Chapter 00
เหลาเหลียง??
เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้รับข้อวามทางเฟสบุ๊ค จากเพื่อนคนหนึ่ง (มันชื่อพี) ว่า
“เกียงๆ สนใจไหม เกาะเหลาเหลียง”
หลังจากที่ผมอ่านข้อความก็ งง ไปสักพัก อะไร ?? อะไรคือเกาะเหลาเหลียง เกาะเหลาเหลียงอยุ่จุดไหนของประเทศไทย แต่ไม่ทันจะได้ถามกลับ พี ก็ส่งภาพประกอบมาให้ดู
เป็นภาพที่มันหามาจาก google
“โอเค ไป!!” เป็นการตอบตกลงแบบรวดเร็วฉับไวซะจริงจริ๊งโดยยังไม่มีข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ เกาะเหลาเหลียงอยู่ไหน งบประมาณเท่าไร แล้วจะชวนใครไปบ้าง
(ใจง่ายแท้ๆ) หลังจากที่ตอบตกลงไป ค่อยมานั่งหาข้อมูล ไอ้เจ้าเกาะเหลาเหลียงนี่ที่หลัง ได้ความว่า “เหลาเหลียง หรือ หลาวเหลียง หรือ เหล่าเหลียง ตั้งอยู่ในตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในหมู่เกาะเภตรา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามของภูเขาหินปูนตามธรรมชาติสูงเสียดฟ้า ..” (คำบรรยายจากในอินเตอร์เน็ต) แถมที่เกาะยังต้องนอนเต้นท์ด้วย โหยๆ เลือดนักเดินทางมันเดือดพร่าน
*สำหรับเกาะเหลาเหลียง season 58-59 เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2558 ถึง 1 พฤษภาคม 2559 นะครับ
คำถามต่อมา… แล้วจะไปยังไง?? เหมือนเดิมครับตามสไตย์นกเดินทาง(ไปตาย)เอาดาบหน้า ไม่ได้หาข้อมูลใดๆ จะมีก็ไอ้เพื่อนพีเนี่ยแล่ะคอยจัดการให้ครับ เห็นมันเล่าให้ฟังว่า ต้องจองกับทางเกาะก่อนถึงจะไปได้ แล้วมันก็ส่ง ลิ้งค์สำหรับจองมาให้ผม พอกดเข้าไปจึงได้รู้ว่า เขาให้จองเป็น package จ้า มีแบบ 2 วัน 1 คืน กับ 3 วัน 2 คืน ราคาก็ 3,500 กับ 6,000 ตามลำดับ และก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป วันหยุดน้อย ทุนน้อย เลยตกลงกันไว้เป็น package 3 วัน 2 คืน ใครสนใจก็ลองกดลิ้งไปดูได้จ้า
“
https://www.facebook.com/events/1593984327521126/ “
แต่เดี๋ยวก่อน ถึงจะไม่มีเงินพอให้ไป slow life บนเกาะนานๆ แต่เดินทางไกลทั้งที ต้องเต็มที่กันหน่อย ได้ข่าวมานานแล้วว่าเมืองตรังนี่แมร่ง สุดยอดของกิน ไหนจะหมูย่าง ไหนจะติ่มซำ จึงตกลงกับ พีว่า เราจะไปตะลุยกินกันก่อน 1 วัน
สรุปแล้วก็ทริป 16-17-18 ตค 58 16 ลุยกิน 17 นอนเกาะ 18 ค่อยกลับ โอ้วววว!! เก๋กู๊ด
ก่อนทุกอย่างจะลงตัว ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า มีพี่ชายสุดหล่ออยู่แดนใต้ จึงขอไอ้พีว่า จะขอให้พี่ชายของผมได้ไปร่วมทริปนี้ด้วยกัน โดยบอกไอ้พีไปว่า
“กูมีพี่อยู่ใต้คนหนึ่ง มันเชี่ยวววว!!! อยาก-ไรมันรู้หมด และที่สำคัญ มันมีรถ เราไปไหนก็สบาย” ชั่วช้าสมเป็นเราจริงๆ 555 ปากก็บอกว่าคิดถึงพี่ แต่ลึกๆอยากให้มันมาดูแลคอยไปรับไปส่ง โดยมีข้อแม้ หลังจากนั้นก็โทรไปหาพี่ชายสุดที่รักว่าผมและเพื่อนมีแผนจะลงไปท่องแดนใต้ มันก็โอเคตบปากรับคำว่าจะไปด้วย และตามภาษาคนรักครอบครัวแบบพี่ชายผม จึงขออนุณาตพาแฟนสาวไปด้วยคนหนึ่ง สรุปทริปนี้ 4 คนจ้า ลุยๆ!!
