ตอนที่ 2 DALAT สวิสเซอร์แลนด์แห่งเวียดนามกับวันที่ฟ้าหม่นหมอง
สามารถติดตามตอนที่ 1 ไซกอนสู่มุยเน่
http://ppantip.com/topic/34290053
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สามารถติดตามข้อมูลหรือรูปภาพเพิ่มเติมได้จากเพจ SOLO TRAVELER : https://www.facebook.com/lifeisatravelbytee2015?ref=aymt_homepage_panel
ทุกย่างก้าวที่เราก้าวเดินผ่านไปในแต่ละวัน ไม่ว่าจะทำงาน หรือท่องเที่ยว ล้วนแต่จะสร้างความทรงจำและประสบการณ์ให้ชีวิตมีสีสัน บางครั้งการเดินทางเราก็คิดเสมอว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เหมือนที่รีวิวไว้ไหม หรือแตกต่าง หรือแม้กระทั่งเงินที่เตรียมไปจะพอหรือเปล่า (เพราะไปเที่ยวแต่ละทีนี่นั่งต้มมาม่ากินที่บ้านเลยทีเดียว) การเดินทางครั้งนี้ของผมก็เข้ามาสู่วันที่สองจากมุยเน่ เมืองที่มีอากาศค่อนข้างร้อน ไปสู่ดาลัด เมืองในหุบเขา ที่มีฉายาว่า "สวิตเซอร์แลนด์ของเวียดนาม" ในใจคิดว่า สวิตเซอร์แลนด์ยังไม่เคยไปเลย แล้วผมจะรู้ได้ไงว่ามันเหมือนหรือแตกต่าง ???? แต่การเดินทางเข้าสู่ดาลัดนั้นทำให้ผมได้เจอน้ำใจของคนเวียดนามที่ช่วยเหลือผม บางครั้งลองวาง Google maps ลงแล้วถามคนท้องถิ่นอาจจะได้รสชาติที่สนุกไปอีกแบบก็ได้
วันสุดท้ายของการอยู่มุยเน่เพื่อเตรียมตัวรอรถมารับเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คือ ดาลัด ผมก็นั่งรอรถอยู่หน้าเกสท์เฮาส์ซึ่งรถจะมารับเวลาประมาณ 12.00 น. เมื่อรถมารับเตรียมตัวไปดาลัดกันใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง (จากมุยเน่ - ดาลัด)
ในการเดินทางไปดาลัดนั้นจะมีการขึ้นเขา (ภาพด้านบน) แล้วจะมีการแวะจอดเพื่อให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ หรือซื้ออาหาร เครื่องดื่ม เพราะต้องเดินทางอีกยาวไกล
ผมมาถึงดาลัดก็เวลาเกือบประมาณ 6 โมงเย็นฟ้าเริ่มมืด ซึ่งที่ทำให้รู้ว่าถึงเมืองดาลัดแล้ว ง่าย ๆ เลยครับ
1. สภาพแวดล้อมที่แปลกตากว่าปกติ
2. ขึ้นเขามีแต่ต้นสน
3. การแต่งกายของคนในท้องที่ที่จะสวมเสื้อกันหนาว (สังเกตุง่ายสุดแล้วครับ)
ปอลิง ค่าใช้จ่ายการเดินทางผมสรุปให้นะครับ พอดีครั้งนี้ผมได้จัดให้ทัวร์พาไปครับ
แสดงว่าเราเดินทางมาถึงเมืองดาลัดอย่างเต็มตัว พอเดินทางถึงรถบัสก็ไปจอดตรงหน้าบริษัททัวร์ เลยโรงแรมทิวลิปแล้วเจ้าหน้าที่ตรงบ.ทัวร์ก็ออกมาต้อนรับและถามว่าพักอยู่ที่ไหน พร้อมกับแนะนำว่าต้องเดินไปทางไหน แต่ปรากฏว่าผมหลงทาง หลงทาง ใช้อากูเกิลแมปก็ยิ่งงง ยิ่งหลงทิศ เพราะเส้นทางมันซับซ้อนกว่ามุยเน่ ตรอกซอยเยอะมากจนงง สุดท้ายก็ต้องถามรปภ.ที่โรงแรมเพื่อหาทางไปที่พัก ปรากฏพอถามไปก็ยังหลงอยู่ รปภ.เลยเดินไปถามคนขับแท๊กซี่ให้ ตัวเองก็งงอีก เดินไปเดินมาก็เดินไปหารปภ.อีกรอบ จากนั้นลุงแกก็พาไปหาคนขับแท๊กซี่อีกคนที่จอดใกล้กัน พอถามทางเสร็จผมก็หลงอีก เลยตัดสินใจเดินย้อนกลับนั่งพี่วินมอไซค์ดีกว่า ไม่ไหวแล้วขาจะเดี้ยงแล้ว พี่วินมอไซต์เลยไปส่งหน้าที่พัก ในราคา 20.000 ดอง (ราคาประมาณ 30 บาท)
