เพิ่งกลับจากการพาเด็กน้อยวัย 8 เดือน ไปเล่นน้ำทะเลเป็นครั้งแรก ก็เลยรีบเอามารีวิวก่อนจะลืมรายละเอียดของทริปนี้ซะก่อน เราเดินทางกันทั้งหมด 6 คน มีพ่อ แม่ อาม่า เจ้ เฮียโอม และเจ้าสัว ออกเดินทางจากระยองมุ่งหน้าสู่ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เส้นทางสะดวกดี อ่านป้าย อ.ขลุง แล้วเลี้ยวเข้าตรงเทศบาล อ.ขลุงได้เลย คนเรือนัดแนะให้เราเอารถไปจอดไว้ที่ ท่าเรือของปลายจันท์รีสอร์ท ซึ่งหาไม่ยาก ขับผ่านตลาดเทศบาลขลุง ผ่านโรงเรียนศรีหฤทัยไปนิดเดียว ทางซ้ายก็จะมีป้ายบอกว่า ที่จอดรถปลายจันท์รีสอร์ท เสียค่าที่จอด 70.- บาทสำหรับรถเก๋ง
การเดินทางจากไปที่รีสอร์ทไม่สามารถไปถึงด้วยรถยนต์ได้ ตอนแรกพยายามหาทางไปจาก Google ก็จะขึ้นว่า ไม่มีเส้นทาง เพราะว่า มันไม่จบแค่รถ มันต้องมาต่อเรือด้วย เรือนี้เป็นเรือหางยาว ค่าเรือไปกลับเที่ยวละ 500.-
มีระบบการรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม มีชูชีพให้ใส่ด้วยนะคะ น้ำไม่ลึกเท่าไหร่ สูงสุดน่าจะประมาณ 2 เมตร
มาถึงตอนลงเรือ เนื่องจากไม่ได้คิดมาก่อน แดดเปรี้ยงมาก เด็กน้อยได้ผ้าขนหนูคลุมหัวแบบนี้
เสียงเรือดังมากกกก กลัวลูกจะร้องไห้ แต่โชคดี ลูกสงบมาก เคยอ่านในเว็บเค้าบอกว่า ถ้าเด็กไม่ยอมนอน ให้เปิดไดร์เป่าผมให้ฟัง เคยลองทำก็ได้ผล แต่คราวนี้เสียงเรือหางยาว สุดยอดกว่า ลูกลงเรือแล้วก็หลับไปเลย แต่ตอนหลับก็ไม่วายจับแขนเจ้เอาไว้
นั่งเรือ 15 กม. ใช้เวลาประมาณ 15 นาที บรรยากาศข้างทาง สวย สงบ ร่มเย็นดี (ย้ำว่าข้างทาง นะที่ร่ม) แต่ในเรือแดดเปรี้ยงมาก
ถึงรีสอร์ทประมาณ บ่ายสอง มีอาหารกลางวันมารอต้อนรับ มีกุ้งชุบแป้งทอด ขนมจีน แกงเขียวหวานลูกชิ้น ต้มจึดฟัก ผัดไทยเส้นจันท์ (รึเปล่า) ผัดผักรวมใส่กุ้ง และส้มตำปูปลาร้า สมาชิกทัวร์บอกว่า ส้มตำปูปลาร้า อร่อยสุด อาหารทุกอย่างเติมได้นะคะ แต่ที่ให้มาก็เยอะจนไม่ต้องเติมอยู่แล้ว
ตอน 4 โมงเย็นจะมีกิจกรรมล่องแพเปียกไปดูเหยี่ยวแดงแล้วก็เล่นน้ำกันค่ะ เด็กน้อยเตรียมพร้อมเอาห่วงยางส่วนตัวมาด้วย ขอร่มกับทางรีสอร์ทได้ร่มสีส้มแบบนี้มาหนึ่งคัน
เด็กน้อยกินนมรอสมาชิกท่านอื่น ๆ ไปล่องแพด้วยกัน
โชคดีค่ะ เรือที่มาลากแพมีหลังคา ครอบครัวเราเลยได้นั่งกันร่มๆ แบบนี้ (อุตส่าห์ตามหาร่มกันตั้งนาน)
ส่วนใครที่อยากเปียกกันเลยก็นั่งในแพไปนะคะ เรือจะลากแพไปเรื่อย ๆ จนเจอกับฝูงเหยี่ยวแดงแบบนี้ รู้สึกเหมือนเหยี่ยวจะบินตามหลังแพไปเรื่อย ๆ คอยโฉบกินปลารึเปล่าน้า