***สรุปค่าใช้จ่าย
-ทัวเกาะ 2 วัน 1 คืน 3,500 บาท/คน
-ทริปดำน้ำ 500 บาท/คน
-ค่าเครื่องบิน 2,400 บาท/คน (ไป-กลับ เฉพาะผมกับไอ้พี)
Chapter 01
ชิลล์ไปปะวะ
Day1
เรื่องราวความชิลล์ของทริปนี้จาก พ่อผมตื่นสาย นัดกันไว้ว่าจะไปส่งผมที่สนามบินตอน 6 โมงเช้า แต่ไปๆมาๆได้ออกบ้านตอน โมงครึ่ง ออกช้าไม่ว่ารถดันมาติดอีก ชิลล์จนขนาดที่ว่า ไอ้พีที่บ้านอยู่อยุธยามาถึงสนามบินก่อนผมที่บ้านอยู่กทม.
แต่ก็โชคดียังเข้าข้างเรา วันนี้คนที่สนามบินน้อยมาก ทุกๆขั้นตอนที่สนามบินจึงผ่านไปด้วยความรวดเร็ว ถึงแม้ Gate ที่เราจะต้องขึ้นเครื่องจะอยู่ไกลแสนไกล ผมกับพี ก็ยังเดินกันไปทันเวลา แถมยังมีเวลาได้นั่งคุยกันเรื่องแผนของวันนี้ว่าจะไปไหนกันบ้าง และแผนที่ได้คือ
-ร้านบัวบก (กินหมูย่างเมืองตรัง)
-โรงแรมธรรมรินทร์ (ขนมเปี๊ยะยิ้มธรรมรินทร์)
-ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย
-ร้านสีฟ้า (หมูเกาหยุก)
-โรงแรมธรรมรินทร์ธนา (ราดหน้าซุปเปอร์)
-ถนนคนเดินหน้าสถานีรถไฟ
**แรงบันดาลใจในการจัดทริปจาก พี่เรย์ แมคโดนัล (ตามลิสเมืองต้องห้ามพลาด)
สโลแกนของวันนี้คือ “พุงไม่แตกเราจะแหลกไม่หยุด” ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยยยยยยย!!!
(งานเข้าแล้วสินะ) …. นี่คือความรู้สึกของผมหลังจากที่กัปตันประจำเครื่องประกาศว่า “เนื่องจากเครื่องของเรามีข้อขัดข้องบางประการและเพื่อความปลอดภัย เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเครื่อง…”
เห้อ!! กว่าจะจบขั้นตอนการย้ายเครื่อง และกว่าเครื่องจะขึ้น ก็ปาไป 9 โมงครึ่งละ (โถ่…หมูย่างจ๋ารอพี่หน่อยนะ)
Chapter 02
ปฏิบัติการ(ไม่)ตามแผน
ถึงแม้ว่าผมจะเป็นนักเดินทางสายชิลล์แต่ผมก็มักจะวางแผนล่วงหน้า(แผนแบบกว้างงงงงง (งองูล้านตัว)) หลังจากลงเครื่องที่สนามบินตรังก็จัดการติดต่อรถเข้าเมืองกันเลย มุ่งหน้าเป้าหมายแรก โรงแรมบีบีตรัง (เช็คอินและวางกระเป๋า)
ถึงโรงแรมที่เรานอนพักจะอยู่ไกลจากตัวเมือง(ตามภาษาคนต่างถิ่น) แต่การเดินทางก็ไม่ยากอย่างที่คิด เราสามารถขอเบอร์รถตุ๊กๆหัวกบ ได้จากทางโรงแรมเลย เอาล่ะมุ่งหน้าไปตะลุยกินกันเลย ร้านแรก ร้านบัวบก
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา สั่งเลยจ้า
