กระแสคีรีวงช่วงนี้แรงมาก ... จากรีวิวของหลายๆ คนใน pantip
แถมโปรนกเหลืองที่เพิ่งออกมา ... ทริปนี้เลยเกิดขึ้น
เป้าหมายหลักๆ คือ พักผ่อนเงียบๆ และหาอาหารใต้กิน
หลังจากหาข้อมูลพักใหญ่ ปัญหาที่เกิดคือ ข้อมูลที่พักน้อยมาก ที่มีข้อมูลก็คนเยอะ และไม่ค่อยตรงใจเท่าไหร่
โชคดีที่ไปเจอข้อมูลจากกลุ่มคีรีวงกรุ๊ป ... เลยได้ที่พักอย่างที่ต้องการ (เงียบสงบ และสบายมากๆ)
ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ ... ถึงนครศรีธรรมราชตอนเช้า
เราเรียกรถ Taxi จากสนามบิน เพื่อเข้าเมือง ... เค้าคิด 300 บาท แต่ระหว่างทางคุยกันถูกคอ
เลยพาไปทานข้าวเช้าก่อน แล้วจะไปส่งที่ "คีรีวง" ในราคา 600 บาท
อาหารเช้าในเมืองนครที่พลาดไม่ได้ คือ ติ่มซำ และบักกุ๊ตเต๋ ที่ร้านดั้งเดิม "โกปี้"
โซนอาหาร ถูกแบ่งเป็นส่วนของติ่มซำ อีกโซนคือ อาหารเช้า แยกพนักงานกันชัดเจน
แต่สามารถไปสั่ง จ่ายเงิน แล้วยกมาทานอีกโซนได้ (บริการตัวเอง)
จุด Check In แรก เลยคีรีวงมาหน่อย เรียกว่า "จุดชมวิวเขาธง"
เดินลงบันไดพอเหนื่อย ก็มีลำธาร กับสะพานเล็กๆ ให้ถ่ายรูป
ณ คีรีวง
ที่พักของเราคืนนี้
"เรือนคีรีวง โฮมสเตย์" เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ มีนอกชานสองด้านไว้สำหรับนั่งเล่น
มีห้องนอน 2 ห้อง พร้อมโถงตรงกลางบ้าน ห้องน้ำชั้นบน 1 ห้อง ชั้นล่าง 1 ห้อง
ใต้ถุนมีโต๊ะนั่งเล่น และโต๊ะทานอาหาร
ที่โชคดีสุดๆ "ครูภา" พี่เจ้าของใจดีมากกกกก ให้ยืมจักรยานใช้ 4 คัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะว่าเพิ่งเริ่มต้น เลยยังไม่คิดเงิน ^^
หลังจากพักผ่อนหายเหนื่อย ครูภาพาขับรถตระเวณรอบคีรีวง ชี้จุดสำคัญๆ ... ที่เล่นน้ำ กลุ่มต่างๆ ของชาวบ้าน
และที่สำคัญพาไปทาน "ขนมจีนป้าเขียว" เนื่องจากเราไม่มีรถ จะไปร้านขนมจีนได้ ก็ไกลโข ครูเลยพาไปซะเลย
ขนมจีนป้าเขียว เน้นบริการตัวเอง
- เดินไปสั่งขนมจีน จะเอาเป็นกิโล ครึ่งกิโล หรือ 1 จาน คิดราคาตามนั้น แล้วแต่สะดวก
- น้ำขนมจีน ผัก น้ำ สามารถตักได้เอง เติมได้ไม่อั้น (เด็ดมาก)
- ไฮไลท์รสเด็ด คือ การต่อคิวรอไก่ทอด ขึ้นมาเท่าไหร่ก็หมด หอม และอร่อยมาก
- ตบท้ายด้วยของหวาน เป็น สละลอยแก้ว รสชาติดี หอม อร่อย
ร้านอาหารที่คีรีวงพอมี แต่ไม่ได้มีตลอด
ช่วงเช้า จะมีร้านขายข้าวเหนียวไก่ทอดหลายร้าน ริมข้างทาง กับตลาดเช้าเล็กๆ
ช่วงกลางวัน จะมีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวหมูเนื้อ วิวริมน้ำ ร้านขนมจีน (ถ้าไม่รีบกิน อาจหมดซะก่อน !!!)