มาถึงตรงบริเวณที่เป็นเนินกลางทะเล คนเรือก็จะปล่อยให้ลงเล่นน้ำกันค่ะ เค้าลากเรือคายัคมาด้วย ก็ได้พายเรือเล่นกัน กระโดดน้ำกัน น้ำตื้นแค่เข่าเองค่ะ
ทรายตรงนี้เป็นทรายละเอียดค่ะ สีออกจะดำ ๆ หน่อย เอาทรายมาขัดผิวกัน ขัดแล้วผิวจะลื่นๆ ค่ะ (อันนี้ฟังเค้ามานะคะ เพราะไม่ได้ขัดเอง) ที่แน่ ๆ ขี้ไคลคงจะออกดีล่ะค่ะ
เด็กน้อยนอนมาค่ะ เสียงเรือนี้ก็ดังเหมือนกันค่ะ ที่นั่งก็จะสั่น เพราะข้างล่างเป็นเครื่องยนต์ เด็กหลับง่ายเลยค่ะ
ประมาณ ห้าโมง เด็กน้อยยังไม่ตื่น ต้องปลุกแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ได้เล่นน้ำ ตอนปลุกใหม่ ๆ ลงน้ำไป ก็นอนต่อในห่วงยางเลย
แต่พอซักพัก ก็สนุกกับเค้าไปด้วย กรี๊ดกร๊าดเลยแหละ
เด็กน้อยใส่แพมเพิร์สกันน้ำนะคะ ป้องกันสิ่งไม่พึงประสงค์รบกวนผู้อื่นค่ะ พอขึ้นจากน้ำทะเล ก็รีบเอาน้ำจืดล้างตัวกันเลยค่ะ
เด็กกินน้ำเค็มไปหลายอึก แต่ก็ไม่ร้องไห้ค่ะ แค่ทำหน้าแหยๆ เพราะความเค็มของน้ำทะเล ประมาณ หกโมง คนเรือก็กวาดต้อนผู้คนให้ขึ้นแพ แล้วกลับรีสอร์ทกันค่ะ นั่งชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินกันไป
และช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อาหารเย็นค่ะ คุณผู้ชม ส่งสายไปสืบตอนอาบน้ำกันอยู่ ได้ความว่า ปูตัวใหญ่มากมารออยู่บนโต๊ะแล้วค่ะ เฮียโอมไปนั่งเฝ้าโต๊ะรอเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
เมนูวันนี้ ประกอบไปด้วย ปูทะเลตัวโตๆ ปลากระพงทอดสามรส กุ้งผัดซอสมะขาม ต้มส้มปลากระบอก หอยนางรมสด ปลาหมึกและกุ้งลวก ข้าวผัดกุ้งและปูนิดหน่อย ปลาทอดกรอบผัดหวาน ๆ ไม่รู้เรียกว่าอะไร ห่อหมก กุ้งแช่น้ำปลา และตบท้ายด้วยแตงโมค่ะ
เด็กน้อยไม่ปลื่มนะคะ เพราะไม่เข้าทาง คุณแม่ขอสั่งไข่ตุ๋นมาหลอกเด็กซักหน่อยค่ะ ทางรีสอร์ทก็ช่วยทำให้อย่างรวดเร็วเลยค่ะ
เด็กน้อยกินไข่ตุ๋นไปหนึ่งช้อน ที่เหลือ แม่และม่าช่วยกันทำลายหลักฐาน
อาหารที่นี่ เติมได้ไม่อั้นนะคะ บ้านเรา ก็เบิ้ลปลากระพงกับกุ้งซอสมะขามอีกอย่างละ 1 เพิ่มปูทะเลมาอีก 2 ตัว แค่นี้ก็แน่นแล้วค่ะ ที่รีสอร์ทมีคาราโอเกะไว้บริการถึง 23.00 น. ใครอยากจะโชว์น้ำเสียงก็เชิญได้ตามสบาย เด็กน้อยประเดิมเป็นคนแรก ขออมไมค์หน่อยค่ะ
นั่งรับลมให้ยุงกัดกันเล็กน้อย เราก็กลับมานอนเล่นกัน เด็กคึกคัก ไม่ยอมนอน แต่สุดท้ายก็หลับไป
ตอนเช้ามีกิจกรรมอีกนะคะ เค้าจะพาเราไปดูทะเลแหวก ตรงที่เราไปเล่นน้ำกันวันนี้แหละค่ะ ใครสนใจก็เจอกันตอน 6 โมงเช้า เจ้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ และแล้วพวกเราก็ไม่มีใครตื่นไปกันค่ะ ก็จินตนาการกันไปว่า มันก็จะมีเนินขึ้นมาตอนน้ำลดนั่นเองค่ะ
