทยก็มีสีที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกัน เพราะน้ำทะเลที่นี่จะออกสีเขียวมรกต มาดูที่พักเราดีก่า
หาดที่นี่จะเป็นหินซะส่วนใหญ่ แต่ทรายข้างบนก็นุ่มและขาวเหมือนเราเหยียบแป้งเลย55
หลังที่เรานอนกันจะเป็นหลังสีฟ้านั่นแหละคับ เป็นบ้านหลังใหญ่ นอนได้ครบแก๊งค์ ทริปนี้เรามากันทั้งหมด 9 คน
แล้ววันที่เราไปแทบจะมีแค่กรุ๊ปเรากรุ๊ปเดียว มันเลยส่วนตัวมากๆเลย เงียบสงบ ต้องบอกก่อนว่าที่นี่เป็นโฮมสเตย์
บ้านพักอาจจะไม่ได้สวยงามอะไรมากนัก แต่บรรยากาศและวิวทิวทัศน์นี่กินขาดเลยคับ หลังจากเราเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
ก็เตรียมตัวออกไปดำน้ำกันละคับ นี่คงจะเป็นการดำน้ำครั้งที่2ในชีวิต เพราะครั้งแรกนั้นไปดำที่หมู่เกาะสุรินทร์ ตอนนั้นเด็กมาก
ไปตั้งแต่ยังไม่มีสึนามิ มันเป็นอะไรที่สวยมาก ถ้าพูดถึงตอนนั้น เบอร์1 สำหรับ การดำน้ำก็คงเป็นหมู่เกาะสุรินทร์
กลับมาที่หมู่เกาะชุมพรต่อ555 เราเหมาเรือทั้งหมด3วันเลยคับ ราคาถูกมาก จะไปไหนก็ได้ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครบังคับ
เรือลำนี้ละคับที่จะอยู่กับเราจนถึงฝั่ง
ไต๋ก๋งเรือพาเราไปดำน้ำจุดแรกของวันนี้ก็คือ เกาะหลักแรดคับ น้ำเขียว ใส เห็นปะการังเลย
สมชื่อมันจริงๆ เหมือนแรดนอนอาบแดดอยู่เลย55
หลังจากนั้นเราไม่รอช้า กระโดดลงทะเลกันเลย เหมือนจะอัดอั้น
หาไรกันอยู่ก็ไม่รู้ รู้แต่ตูไม่สนอะไรแล้วจะดูปะการังอย่างเดียว ในครั้งนี้เราอาจจะไม่มีรูปปะการัง
เพราะเนื่องจากอุปกรณ์ตอนนั้นยังไม่พร้อมสักเท่าไร เราดูปะการังอย่างเพลิดเพลิน ที่นี่ปะการักยังสมบูรณ์มากๆ จิงๆ
เนื่องจากมีปะการังอ่อนมากมาย ดอกไม้ทะเลก็เยอะ อีกทั้งปลาที่มาคอยหยอกล้อกับเราตลอด โอ๊ย ฟินฮะ
หลังจากใช้เวลาที่เกาะหลักแรดพอสมควรเราก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังลังกาจิวกันแล้ว ที่เกาะนี้ เป็นเหมือนสัมปทานนกนางแอ่น
มีคนเฝ้าตลอดเวลา นกจะอยู่ตามโขดหินหน้าผา เสียงระงมไปหมด
ที่เกาะรังกาจิวน้ำ้ใสมากๆเลย มองไปทางไหนก็สวย หาดทรายขาวมาก
รอไรหละ ดำน้ำสิจ๊ะ
เรากินข้าวกลางวันที่เกาะนี้ด้วย ลุงขาวและภรรยาเตรียมข้าวให้เรามากินบนเรือด้วย น่ารักจิงๆ
และก็ถึงเวลาไปดำน้ำในที่ต่อไป เราจำชื่อไม่ได้แต่ขอเรียกว่าเกาะเต่านะ ทำไมนะหรอ
มันเหมือนน้องเต่าเลย ที่นี่ดูเหมือนจะประทับใจผมที่สุดเนื่องจากดอกไม้ทะเลสวยมาก
อีกนัยนึงก็คือน้ำที่ลึกจนมองลงไปนี่สุดลูกหูลูกตา ทำให้ใจเสียจนผวาไปหยิบเสื้อชูชีพแทบไม่ทัน
มันเหมือนเราลอยอยู่บนภูเขา ข้างล่างนั้นเป็นเหวลึก + กับใกล้กับเกาะทำให้คลื่นที่ปะทะนั้นแรงมาก
