สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน หลายคนเคยได้ยินคำประโยคที่ว่า "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา" การเดินทางก็เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อการเดินทางเริ่มต้นขึ้น สุดท้ายก็ต้องมีจุดสิ้นสุดลงในแต่ละทริป เหมือนทริปตะลอนเวียดนามใต้ของผมกับระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 5 วัน 4 คืน ก็ดำเนินมาถึงสองวันสุดท้ายกับภารกิจเดินชมเมืองหลวงของอดีตเวียดนามใต้ นามว่า "ไซกอน" หรือ "นครโฮจิมินห์" นั่นเอง
อ๊ะ เดี๋ยวก่อนแต่เห็นภาพขึ้นหน้านี่มิได้มารีวิว ของกิน นะ 555 เพราะของกินที่โพสได้รีวิวไปแล้วในรีวิวดาลัด ตอนที่ 2 ส่วนบางส่วนอยู่ในรีวิวตอนจบตอนนี้นั่นเอง (เอามาเรียกแขกเฉย ๆ 555)
สามารถติดตามตอนก่อนหน้านี้สำหรับทริปตะลอนเวียดนามใต้ตรงลิงค์ข้างล่างครับ
ตอนที่ 1 xin chào >< FIRST TIME @ SOUTH VIETNAM เพราะชีวิตคือการเดินทาง (มิตรภาพ และน้ำใจ)
http://ppantip.com/topic/34290053
ตอนที่ 2 DALAT สวิสเซอร์แลนด์แห่งเวียดนามกับวันที่ฟ้าหม่นหมอง
http://ppantip.com/topic/34359698
การเดินทางจากดาลัดมายังนครโฮจิมินห์ใช้ระยะเวลาเกือบ 8 ชั่วโมง พูดง่าย ๆ เกือบไปครึ่งวันเลยทีเดียว ลองเปรียบเทียบแผนที่การเดินทางที่ผมได้ทำไว้ในตอนที่ 1 และ 2 นะครับว่าขาไปและขากลับไปคนละเส้นทางกัน เมื่อรถบัสมาถึงโฮจิมินห์ตรงสถานที่ที่ผมคุ้นเคยนั่นคือ ย่านฟามงูเหลา ย่านที่เต็มไปด้วยบริษัททัวร์ รถบัสโดยสารไปยังที่ต่าง ๆ หลากหลายบริษัท สิ่งหนึ่งที่เมื่อมาถึงนั่นคือ การไปที่พักที่ได้ทำการจองไว้นั่นเอง โดยที่พักของผมที่จองมานั้นอยู่ใกล้กับตลาดเบนถัน เพื่อง่ายต่อการไปตลาดและการนั่งรถบัสกลับสนามบิน
ที่พักที่ผมได้พักนั้นคือ the Town HOUSE 23 ครับ เอาตามจริงผมเดินผ่านที่พักผมไปหลายรอบ เพราะมองไม่เห็นป้ายครับ คือโรงแรมข้าง ๆ ยังมีป้ายแขวนด้านข้าง ทำให้เห็นชัดเจน แต่ที่นี่ไม่มีป้ายด้านข้าง แถมตัวเองก็ขี้เกียจเงยหน้ามอง ดูใน Google map ก็บอกว่าถึงแล้วเราก็บอกไหนหว่า ตรงไหน แถมเดินเลยไปอีกเลยตัดสินใจถามพี่รปภ.ตรงโรงแรมตรงข้ามกับที่ผมพัก เค้าก็เลยชี้นิ้วมาฝั่งตรงข้าม ผมก็มองตาม อัยยะ มันอยู่ตรงนี้นี่เองตรงข้ามกันเลยนิหว่า อายรปภ.มาก (อยู่เบื้องหน้าฉัน ๆ ถ้าหอกทิ่มตาคงตาบอด)
หลังทำการเชคอินเสร็จแล้ว พนักงานก็บอกว่าห้องพักแบบ Dorm อยู่ชั้นที่ 6 นะค่ะ แต่คุณต้องกดลิฟต์ไปชั้น 5 แล้วเดินขึ้นบันไดไปค่ะ ตอนนั้นหัวสมองกับทักษะการฟังก็ดีเยี่ยมเลยเบลอ ๆ จนพี่ฝรั่งผู้ชายชาวแคนาดามาสปีดอิงลิชให้ฟังอีกรอบ เลยเข้าใจ (แหม ที่คนเวียดนามพูดทำเป็นฟังไม่ออก ที่แคนาดามาสปีดนี่ฟังออกบ้าง (เน้น บ้าง))