แพคเกจของเรายังเหลืออาหารเช้าอีกนะคะ รีสอร์ทจัดข้าวต้มกุ้ง หมึก ปลา ไว้ให้ค่ะ รสชาติโอเค ใครไม่โอเคก็มีเครื่องปรุงไว้ให้ จัดการกันเองค่ะ ตบท้ายด้วยขนมถ้วย อันนี้รสชาติดีค่ะ ไม่หวานมาก
เด็กน้อยลองชิมไปสองสามคำค่ะ
เนื่องจากเพิ่งเริ่มจะรีวิว ก็เลยลืมขั้นตอนสำคัญของการรีวิวไป คือไม่ได้ถ่ายรูปห้องพัก ห้องน้ำ ห้องนอน ก่อนเข้าพักไว้เลย ก็ขอซ่อมด้วยภาพห้องน้ำตอนเช้าก่อนกลับละกันนะคะ
ห้องน้ำมีฝักบัวนะคะ แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ ต้องทำใจก่อนอาบน้ำพักนึงค่ะ น้ำเย็นมากๆ เค้ามีแชมพู ครีมนวด สบู่ให้ครบนะคะ มีผ้าขนหนู มีไดร์เป่าผมให้ด้วย แต่ไม่มีผ้าคลุมผมนะคะ
ค่าใช้จ่ายของเราสำหรับการเข้าพักที่ มุมทะเลจันท์ เป็นเหมาต่อหัวนะคะ คนละ 1,800.- อาหาร 3 มื้อพร้อมที่พักห้องแอร์ ทีวี เพราะว่ากรุ๊ปเราไม่ถึง 5 คนนะคะ ถ้า 5 คนขึ้นไปจะอยู่ที่ 1,500.- ต่อคนค่ะ รายละเอียดดูได้ในเว็๋บของมุมทะเลจันท์เลยค่ะ
** ขออภัยที่บางทีจะติดเรียกว่า รีสอร์ท มากกว่าโฮมสเตย์ เพราะความรู้สึกมันเหมือนรีสอร์ทมากกว่า ไม่ค่อยโฮมสเตย์เท่าไหร่ **
ทริปนี้เป็นการลงน้ำทะเลครั้งแรกของเด็กน้อย 8 เดือน แม่ปลื้มมากที่ลูกสนุกสนานดีและไม่ป่วยค่ะ ขอลากันไปด้วยภาพนี้
โอกาสหน้า สัวน้อยไปเที่ยวไหนจะเอามารีวิวให้ครอบครัวที่มีเด็กน้อยดูกันค่ะ ขอฝากไว้ว่า เด็กน้อยพร้อมจะไปดูโลกกว้างค่ะ พาลูกไปเที่ยวกัน!!
[CR] รีวิว "มุมทะเลจันท์โฮมสเตย์" สำหรับครอบครัวที่มีเด็กน้อย
การเดินทางจากไปที่รีสอร์ทไม่สามารถไปถึงด้วยรถยนต์ได้ ตอนแรกพยายามหาทางไปจาก Google ก็จะขึ้นว่า ไม่มีเส้นทาง เพราะว่า มันไม่จบแค่รถ มันต้องมาต่อเรือด้วย เรือนี้เป็นเรือหางยาว ค่าเรือไปกลับเที่ยวละ 500.-
มีระบบการรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม มีชูชีพให้ใส่ด้วยนะคะ น้ำไม่ลึกเท่าไหร่ สูงสุดน่าจะประมาณ 2 เมตร
มาถึงตอนลงเรือ เนื่องจากไม่ได้คิดมาก่อน แดดเปรี้ยงมาก เด็กน้อยได้ผ้าขนหนูคลุมหัวแบบนี้
เสียงเรือดังมากกกก กลัวลูกจะร้องไห้ แต่โชคดี ลูกสงบมาก เคยอ่านในเว็บเค้าบอกว่า ถ้าเด็กไม่ยอมนอน ให้เปิดไดร์เป่าผมให้ฟัง เคยลองทำก็ได้ผล แต่คราวนี้เสียงเรือหางยาว สุดยอดกว่า ลูกลงเรือแล้วก็หลับไปเลย แต่ตอนหลับก็ไม่วายจับแขนเจ้เอาไว้
นั่งเรือ 15 กม. ใช้เวลาประมาณ 15 นาที บรรยากาศข้างทาง สวย สงบ ร่มเย็นดี (ย้ำว่าข้างทาง นะที่ร่ม) แต่ในเรือแดดเปรี้ยงมาก