แต่อย่างนั้นก็ไม่ทำให้เราลดละสายตาจากสิ่งที่เรามองอยู่เบื้องล่างได้ มันเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะไปเรียนดำน้ำ
เพื่อจะลงไปสัมผัสกับโลกใต้ท้องทะเล หลังจากนั้นไต๋ก๋งเรือก็พาเรากลับไปพักผ่อนที่บ้านพัก โดยในค่ำคืนนี้เราจะไปตกปลาหมึกกินกัน
ในทริปนี้เรายังดีใจที่พบสิงโตทะเลอีกด้วย555
หลังจากเล่นน้ำและถ่ายรูปรอบๆเกาะกัน ก็ได้เวลาอาหารมื้อเย็น เราบอกให้ลุงขาวหาซื้อปูมาให้หน่อย ก็ได้ปูที่สดมากมาพร้อมกับราคาที่ถูกมาก
กิโลละ 180 บาทเอง แทะกันฟันเหยินเลยคราวนี้ หลังจากเอร็ดอร่อยจากการแทะปูและกุ้ง ก็ได้เวลาที่จะออกไปตกปลาหมึกกันแล้ว
มันคงเป็นครั้งแรกของทุกคน ไม่แปลกที่จะตื่นเต้น
ไต๋ก๋งเรือสอนวิธีในการตกปลาหมึก
หย่อนลงไปไม่ถึงนาทีก็ติดขึ้นมาแล้ว มันเยอะจิงๆนะหลังจากนั้นก็เป็นของเรามั่ง ไม่น้อยหน้าไต๋ก๋งแน่นอน
สนุกสนานกันปายย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการตกปลาหมึกขึ้นมาแล้วกินสดๆเลย ขอบอกว่าอร่อยมาก หวานแบบไม่ต้องปรุงอะไรเลย
กินกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดหละก็ บอกได้คำเดียวว่าเบรกแตกคับ
อย่อยจิงๆ ภรรยาลุงขาวทำน้ำจิ้มสุดแซ่บมาให้ 55
หลังจากกินปลาหมึกกันอิ่มหนำสำราญก็ได้เวลา เดินทางกลับไปพักผ่อนที่เกาะแล้ว ระหว่างทางก่อนถึงเกาะของเรานั้น
เนื่องจากไฟที่ใช้ส่องปลาหมึกไต๋ก๋งยังไม่ได้เก็บเข้ามา ทำให้ปลากระบอกกระโดดขึ้นมาบนเรือเต็มไปหมด
เราไม่ได้ถ่ายรูป เพราะมัวแต่ตกใจกันอยู่55
พอถึงเกาะก็แยกย้ายกันเข้านอน เตรียมเดินทางกลับฝั่งในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เราเดินเก็บรูปถ่ายไปเรื่อยๆเพลิน ก็ได้เวลาเก็บสัมภาระกลับกันแล้วซิ
นั่งรอไต๋ก๋งมารับ หลังจากนั้นเรานั่งเรือมาถึงฝั่งและไปแวะกินอาหารทะเลที่หาดทรายรี พร้อมทั้ง สักการะ กรมหลวงชุมพร แล้วเดินทางกลับกรุงเทพ ร้านอาหารที่หาดทรายรีนั้น สด และ ถูกมาก เราสั่งหอยนางรมไปคนละ1ตัว ตัวนึงก็เกือบเท่าจานข้าวอะคับ ตัวละ 50 บาทเอง (เสียดายรูปไม่มีเพราะตอนนั้นหิวมาก)
***เพิ่มเติม***
-บนเกาะไม่มีอะไรกินนอกจากที่ลุงขาวกับป้าทำอาหารไว้ให้
-ควรแวะซื้อเสบียงระหว่างทางมาอุทยาน มีขายเยอะ
-น้ำแข็งเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ
-เราให้ลุงขาวจัดการให้เราหมดเลยไม่ว่าจะที่กินที่พัก โดยราคาจะคิดแบบเหมาหัว ขอบอกว่าคุ้มมากๆ ถูกด้วย
-ควรจะเหมาเรือเป็นของเราสำหรับทริปนั้นๆเลย สะดวกและ ส่วนตัวกว่าเยอะ
-ควรมีเวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน เพราะยังมีที่ดำน้ำสวยๆอีกเพียบ
-สุดท้ายก็คงเป็นหัวใจที่พร้อมในการออกไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ บางทีอาจจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตของเรา
มันคงเป็นภาพความทรงจำที่เราไม่มีวันลืมเลือน เราคงเป็นมากกว่าเพื่อน มันคือ
ครอบครัว ที่อบอุ่นเสมอ
การเดินทางสำหรับเรานั้นไม่มีคำว่าจะสิ้นสุด เพียงแต่ออกเดินทางต่อไปเพื่อตามหาในสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ พบปะสิ่งใหม่
เจอเพื่อนใหม่ๆ เพียงพบเจอมิตรภาพที่งดงาม
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ทาง https://www.facebook.com/pages/Touch-Your-Life/1114852641859980
สำหรับสถานที่แห่งนี้ยังคงมีหลากหลายความสวยงาม ที่นำพาเรากลับมาอีกครั้ง เราจะเก็บความงามใต้ท้องทะเลและอื่นๆให้ชมอีกมากมาย
ติดตาม Part II ได้ที่นี่ เร็วๆนี้
[CR] ล่องอ่าวไทย แล้วไขความลับแห่ง หมู่เกาะชุมพร ( PART I )
ในทริปนี้เป็นการมาเที่ยวทะเลกับพ้องเพื่อน โดยเราตกลงกันไปที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร รีวิวครั้งนี้จะเป็นการแนะนำ
ที่พัก + อาหารการกิน + ดำน้ำทริปนี้เราใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เนื่องจากไม่ไกลจากกรุงเทพสักเท่าไร ในบรรดาเกาะต่างๆที่อยู่
ในเขตอุทยาน จะมีเพียงเกาะเดียวเท่านั้นที่ มีที่พักเป็นโฮมสเตย์นั่นก็คือเกาะมัตตรา และเป็นที่พักของเราในครั้งนี้
เจ้าของเกาะผู้ใจดีและน่ารักก็คือลุงขาว เราได้โทรติดต่อเรื่องที่พัก และเรื่องอาหารการกินเรียบร้อย
ก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว เดินทางจากกรุงเทพ ไป ถึงจุดขึ้นเรือประมาน 5-6 ชั่วโมงคับ เราขึ้นเรือกันที่ อุทยานเลย มีที่จอดรถ
พร้อมปลอดภัยหายห่วง เราถึงที่ขึ้นเรือประมานบ่ายกว่าๆ ก็มีเรือมารับ ตอนเราไปเหมือนคลื่นลมจะแรงมาก ทำเอาคลื่นไส้กันไปตามๆกัน
ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงที่พักของเรา นั่นก็คือเกาะมัตตรา ทะเลที่นี่ใสมาก อาจจะไม่เป็นสีฟ้าเหมือนทางอันดามัน
แต่ท้องทะเลของอ่าวไทยก็มีสีที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกัน เพราะน้ำทะเลที่นี่จะออกสีเขียวมรกต มาดูที่พักเราดีก่า
หาดที่นี่จะเป็นหินซะส่วนใหญ่ แต่ทรายข้างบนก็นุ่มและขาวเหมือนเราเหยียบแป้งเลย55
หลังที่เรานอนกันจะเป็นหลังสีฟ้านั่นแหละคับ เป็นบ้านหลังใหญ่ นอนได้ครบแก๊งค์ ทริปนี้เรามากันทั้งหมด 9 คน
แล้ววันที่เราไปแทบจะมีแค่กรุ๊ปเรากรุ๊ปเดียว มันเลยส่วนตัวมากๆเลย เงียบสงบ ต้องบอกก่อนว่าที่นี่เป็นโฮมสเตย์
บ้านพักอาจจะไม่ได้สวยงามอะไรมากนัก แต่บรรยากาศและวิวทิวทัศน์นี่กินขาดเลยคับ หลังจากเราเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