ที่พักที่ผมเลือกก็พักแบบ Dorm ครับนอนรวมกับชาวบ้านนั่นแหละ ประหยัดตังค์ต้องการเซฟมันนี่ไปทำอย่างอีก รวมทั้งอยากฝึกพูด ฝึกเข้าสังคม 555 พอเข้าไปตกใจเล็กน้อย คนที่มาพักก่อนหน้าชาร์ตแบต ทิ้งกระเป๋า ไว้แบบไม่กลัวโดนขโมยเลยรึ ไว้ใจกันมาก เอาหล่ะมาพูดถึงห้องพักแบบ Dorm ก็มีทั้งหมด 6 เตียงครับ ห้องหนึ่งบรรจุได้ 12 คน ซึ่ง Dorm จะต่างจากดาลัดที่ผมไปพักตรงที่ว่าแต่ละเตียงเปิดโล่งครับ เห็นทุกการกระทำเสมือนช่องแพนด้าหลินปิง ช่วงช่วง (อยากให้มีม่านมาปิดบ้างนะ) เตียงก็จะมีผ้าห่ม มีหมอนให้ครับ รวมทั้งมีลอคเกอร์ให้ด้วย โดยลอคเกอร์นี้มีที่ล็อคมาให้เลยครับ
อันนี้คือสภาพห้องน้ำและอาบน้ำครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายห้องน้ำกับห้องสุขาให้ชมนะครับ แต่สะอาดครับ โดยห้องน้ำจะมี 2 ห้อง ห้องสุขา 1 ห้องครับโดยมีแชมพูและสบู่เหลวบริการให้พร้อม โดยขณะอาบน้ำสามารถเปิดหน้าต่างชมย่านวงเวียนตลาดเบนถันได้เลยครับ ติดกันเลย (ไม่ได้ถ่ายมามันฟินมากอ่ะ)
หลังจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกไปดูห้องต่าง ๆ ดีกว่าเดินไปห้อง COMMON ROOM ครับโดยห้องนี้จะเป็นห้องนั่งดูทีวี นั่งเล่น พูดคุย รวมถึงเป็นห้องที่ไว้จัดอาหารเช้าสำหรับแขกผู้เข้าพักด้วยครับ โดยบอกก่อนว่าถึงแม้ว่าจะมาพักแบบ Dorm หรือห้องส่วนตัวทุกคนได้รับสิทธิกินอาหารเช้าเหมือนกันนะ อิอิ
สภาพภายในห้อง common room ครับเงียบสงบดีครับ เพราะไปถึงโฮจิมินห์ก็เย็นแล้ว คาดว่าคนอีกคนตะลอนเที่ยวอยู่เสร็จเรา
ขอเล่าก่อนว่าบรรยากาศจากดาลัดมาโฮจิมินห์มีแดดสลับกับฟ้าครึ้มครับ รวมถึงฝนตกเป็นระยะ ๆ ตอนออกจากที่พักเพื่อไปตลาดเบนถันฟ้าครึ้มอีกแล้วครับ สักพักฝนตก เลยคิดว่าเอาไงดีจะกลับเอาที่พักไหมหรือเดินหน้าต่อ สายตาไปสะดุดร้านที่แสนจะคุ้นเคย ไปหลบฝนที่นั่นก่อนดีกว่า อิอิ
จะไปนั่งเฉย ๆ ก็เสียมารยาทก็ต้องสั่งอาหารเป็นพิธี ประกอบกับหิวมากข้าวที่กินตอนเที่ยงย่อยหมดแล้ว ฝนตกพรำ ๆ ในเมืองใหญ่ ๆ สถานที่ไม่คุ้นเคยมันช่างเหงาเหลือเกิน พอได้กินแล้วรู้สึกรสชาติแปลก ๆ เฟรนซ์ฟรายก็ไม่เหมือนไทย ซอสพริกหลังชิมแล้วของไทยอร่อยกว่า (จริง ๆ นะ) เลยคิดว่านี่คืออาหาร Local food มัน Local food ไง (ก็ไปกินในถิ่นเวียดนาม ถือว่าเป็นอาหารท้องถิ่นแหละกัน คิดเองเออเอง) ซึ่งผมก็นั่งกินที่นี่ไปสักพักครับจนฝนเริ่มซา
[CR] ตะลอนกลางคืน เที่ยวกลางวัน กับทริปวันสุดท้าย ณ โฮจิมินห์