**สำหรับใครที่อยากกินของอร่อยๆ แนะนำให้มาเช้าๆ นี่พวกผมมาถึงสาย ตัวเลือกเลยไม่มากนัก
รู้ตัวอีกทีก็งานเข้าสะแล้ว กินเยอะไปหน่อย แผนที่วางไว้ว่าจะตะลุยกินเป็นอันต้องพับไปก่อน แต่ปัญหาต่อมาคือ แล้วจะไปไหนต่อดี …. แบบนี้ก็ต้องหาที่พึ่ง เรื่องเมืองตรังก็ต้องถามคนเมืองตรังสิ และที่พึ่งเดียวที่ผมคิดออกตอนนี้คือ กลุ่ม“แบกเป้เที่ยว” ในเฟสบุ๊ค (ผมเคยไปโพสถามข้อมูลเมืองตรังไว้ก่อนจะมาไม่คิดว่ามาแล้วยังต้องพึ่งพี่ๆในกลุ่มนี้อีก แหะๆ) แล้วโชคดีก็ยังเป็นของผม พี่ที่เคยให้ข้อมูลเมืองตรังแกออนไลอยู่พอดี พี่เขาเลยแนะนำร้านกาแฟมาให้ ซึ่งชื่อของจุดหมายต่อไปของเราคือ “ร้านกาแฟทับเที่ยง” เปิดแผนที่ดูก็ไม่ไกลเท่าไร คุยกับพีแล้วว่า เราเดินไปกันเถอะ จะได้ซึมซับบรรยากาศของเมืองตรังไปในตัว
เดินเล่นไปสักพักก็ถึงร้านกาแฟ เป็นเล็กๆบรรยากาศน่ารัก โดยมีเมนูแนะนำเป็น “กาแฟทับเที่ยง” ก็จัดไปครับ ร้อน 1 แก้ว เย็น 1 แก้ว นั่งพักจิบกาแฟ พร้อมย่อยของในกระเพาะ ก่อนเข้าร้านแอบมองเห็นรางรถไฟ เลยชวนไปพีไปเดินถ่ายรูปเล่นที่สถานีรถไฟ
[CR] [CR]เดินเล่นเมืองตรัง ดำน้ำดูปะการังเกาะเหลาเหลียง
เหลาเหลียง??
เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้รับข้อวามทางเฟสบุ๊ค จากเพื่อนคนหนึ่ง (มันชื่อพี) ว่า
“เกียงๆ สนใจไหม เกาะเหลาเหลียง”
หลังจากที่ผมอ่านข้อความก็ งง ไปสักพัก อะไร ?? อะไรคือเกาะเหลาเหลียง เกาะเหลาเหลียงอยุ่จุดไหนของประเทศไทย แต่ไม่ทันจะได้ถามกลับ พี ก็ส่งภาพประกอบมาให้ดู
เป็นภาพที่มันหามาจาก google
“โอเค ไป!!” เป็นการตอบตกลงแบบรวดเร็วฉับไวซะจริงจริ๊งโดยยังไม่มีข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ เกาะเหลาเหลียงอยู่ไหน งบประมาณเท่าไร แล้วจะชวนใครไปบ้าง
(ใจง่ายแท้ๆ) หลังจากที่ตอบตกลงไป ค่อยมานั่งหาข้อมูล ไอ้เจ้าเกาะเหลาเหลียงนี่ที่หลัง ได้ความว่า “เหลาเหลียง หรือ หลาวเหลียง หรือ เหล่าเหลียง ตั้งอยู่ในตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในหมู่เกาะเภตรา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามของภูเขาหินปูนตามธรรมชาติสูงเสียดฟ้า ..” (คำบรรยายจากในอินเตอร์เน็ต) แถมที่เกาะยังต้องนอนเต้นท์ด้วย โหยๆ เลือดนักเดินทางมันเดือดพร่าน
*สำหรับเกาะเหลาเหลียง season 58-59 เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2558 ถึง 1 พฤษภาคม 2559 นะครับ
คำถามต่อมา… แล้วจะไปยังไง?? เหมือนเดิมครับตามสไตย์นกเดินทาง(ไปตาย)เอาดาบหน้า ไม่ได้หาข้อมูลใดๆ จะมีก็ไอ้เพื่อนพีเนี่ยแล่ะคอยจัดการให้ครับ เห็นมันเล่าให้ฟังว่า ต้องจองกับทางเกาะก่อนถึงจะไปได้ แล้วมันก็ส่ง ลิ้งค์สำหรับจองมาให้ผม พอกดเข้าไปจึงได้รู้ว่า เขาให้จองเป็น package จ้า มีแบบ 2 วัน 1 คืน กับ 3 วัน 2 คืน ราคาก็ 3,500 กับ 6,000 ตามลำดับ และก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป วันหยุดน้อย ทุนน้อย เลยตกลงกันไว้เป็น package 3 วัน 2 คืน ใครสนใจก็ลองกดลิ้งไปดูได้จ้า