ที่พัก : Binh Yen Hotel ( 2 คืน) โดยผมพักห้องพักที่เป็นแบบ Dorm ครับ ราคาตกประมาณ 10 USD หรือเป็นเงินไทยประมาณ 400 กว่าบาทต่อ 2 คืนครับ มาถึงที่พักก็มืดพอดี เดินเข้าโรงแรมก็ทำการเชคอินกัน จากนั้นลูกชายเจ้าของเกสท์เฮาส์ก็พาไปห้องพักครับ ไปดูห้องพักกันว่าเป็นแบบไหน
ภาพของห้องพักแบบ Dorm ของ Binh Yen Hotel ครับซึ่งจะมีทั้งหมด 6 เตียง บรรจุได้ 12 คนครับ โดยแต่ละเตียงนั้นก็จะมีโคมไฟตรงหัวเตียง ราวแขวนผ้า ตู้ลอคเกอร์เก็บของใต้เตียง โดยตอนไปถึงห้องนั้นผมอึ้งเล็กน้อยครับ คือเงียบมาก เลยถามลูกชายเจ้าของเกส์เฮาส์ว่าห้อง Dorm วันนี้มีผมพักคนเดียวใช่ไหม เค้าก็บอกว่า ใช่มีคุณพักคนเดียว ในใจคิดวิตกแบบว่า ไปพักที่อื่นห้องเดี่ยวแบบนี้ก็น่ากลัวแล้วนะ แต่ยังดีมันเล็ก แต่นี่ห้องแบบ Dorm พักคนเดียว อีก 11 เตียงว่างเปล่า สยองนิด ๆ แต่ดีมีม่านปิดถ้าไม่มีก็นอนคลุมโปงแล้ว 555
ตู้เก็บรองเท้าครับ ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นห้องน้ำครับอยู่ภายในห้องแบบ Dorm ต่อไปสำรวจพื้นที่นอกห้องกันว่าเป็นแบบไหน
พอออกมาข้างนอกก็จะเป็นห้องนั่งเล่น สำหรับพูดคุยสังสรรค์เฮฮา (แต่ไม่รู้จะเฮฮากับใครเพราะมีอยู่คนเดียว)
ด้านข้างก็จะเป็นอ่างล้างหน้าครับ พร้อมกับมีไดร์ฟเป่าผมบริการครับ ซึ่งที่พักในดาลัดจะไม่มีพัดลมหรือแอร์เพราะอากาศที่นี่เย็นตลอดปีครับ ยิ่งตอนดึก ๆ หนาวขดตัวในผ้าห่มอย่างฟินครับ
[CR] DALAT สวิสเซอร์แลนด์แห่งเวียดนามกับวันที่ฟ้าหม่นหมอง
สามารถติดตามตอนที่ 1 ไซกอนสู่มุยเน่ http://ppantip.com/topic/34290053
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุกย่างก้าวที่เราก้าวเดินผ่านไปในแต่ละวัน ไม่ว่าจะทำงาน หรือท่องเที่ยว ล้วนแต่จะสร้างความทรงจำและประสบการณ์ให้ชีวิตมีสีสัน บางครั้งการเดินทางเราก็คิดเสมอว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เหมือนที่รีวิวไว้ไหม หรือแตกต่าง หรือแม้กระทั่งเงินที่เตรียมไปจะพอหรือเปล่า (เพราะไปเที่ยวแต่ละทีนี่นั่งต้มมาม่ากินที่บ้านเลยทีเดียว) การเดินทางครั้งนี้ของผมก็เข้ามาสู่วันที่สองจากมุยเน่ เมืองที่มีอากาศค่อนข้างร้อน ไปสู่ดาลัด เมืองในหุบเขา ที่มีฉายาว่า "สวิตเซอร์แลนด์ของเวียดนาม" ในใจคิดว่า สวิตเซอร์แลนด์ยังไม่เคยไปเลย แล้วผมจะรู้ได้ไงว่ามันเหมือนหรือแตกต่าง ???? แต่การเดินทางเข้าสู่ดาลัดนั้นทำให้ผมได้เจอน้ำใจของคนเวียดนามที่ช่วยเหลือผม บางครั้งลองวาง Google maps ลงแล้วถามคนท้องถิ่นอาจจะได้รสชาติที่สนุกไปอีกแบบก็ได้
วันสุดท้ายของการอยู่มุยเน่เพื่อเตรียมตัวรอรถมารับเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คือ ดาลัด ผมก็นั่งรอรถอยู่หน้าเกสท์เฮาส์ซึ่งรถจะมารับเวลาประมาณ 12.00 น. เมื่อรถมารับเตรียมตัวไปดาลัดกันใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง (จากมุยเน่ - ดาลัด)