ก็เตรียมตัวออกไปดำน้ำกันละคับ นี่คงจะเป็นการดำน้ำครั้งที่2ในชีวิต เพราะครั้งแรกนั้นไปดำที่หมู่เกาะสุรินทร์ ตอนนั้นเด็กมาก
ไปตั้งแต่ยังไม่มีสึนามิ มันเป็นอะไรที่สวยมาก ถ้าพูดถึงตอนนั้น เบอร์1 สำหรับ การดำน้ำก็คงเป็นหมู่เกาะสุรินทร์
กลับมาที่หมู่เกาะชุมพรต่อ555 เราเหมาเรือทั้งหมด3วันเลยคับ ราคาถูกมาก จะไปไหนก็ได้ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครบังคับ
เรือลำนี้ละคับที่จะอยู่กับเราจนถึงฝั่ง
ไต๋ก๋งเรือพาเราไปดำน้ำจุดแรกของวันนี้ก็คือ เกาะหลักแรดคับ น้ำเขียว ใส เห็นปะการังเลย
สมชื่อมันจริงๆ เหมือนแรดนอนอาบแดดอยู่เลย55
หลังจากนั้นเราไม่รอช้า กระโดดลงทะเลกันเลย เหมือนจะอัดอั้น
หาไรกันอยู่ก็ไม่รู้ รู้แต่ตูไม่สนอะไรแล้วจะดูปะการังอย่างเดียว ในครั้งนี้เราอาจจะไม่มีรูปปะการัง
เพราะเนื่องจากอุปกรณ์ตอนนั้นยังไม่พร้อมสักเท่าไร เราดูปะการังอย่างเพลิดเพลิน ที่นี่ปะการักยังสมบูรณ์มากๆ จิงๆ
เนื่องจากมีปะการังอ่อนมากมาย ดอกไม้ทะเลก็เยอะ อีกทั้งปลาที่มาคอยหยอกล้อกับเราตลอด โอ๊ย ฟินฮะ
หลังจากใช้เวลาที่เกาะหลักแรดพอสมควรเราก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังลังกาจิวกันแล้ว ที่เกาะนี้ เป็นเหมือนสัมปทานนกนางแอ่น
มีคนเฝ้าตลอดเวลา นกจะอยู่ตามโขดหินหน้าผา เสียงระงมไปหมด
ที่เกาะรังกาจิวน้ำ้ใสมากๆเลย มองไปทางไหนก็สวย หาดทรายขาวมาก
รอไรหละ ดำน้ำสิจ๊ะ
เรากินข้าวกลางวันที่เกาะนี้ด้วย ลุงขาวและภรรยาเตรียมข้าวให้เรามากินบนเรือด้วย น่ารักจิงๆ
และก็ถึงเวลาไปดำน้ำในที่ต่อไป เราจำชื่อไม่ได้แต่ขอเรียกว่าเกาะเต่านะ ทำไมนะหรอ
มันเหมือนน้องเต่าเลย ที่นี่ดูเหมือนจะประทับใจผมที่สุดเนื่องจากดอกไม้ทะเลสวยมาก
อีกนัยนึงก็คือน้ำที่ลึกจนมองลงไปนี่สุดลูกหูลูกตา ทำให้ใจเสียจนผวาไปหยิบเสื้อชูชีพแทบไม่ทัน
มันเหมือนเราลอยอยู่บนภูเขา ข้างล่างนั้นเป็นเหวลึก + กับใกล้กับเกาะทำให้คลื่นที่ปะทะนั้นแรงมาก
แต่อย่างนั้นก็ไม่ทำให้เราลดละสายตาจากสิ่งที่เรามองอยู่เบื้องล่างได้ มันเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะไปเรียนดำน้ำ
เพื่อจะลงไปสัมผัสกับโลกใต้ท้องทะเล หลังจากนั้นไต๋ก๋งเรือก็พาเรากลับไปพักผ่อนที่บ้านพัก โดยในค่ำคืนนี้เราจะไปตกปลาหมึกกินกัน
ในทริปนี้เรายังดีใจที่พบสิงโตทะเลอีกด้วย555
หลังจากเล่นน้ำและถ่ายรูปรอบๆเกาะกัน ก็ได้เวลาอาหารมื้อเย็น เราบอกให้ลุงขาวหาซื้อปูมาให้หน่อย ก็ได้ปูที่สดมากมาพร้อมกับราคาที่ถูกมาก
กิโลละ 180 บาทเอง แทะกันฟันเหยินเลยคราวนี้ หลังจากเอร็ดอร่อยจากการแทะปูและกุ้ง ก็ได้เวลาที่จะออกไปตกปลาหมึกกันแล้ว
มันคงเป็นครั้งแรกของทุกคน ไม่แปลกที่จะตื่นเต้น
ไต๋ก๋งเรือสอนวิธีในการตกปลาหมึก