“https://www.facebook.com/events/1593984327521126/ “
แต่เดี๋ยวก่อน ถึงจะไม่มีเงินพอให้ไป slow life บนเกาะนานๆ แต่เดินทางไกลทั้งที ต้องเต็มที่กันหน่อย ได้ข่าวมานานแล้วว่าเมืองตรังนี่แมร่ง สุดยอดของกิน ไหนจะหมูย่าง ไหนจะติ่มซำ จึงตกลงกับ พีว่า เราจะไปตะลุยกินกันก่อน 1 วัน
สรุปแล้วก็ทริป 16-17-18 ตค 58 16 ลุยกิน 17 นอนเกาะ 18 ค่อยกลับ โอ้วววว!! เก๋กู๊ด
ก่อนทุกอย่างจะลงตัว ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า มีพี่ชายสุดหล่ออยู่แดนใต้ จึงขอไอ้พีว่า จะขอให้พี่ชายของผมได้ไปร่วมทริปนี้ด้วยกัน โดยบอกไอ้พีไปว่า
“กูมีพี่อยู่ใต้คนหนึ่ง มันเชี่ยวววว!!! อยาก-ไรมันรู้หมด และที่สำคัญ มันมีรถ เราไปไหนก็สบาย” ชั่วช้าสมเป็นเราจริงๆ 555 ปากก็บอกว่าคิดถึงพี่ แต่ลึกๆอยากให้มันมาดูแลคอยไปรับไปส่ง โดยมีข้อแม้ หลังจากนั้นก็โทรไปหาพี่ชายสุดที่รักว่าผมและเพื่อนมีแผนจะลงไปท่องแดนใต้ มันก็โอเคตบปากรับคำว่าจะไปด้วย และตามภาษาคนรักครอบครัวแบบพี่ชายผม จึงขออนุณาตพาแฟนสาวไปด้วยคนหนึ่ง สรุปทริปนี้ 4 คนจ้า ลุยๆ!!
***สรุปค่าใช้จ่าย
-ทัวเกาะ 2 วัน 1 คืน 3,500 บาท/คน
-ทริปดำน้ำ 500 บาท/คน
-ค่าเครื่องบิน 2,400 บาท/คน (ไป-กลับ เฉพาะผมกับไอ้พี)
ชิลล์ไปปะวะ
เรื่องราวความชิลล์ของทริปนี้จาก พ่อผมตื่นสาย นัดกันไว้ว่าจะไปส่งผมที่สนามบินตอน 6 โมงเช้า แต่ไปๆมาๆได้ออกบ้านตอน โมงครึ่ง ออกช้าไม่ว่ารถดันมาติดอีก ชิลล์จนขนาดที่ว่า ไอ้พีที่บ้านอยู่อยุธยามาถึงสนามบินก่อนผมที่บ้านอยู่กทม.
แต่ก็โชคดียังเข้าข้างเรา วันนี้คนที่สนามบินน้อยมาก ทุกๆขั้นตอนที่สนามบินจึงผ่านไปด้วยความรวดเร็ว ถึงแม้ Gate ที่เราจะต้องขึ้นเครื่องจะอยู่ไกลแสนไกล ผมกับพี ก็ยังเดินกันไปทันเวลา แถมยังมีเวลาได้นั่งคุยกันเรื่องแผนของวันนี้ว่าจะไปไหนกันบ้าง และแผนที่ได้คือ
-ร้านบัวบก (กินหมูย่างเมืองตรัง)
-โรงแรมธรรมรินทร์ (ขนมเปี๊ยะยิ้มธรรมรินทร์)
-ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย
-ร้านสีฟ้า (หมูเกาหยุก)
-โรงแรมธรรมรินทร์ธนา (ราดหน้าซุปเปอร์)
-ถนนคนเดินหน้าสถานีรถไฟ
**แรงบันดาลใจในการจัดทริปจาก พี่เรย์ แมคโดนัล (ตามลิสเมืองต้องห้ามพลาด)
สโลแกนของวันนี้คือ “พุงไม่แตกเราจะแหลกไม่หยุด” ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยยยยยยย!!!