ถึงรีสอร์ทประมาณ บ่ายสอง มีอาหารกลางวันมารอต้อนรับ มีกุ้งชุบแป้งทอด ขนมจีน แกงเขียวหวานลูกชิ้น ต้มจึดฟัก ผัดไทยเส้นจันท์ (รึเปล่า) ผัดผักรวมใส่กุ้ง และส้มตำปูปลาร้า สมาชิกทัวร์บอกว่า ส้มตำปูปลาร้า อร่อยสุด อาหารทุกอย่างเติมได้นะคะ แต่ที่ให้มาก็เยอะจนไม่ต้องเติมอยู่แล้ว
ตอน 4 โมงเย็นจะมีกิจกรรมล่องแพเปียกไปดูเหยี่ยวแดงแล้วก็เล่นน้ำกันค่ะ เด็กน้อยเตรียมพร้อมเอาห่วงยางส่วนตัวมาด้วย ขอร่มกับทางรีสอร์ทได้ร่มสีส้มแบบนี้มาหนึ่งคัน
เด็กน้อยกินนมรอสมาชิกท่านอื่น ๆ ไปล่องแพด้วยกัน
โชคดีค่ะ เรือที่มาลากแพมีหลังคา ครอบครัวเราเลยได้นั่งกันร่มๆ แบบนี้ (อุตส่าห์ตามหาร่มกันตั้งนาน)
ส่วนใครที่อยากเปียกกันเลยก็นั่งในแพไปนะคะ เรือจะลากแพไปเรื่อย ๆ จนเจอกับฝูงเหยี่ยวแดงแบบนี้ รู้สึกเหมือนเหยี่ยวจะบินตามหลังแพไปเรื่อย ๆ คอยโฉบกินปลารึเปล่าน้า
มาถึงตรงบริเวณที่เป็นเนินกลางทะเล คนเรือก็จะปล่อยให้ลงเล่นน้ำกันค่ะ เค้าลากเรือคายัคมาด้วย ก็ได้พายเรือเล่นกัน กระโดดน้ำกัน น้ำตื้นแค่เข่าเองค่ะ
ทรายตรงนี้เป็นทรายละเอียดค่ะ สีออกจะดำ ๆ หน่อย เอาทรายมาขัดผิวกัน ขัดแล้วผิวจะลื่นๆ ค่ะ (อันนี้ฟังเค้ามานะคะ เพราะไม่ได้ขัดเอง) ที่แน่ ๆ ขี้ไคลคงจะออกดีล่ะค่ะ
เด็กน้อยนอนมาค่ะ เสียงเรือนี้ก็ดังเหมือนกันค่ะ ที่นั่งก็จะสั่น เพราะข้างล่างเป็นเครื่องยนต์ เด็กหลับง่ายเลยค่ะ
ประมาณ ห้าโมง เด็กน้อยยังไม่ตื่น ต้องปลุกแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ได้เล่นน้ำ ตอนปลุกใหม่ ๆ ลงน้ำไป ก็นอนต่อในห่วงยางเลย
แต่พอซักพัก ก็สนุกกับเค้าไปด้วย กรี๊ดกร๊าดเลยแหละ
เด็กน้อยใส่แพมเพิร์สกันน้ำนะคะ ป้องกันสิ่งไม่พึงประสงค์รบกวนผู้อื่นค่ะ พอขึ้นจากน้ำทะเล ก็รีบเอาน้ำจืดล้างตัวกันเลยค่ะ
เด็กกินน้ำเค็มไปหลายอึก แต่ก็ไม่ร้องไห้ค่ะ แค่ทำหน้าแหยๆ เพราะความเค็มของน้ำทะเล ประมาณ หกโมง คนเรือก็กวาดต้อนผู้คนให้ขึ้นแพ แล้วกลับรีสอร์ทกันค่ะ นั่งชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินกันไป
และช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อาหารเย็นค่ะ คุณผู้ชม ส่งสายไปสืบตอนอาบน้ำกันอยู่ ได้ความว่า ปูตัวใหญ่มากมารออยู่บนโต๊ะแล้วค่ะ เฮียโอมไปนั่งเฝ้าโต๊ะรอเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
เมนูวันนี้ ประกอบไปด้วย ปูทะเลตัวโตๆ ปลากระพงทอดสามรส กุ้งผัดซอสมะขาม ต้มส้มปลากระบอก หอยนางรมสด ปลาหมึกและกุ้งลวก ข้าวผัดกุ้งและปูนิดหน่อย ปลาทอดกรอบผัดหวาน ๆ ไม่รู้เรียกว่าอะไร ห่อหมก กุ้งแช่น้ำปลา และตบท้ายด้วยแตงโมค่ะ