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน หลายคนเคยได้ยินคำประโยคที่ว่า "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา" การเดินทางก็เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อการเดินทางเริ่มต้นขึ้น สุดท้ายก็ต้องมีจุดสิ้นสุดลงในแต่ละทริป เหมือนทริปตะลอนเวียดนามใต้ของผมกับระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 5 วัน 4 คืน ก็ดำเนินมาถึงสองวันสุดท้ายกับภารกิจเดินชมเมืองหลวงของอดีตเวียดนามใต้ นามว่า "ไซกอน" หรือ "นครโฮจิมินห์" นั่นเอง
อ๊ะ เดี๋ยวก่อนแต่เห็นภาพขึ้นหน้านี่มิได้มารีวิว ของกิน นะ 555 เพราะของกินที่โพสได้รีวิวไปแล้วในรีวิวดาลัด ตอนที่ 2 ส่วนบางส่วนอยู่ในรีวิวตอนจบตอนนี้นั่นเอง (เอามาเรียกแขกเฉย ๆ 555)
สามารถติดตามตอนก่อนหน้านี้สำหรับทริปตะลอนเวียดนามใต้ตรงลิงค์ข้างล่างครับ
ตอนที่ 1 xin chào >< FIRST TIME @ SOUTH VIETNAM เพราะชีวิตคือการเดินทาง (มิตรภาพ และน้ำใจ) http://ppantip.com/topic/34290053
ตอนที่ 2 DALAT สวิสเซอร์แลนด์แห่งเวียดนามกับวันที่ฟ้าหม่นหมอง http://ppantip.com/topic/34359698
การเดินทางจากดาลัดมายังนครโฮจิมินห์ใช้ระยะเวลาเกือบ 8 ชั่วโมง พูดง่าย ๆ เกือบไปครึ่งวันเลยทีเดียว ลองเปรียบเทียบแผนที่การเดินทางที่ผมได้ทำไว้ในตอนที่ 1 และ 2 นะครับว่าขาไปและขากลับไปคนละเส้นทางกัน เมื่อรถบัสมาถึงโฮจิมินห์ตรงสถานที่ที่ผมคุ้นเคยนั่นคือ ย่านฟามงูเหลา ย่านที่เต็มไปด้วยบริษัททัวร์ รถบัสโดยสารไปยังที่ต่าง ๆ หลากหลายบริษัท สิ่งหนึ่งที่เมื่อมาถึงนั่นคือ การไปที่พักที่ได้ทำการจองไว้นั่นเอง โดยที่พักของผมที่จองมานั้นอยู่ใกล้กับตลาดเบนถัน เพื่อง่ายต่อการไปตลาดและการนั่งรถบัสกลับสนามบิน
ที่พักที่ผมได้พักนั้นคือ the Town HOUSE 23 ครับ เอาตามจริงผมเดินผ่านที่พักผมไปหลายรอบ เพราะมองไม่เห็นป้ายครับ คือโรงแรมข้าง ๆ ยังมีป้ายแขวนด้านข้าง ทำให้เห็นชัดเจน แต่ที่นี่ไม่มีป้ายด้านข้าง แถมตัวเองก็ขี้เกียจเงยหน้ามอง ดูใน Google map ก็บอกว่าถึงแล้วเราก็บอกไหนหว่า ตรงไหน แถมเดินเลยไปอีกเลยตัดสินใจถามพี่รปภ.ตรงโรงแรมตรงข้ามกับที่ผมพัก เค้าก็เลยชี้นิ้วมาฝั่งตรงข้าม ผมก็มองตาม อัยยะ มันอยู่ตรงนี้นี่เองตรงข้ามกันเลยนิหว่า อายรปภ.มาก (อยู่เบื้องหน้าฉัน ๆ ถ้าหอกทิ่มตาคงตาบอด)
หลังทำการเชคอินเสร็จแล้ว พนักงานก็บอกว่าห้องพักแบบ Dorm อยู่ชั้นที่ 6 นะค่ะ แต่คุณต้องกดลิฟต์ไปชั้น 5 แล้วเดินขึ้นบันไดไปค่ะ ตอนนั้นหัวสมองกับทักษะการฟังก็ดีเยี่ยมเลยเบลอ ๆ จนพี่ฝรั่งผู้ชายชาวแคนาดามาสปีดอิงลิชให้ฟังอีกรอบ เลยเข้าใจ (แหม ที่คนเวียดนามพูดทำเป็นฟังไม่ออก ที่แคนาดามาสปีดนี่ฟังออกบ้าง (เน้น บ้าง))