(งานเข้าแล้วสินะ) …. นี่คือความรู้สึกของผมหลังจากที่กัปตันประจำเครื่องประกาศว่า “เนื่องจากเครื่องของเรามีข้อขัดข้องบางประการและเพื่อความปลอดภัย เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเครื่อง…”
เห้อ!! กว่าจะจบขั้นตอนการย้ายเครื่อง และกว่าเครื่องจะขึ้น ก็ปาไป 9 โมงครึ่งละ (โถ่…หมูย่างจ๋ารอพี่หน่อยนะ)
ปฏิบัติการ(ไม่)ตามแผน
ถึงแม้ว่าผมจะเป็นนักเดินทางสายชิลล์แต่ผมก็มักจะวางแผนล่วงหน้า(แผนแบบกว้างงงงงง (งองูล้านตัว)) หลังจากลงเครื่องที่สนามบินตรังก็จัดการติดต่อรถเข้าเมืองกันเลย มุ่งหน้าเป้าหมายแรก โรงแรมบีบีตรัง (เช็คอินและวางกระเป๋า)
ถึงโรงแรมที่เรานอนพักจะอยู่ไกลจากตัวเมือง(ตามภาษาคนต่างถิ่น) แต่การเดินทางก็ไม่ยากอย่างที่คิด เราสามารถขอเบอร์รถตุ๊กๆหัวกบ ได้จากทางโรงแรมเลย เอาล่ะมุ่งหน้าไปตะลุยกินกันเลย ร้านแรก ร้านบัวบก
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา สั่งเลยจ้า
**สำหรับใครที่อยากกินของอร่อยๆ แนะนำให้มาเช้าๆ นี่พวกผมมาถึงสาย ตัวเลือกเลยไม่มากนัก
รู้ตัวอีกทีก็งานเข้าสะแล้ว กินเยอะไปหน่อย แผนที่วางไว้ว่าจะตะลุยกินเป็นอันต้องพับไปก่อน แต่ปัญหาต่อมาคือ แล้วจะไปไหนต่อดี …. แบบนี้ก็ต้องหาที่พึ่ง เรื่องเมืองตรังก็ต้องถามคนเมืองตรังสิ และที่พึ่งเดียวที่ผมคิดออกตอนนี้คือ กลุ่ม“แบกเป้เที่ยว” ในเฟสบุ๊ค (ผมเคยไปโพสถามข้อมูลเมืองตรังไว้ก่อนจะมาไม่คิดว่ามาแล้วยังต้องพึ่งพี่ๆในกลุ่มนี้อีก แหะๆ) แล้วโชคดีก็ยังเป็นของผม พี่ที่เคยให้ข้อมูลเมืองตรังแกออนไลอยู่พอดี พี่เขาเลยแนะนำร้านกาแฟมาให้ ซึ่งชื่อของจุดหมายต่อไปของเราคือ “ร้านกาแฟทับเที่ยง” เปิดแผนที่ดูก็ไม่ไกลเท่าไร คุยกับพีแล้วว่า เราเดินไปกันเถอะ จะได้ซึมซับบรรยากาศของเมืองตรังไปในตัว
เดินเล่นไปสักพักก็ถึงร้านกาแฟ เป็นเล็กๆบรรยากาศน่ารัก โดยมีเมนูแนะนำเป็น “กาแฟทับเที่ยง” ก็จัดไปครับ ร้อน 1 แก้ว เย็น 1 แก้ว นั่งพักจิบกาแฟ พร้อมย่อยของในกระเพาะ ก่อนเข้าร้านแอบมองเห็นรางรถไฟ เลยชวนไปพีไปเดินถ่ายรูปเล่นที่สถานีรถไฟ