เด็กน้อยไม่ปลื่มนะคะ เพราะไม่เข้าทาง คุณแม่ขอสั่งไข่ตุ๋นมาหลอกเด็กซักหน่อยค่ะ ทางรีสอร์ทก็ช่วยทำให้อย่างรวดเร็วเลยค่ะ
เด็กน้อยกินไข่ตุ๋นไปหนึ่งช้อน ที่เหลือ แม่และม่าช่วยกันทำลายหลักฐาน
อาหารที่นี่ เติมได้ไม่อั้นนะคะ บ้านเรา ก็เบิ้ลปลากระพงกับกุ้งซอสมะขามอีกอย่างละ 1 เพิ่มปูทะเลมาอีก 2 ตัว แค่นี้ก็แน่นแล้วค่ะ ที่รีสอร์ทมีคาราโอเกะไว้บริการถึง 23.00 น. ใครอยากจะโชว์น้ำเสียงก็เชิญได้ตามสบาย เด็กน้อยประเดิมเป็นคนแรก ขออมไมค์หน่อยค่ะ
นั่งรับลมให้ยุงกัดกันเล็กน้อย เราก็กลับมานอนเล่นกัน เด็กคึกคัก ไม่ยอมนอน แต่สุดท้ายก็หลับไป
ตอนเช้ามีกิจกรรมอีกนะคะ เค้าจะพาเราไปดูทะเลแหวก ตรงที่เราไปเล่นน้ำกันวันนี้แหละค่ะ ใครสนใจก็เจอกันตอน 6 โมงเช้า เจ้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ และแล้วพวกเราก็ไม่มีใครตื่นไปกันค่ะ ก็จินตนาการกันไปว่า มันก็จะมีเนินขึ้นมาตอนน้ำลดนั่นเองค่ะ
แพคเกจของเรายังเหลืออาหารเช้าอีกนะคะ รีสอร์ทจัดข้าวต้มกุ้ง หมึก ปลา ไว้ให้ค่ะ รสชาติโอเค ใครไม่โอเคก็มีเครื่องปรุงไว้ให้ จัดการกันเองค่ะ ตบท้ายด้วยขนมถ้วย อันนี้รสชาติดีค่ะ ไม่หวานมาก
เด็กน้อยลองชิมไปสองสามคำค่ะ
เนื่องจากเพิ่งเริ่มจะรีวิว ก็เลยลืมขั้นตอนสำคัญของการรีวิวไป คือไม่ได้ถ่ายรูปห้องพัก ห้องน้ำ ห้องนอน ก่อนเข้าพักไว้เลย ก็ขอซ่อมด้วยภาพห้องน้ำตอนเช้าก่อนกลับละกันนะคะ
ห้องน้ำมีฝักบัวนะคะ แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ ต้องทำใจก่อนอาบน้ำพักนึงค่ะ น้ำเย็นมากๆ เค้ามีแชมพู ครีมนวด สบู่ให้ครบนะคะ มีผ้าขนหนู มีไดร์เป่าผมให้ด้วย แต่ไม่มีผ้าคลุมผมนะคะ
ค่าใช้จ่ายของเราสำหรับการเข้าพักที่ มุมทะเลจันท์ เป็นเหมาต่อหัวนะคะ คนละ 1,800.- อาหาร 3 มื้อพร้อมที่พักห้องแอร์ ทีวี เพราะว่ากรุ๊ปเราไม่ถึง 5 คนนะคะ ถ้า 5 คนขึ้นไปจะอยู่ที่ 1,500.- ต่อคนค่ะ รายละเอียดดูได้ในเว็๋บของมุมทะเลจันท์เลยค่ะ
** ขออภัยที่บางทีจะติดเรียกว่า รีสอร์ท มากกว่าโฮมสเตย์ เพราะความรู้สึกมันเหมือนรีสอร์ทมากกว่า ไม่ค่อยโฮมสเตย์เท่าไหร่ **
ทริปนี้เป็นการลงน้ำทะเลครั้งแรกของเด็กน้อย 8 เดือน แม่ปลื้มมากที่ลูกสนุกสนานดีและไม่ป่วยค่ะ ขอลากันไปด้วยภาพนี้
โอกาสหน้า สัวน้อยไปเที่ยวไหนจะเอามารีวิวให้ครอบครัวที่มีเด็กน้อยดูกันค่ะ ขอฝากไว้ว่า เด็กน้อยพร้อมจะไปดูโลกกว้างค่ะ พาลูกไปเที่ยวกัน!!
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น