ที่พักที่ผมเลือกก็พักแบบ Dorm ครับนอนรวมกับชาวบ้านนั่นแหละ ประหยัดตังค์ต้องการเซฟมันนี่ไปทำอย่างอีก รวมทั้งอยากฝึกพูด ฝึกเข้าสังคม 555 พอเข้าไปตกใจเล็กน้อย คนที่มาพักก่อนหน้าชาร์ตแบต ทิ้งกระเป๋า ไว้แบบไม่กลัวโดนขโมยเลยรึ ไว้ใจกันมาก เอาหล่ะมาพูดถึงห้องพักแบบ Dorm ก็มีทั้งหมด 6 เตียงครับ ห้องหนึ่งบรรจุได้ 12 คน ซึ่ง Dorm จะต่างจากดาลัดที่ผมไปพักตรงที่ว่าแต่ละเตียงเปิดโล่งครับ เห็นทุกการกระทำเสมือนช่องแพนด้าหลินปิง ช่วงช่วง (อยากให้มีม่านมาปิดบ้างนะ) เตียงก็จะมีผ้าห่ม มีหมอนให้ครับ รวมทั้งมีลอคเกอร์ให้ด้วย โดยลอคเกอร์นี้มีที่ล็อคมาให้เลยครับ
อันนี้คือสภาพห้องน้ำและอาบน้ำครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายห้องน้ำกับห้องสุขาให้ชมนะครับ แต่สะอาดครับ โดยห้องน้ำจะมี 2 ห้อง ห้องสุขา 1 ห้องครับโดยมีแชมพูและสบู่เหลวบริการให้พร้อม โดยขณะอาบน้ำสามารถเปิดหน้าต่างชมย่านวงเวียนตลาดเบนถันได้เลยครับ ติดกันเลย (ไม่ได้ถ่ายมามันฟินมากอ่ะ)
หลังจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกไปดูห้องต่าง ๆ ดีกว่าเดินไปห้อง COMMON ROOM ครับโดยห้องนี้จะเป็นห้องนั่งดูทีวี นั่งเล่น พูดคุย รวมถึงเป็นห้องที่ไว้จัดอาหารเช้าสำหรับแขกผู้เข้าพักด้วยครับ โดยบอกก่อนว่าถึงแม้ว่าจะมาพักแบบ Dorm หรือห้องส่วนตัวทุกคนได้รับสิทธิกินอาหารเช้าเหมือนกันนะ อิอิ
สภาพภายในห้อง common room ครับเงียบสงบดีครับ เพราะไปถึงโฮจิมินห์ก็เย็นแล้ว คาดว่าคนอีกคนตะลอนเที่ยวอยู่เสร็จเรา
ขอเล่าก่อนว่าบรรยากาศจากดาลัดมาโฮจิมินห์มีแดดสลับกับฟ้าครึ้มครับ รวมถึงฝนตกเป็นระยะ ๆ ตอนออกจากที่พักเพื่อไปตลาดเบนถันฟ้าครึ้มอีกแล้วครับ สักพักฝนตก เลยคิดว่าเอาไงดีจะกลับเอาที่พักไหมหรือเดินหน้าต่อ สายตาไปสะดุดร้านที่แสนจะคุ้นเคย ไปหลบฝนที่นั่นก่อนดีกว่า อิอิ
จะไปนั่งเฉย ๆ ก็เสียมารยาทก็ต้องสั่งอาหารเป็นพิธี ประกอบกับหิวมากข้าวที่กินตอนเที่ยงย่อยหมดแล้ว ฝนตกพรำ ๆ ในเมืองใหญ่ ๆ สถานที่ไม่คุ้นเคยมันช่างเหงาเหลือเกิน พอได้กินแล้วรู้สึกรสชาติแปลก ๆ เฟรนซ์ฟรายก็ไม่เหมือนไทย ซอสพริกหลังชิมแล้วของไทยอร่อยกว่า (จริง ๆ นะ) เลยคิดว่านี่คืออาหาร Local food มัน Local food ไง (ก็ไปกินในถิ่นเวียดนาม ถือว่าเป็นอาหารท้องถิ่นแหละกัน คิดเองเออเอง) ซึ่งผมก็นั่งกินที่นี่ไปสักพักครับจนฝนเริ่มซา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น