หย่อนลงไปไม่ถึงนาทีก็ติดขึ้นมาแล้ว มันเยอะจิงๆนะหลังจากนั้นก็เป็นของเรามั่ง ไม่น้อยหน้าไต๋ก๋งแน่นอน
สนุกสนานกันปายย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการตกปลาหมึกขึ้นมาแล้วกินสดๆเลย ขอบอกว่าอร่อยมาก หวานแบบไม่ต้องปรุงอะไรเลย
กินกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดหละก็ บอกได้คำเดียวว่าเบรกแตกคับ
อย่อยจิงๆ ภรรยาลุงขาวทำน้ำจิ้มสุดแซ่บมาให้ 55
หลังจากกินปลาหมึกกันอิ่มหนำสำราญก็ได้เวลา เดินทางกลับไปพักผ่อนที่เกาะแล้ว ระหว่างทางก่อนถึงเกาะของเรานั้น
เนื่องจากไฟที่ใช้ส่องปลาหมึกไต๋ก๋งยังไม่ได้เก็บเข้ามา ทำให้ปลากระบอกกระโดดขึ้นมาบนเรือเต็มไปหมด
เราไม่ได้ถ่ายรูป เพราะมัวแต่ตกใจกันอยู่55
พอถึงเกาะก็แยกย้ายกันเข้านอน เตรียมเดินทางกลับฝั่งในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เราเดินเก็บรูปถ่ายไปเรื่อยๆเพลิน ก็ได้เวลาเก็บสัมภาระกลับกันแล้วซิ
นั่งรอไต๋ก๋งมารับ หลังจากนั้นเรานั่งเรือมาถึงฝั่งและไปแวะกินอาหารทะเลที่หาดทรายรี พร้อมทั้ง สักการะ กรมหลวงชุมพร แล้วเดินทางกลับกรุงเทพ ร้านอาหารที่หาดทรายรีนั้น สด และ ถูกมาก เราสั่งหอยนางรมไปคนละ1ตัว ตัวนึงก็เกือบเท่าจานข้าวอะคับ ตัวละ 50 บาทเอง (เสียดายรูปไม่มีเพราะตอนนั้นหิวมาก)
***เพิ่มเติม***
-บนเกาะไม่มีอะไรกินนอกจากที่ลุงขาวกับป้าทำอาหารไว้ให้
-ควรแวะซื้อเสบียงระหว่างทางมาอุทยาน มีขายเยอะ
-น้ำแข็งเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ
-เราให้ลุงขาวจัดการให้เราหมดเลยไม่ว่าจะที่กินที่พัก โดยราคาจะคิดแบบเหมาหัว ขอบอกว่าคุ้มมากๆ ถูกด้วย
-ควรจะเหมาเรือเป็นของเราสำหรับทริปนั้นๆเลย สะดวกและ ส่วนตัวกว่าเยอะ
-ควรมีเวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน เพราะยังมีที่ดำน้ำสวยๆอีกเพียบ
-สุดท้ายก็คงเป็นหัวใจที่พร้อมในการออกไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ บางทีอาจจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตของเรา
มันคงเป็นภาพความทรงจำที่เราไม่มีวันลืมเลือน เราคงเป็นมากกว่าเพื่อน มันคือ ครอบครัว ที่อบอุ่นเสมอ
การเดินทางสำหรับเรานั้นไม่มีคำว่าจะสิ้นสุด เพียงแต่ออกเดินทางต่อไปเพื่อตามหาในสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ พบปะสิ่งใหม่
เจอเพื่อนใหม่ๆ เพียงพบเจอมิตรภาพที่งดงาม
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ทาง https://www.facebook.com/pages/Touch-Your-Life/1114852641859980
สำหรับสถานที่แห่งนี้ยังคงมีหลากหลายความสวยงาม ที่นำพาเรากลับมาอีกครั้ง เราจะเก็บความงามใต้ท้องทะเลและอื่นๆให้ชมอีกมากมาย
ติดตาม Part II ได้ที่นี่ เร็วๆนี้