ในการเดินทางไปดาลัดนั้นจะมีการขึ้นเขา (ภาพด้านบน) แล้วจะมีการแวะจอดเพื่อให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ หรือซื้ออาหาร เครื่องดื่ม เพราะต้องเดินทางอีกยาวไกล
ผมมาถึงดาลัดก็เวลาเกือบประมาณ 6 โมงเย็นฟ้าเริ่มมืด ซึ่งที่ทำให้รู้ว่าถึงเมืองดาลัดแล้ว ง่าย ๆ เลยครับ
1. สภาพแวดล้อมที่แปลกตากว่าปกติ
2. ขึ้นเขามีแต่ต้นสน
3. การแต่งกายของคนในท้องที่ที่จะสวมเสื้อกันหนาว (สังเกตุง่ายสุดแล้วครับ)
ปอลิง ค่าใช้จ่ายการเดินทางผมสรุปให้นะครับ พอดีครั้งนี้ผมได้จัดให้ทัวร์พาไปครับ
แสดงว่าเราเดินทางมาถึงเมืองดาลัดอย่างเต็มตัว พอเดินทางถึงรถบัสก็ไปจอดตรงหน้าบริษัททัวร์ เลยโรงแรมทิวลิปแล้วเจ้าหน้าที่ตรงบ.ทัวร์ก็ออกมาต้อนรับและถามว่าพักอยู่ที่ไหน พร้อมกับแนะนำว่าต้องเดินไปทางไหน แต่ปรากฏว่าผมหลงทาง หลงทาง ใช้อากูเกิลแมปก็ยิ่งงง ยิ่งหลงทิศ เพราะเส้นทางมันซับซ้อนกว่ามุยเน่ ตรอกซอยเยอะมากจนงง สุดท้ายก็ต้องถามรปภ.ที่โรงแรมเพื่อหาทางไปที่พัก ปรากฏพอถามไปก็ยังหลงอยู่ รปภ.เลยเดินไปถามคนขับแท๊กซี่ให้ ตัวเองก็งงอีก เดินไปเดินมาก็เดินไปหารปภ.อีกรอบ จากนั้นลุงแกก็พาไปหาคนขับแท๊กซี่อีกคนที่จอดใกล้กัน พอถามทางเสร็จผมก็หลงอีก เลยตัดสินใจเดินย้อนกลับนั่งพี่วินมอไซค์ดีกว่า ไม่ไหวแล้วขาจะเดี้ยงแล้ว พี่วินมอไซต์เลยไปส่งหน้าที่พัก ในราคา 20.000 ดอง (ราคาประมาณ 30 บาท)
ที่พัก : Binh Yen Hotel ( 2 คืน) โดยผมพักห้องพักที่เป็นแบบ Dorm ครับ ราคาตกประมาณ 10 USD หรือเป็นเงินไทยประมาณ 400 กว่าบาทต่อ 2 คืนครับ มาถึงที่พักก็มืดพอดี เดินเข้าโรงแรมก็ทำการเชคอินกัน จากนั้นลูกชายเจ้าของเกสท์เฮาส์ก็พาไปห้องพักครับ ไปดูห้องพักกันว่าเป็นแบบไหน
ภาพของห้องพักแบบ Dorm ของ Binh Yen Hotel ครับซึ่งจะมีทั้งหมด 6 เตียง บรรจุได้ 12 คนครับ โดยแต่ละเตียงนั้นก็จะมีโคมไฟตรงหัวเตียง ราวแขวนผ้า ตู้ลอคเกอร์เก็บของใต้เตียง โดยตอนไปถึงห้องนั้นผมอึ้งเล็กน้อยครับ คือเงียบมาก เลยถามลูกชายเจ้าของเกส์เฮาส์ว่าห้อง Dorm วันนี้มีผมพักคนเดียวใช่ไหม เค้าก็บอกว่า ใช่มีคุณพักคนเดียว ในใจคิดวิตกแบบว่า ไปพักที่อื่นห้องเดี่ยวแบบนี้ก็น่ากลัวแล้วนะ แต่ยังดีมันเล็ก แต่นี่ห้องแบบ Dorm พักคนเดียว อีก 11 เตียงว่างเปล่า สยองนิด ๆ แต่ดีมีม่านปิดถ้าไม่มีก็นอนคลุมโปงแล้ว 555
ตู้เก็บรองเท้าครับ ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นห้องน้ำครับอยู่ภายในห้องแบบ Dorm ต่อไปสำรวจพื้นที่นอกห้องกันว่าเป็นแบบไหน
พอออกมาข้างนอกก็จะเป็นห้องนั่งเล่น สำหรับพูดคุยสังสรรค์เฮฮา (แต่ไม่รู้จะเฮฮากับใครเพราะมีอยู่คนเดียว)
ด้านข้างก็จะเป็นอ่างล้างหน้าครับ พร้อมกับมีไดร์ฟเป่าผมบริการครับ ซึ่งที่พักในดาลัดจะไม่มีพัดลมหรือแอร์เพราะอากาศที่นี่เย็นตลอดปีครับ ยิ่งตอนดึก ๆ หนาวขดตัวในผ้าห่มอย่างฟินครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น