ช่วงเย็น เราให้ที่พักเตรียมไว้ให้ เป็นอาหารใต้ แกงส้มปลาใส่สัปรด ปลาทอด น้ำพริก ผักเหลียง และเด็ดสุด "ผักกูดราดกะทิ" (หัวละ 150)
ช่วงบ่ายถึงเย็น เป็นช่วงที่คาดเดาไม่ได้ อย่างที่เค้าเรียกกว่า "ฝน 8 แดด 4" แดดเปรี้ยงๆ อยู่ดีๆ ฝนตกลงมากระหน่ำ
พอฝนหยุด ก็รีบคว้าจักรยาน แล้วสำรวจ "คีรีวง" กันเลย ....
ปั่นๆ กันไป พอฝนตก ก็หาที่หลบพัก นั่งกินชากันไป ดูหมอกไหลๆ ตามทิวเขา ... ที่สำคัญคือ น้ำในลำธาร
จากนิ่งๆ ใสๆ กลายเป็นสีน้ำตาล และไหลแรงมากกกกก
ข้อควรระวัง !!! ถ้าเล่นน้ำระหว่างมีฝนตกบนเขา ให้ดูสีของน้ำให้ดีๆ เพราะอันตรายมาก
ด้วยความที่ตอนเย็นฝนตก ... ตอนเช้าเลยนัดกันแต่เช้า เพื่อไปปั่นจักรยานดูน้ำ และแวะซื้อของฝากจากชาวบ้านกลุ่มต่างๆ
สัมผัสอากาศยามเช้า ... เอาเท้าแช่น้ำ ... ดูวิถีชีวิต ... คือ
ความธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ของคีรีวง
ไม่มีมุมถ่ายภาพปรุงแต่ง มีแต่ธรรมชาติจริงๆ ... ที่อยากให้เป็นแบบนี้อีกนานๆ
พี่กีต้าร์ คีรีวงกรุ๊ป บอกว่า มาคีรีวงแล้วไม่เล่นน้ำ ถือว่า "มาไม่ถึง"
น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา (พลวง) ที่ตัวใหญ่มากๆ
ความเข้มแข็งของชาวบ้านคีรีวง คือ อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ และควรสนับสนุน มีการแบ่งกลุ่มอาชีพ เพื่อพัฒนาสินค้าของชุมชน
กลุ่มลูกไม้ | กลุ่มบ้านสมุนไพร | กลุ่มลายเทียน | กลุ่มใบไม้ผ้ามัดย้อม | กลุ่มหัตถกรรม |
กลุ่มทุเรียนกวน (ห่อกาบหมาก หอม อร่อย) | กลุ่มลูกหยี 3 รส สามารถซื้อหาเป็นของฝากได้ ...
ร่ำลาคีรีวงด้วยสายฝน ... มีโอกาสจะกลับไปใหม่ ... อย่าเปลี่ยนไปนะ
ขากลับด้วยเวลาน้อย เลยโทรเรียกพี่เล็กมารับที่คีรีวง เพื่อไปส่งที่โรงแรมในตัวเมือง ด้วยราคา 600 บาท พร้อมพาไปไหว้พระ
ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (ช่วงนี้อยู่ระหว่างซ่อมแซม)
ครูภาแนะนำว่า ช่วงที่ดีที่สุดของการมาคีรีวง คือ ช่วงเดือนกรกฎา ถึง กันยายน เพราะเป็นช่วงผลไม้
สามารถเด็ดกินจากบนต้นได้เลย ^^
สุดท้าย ... รัก "คีรีวง" น้อยๆ แต่ขอให้รักนานๆ มี "ความสุข" กับการท่องเที่ยวจ้า ...
Photo by Khwanjai, Zeptember & Goldfish with Iphone4s
[CR] สัมผัสธรรมชาติ ณ เมืองแห่งอ้อมกอดขุนเขา … คีรีวง
กระแสคีรีวงช่วงนี้แรงมาก ... จากรีวิวของหลายๆ คนใน pantip
แถมโปรนกเหลืองที่เพิ่งออกมา ... ทริปนี้เลยเกิดขึ้น
เป้าหมายหลักๆ คือ พักผ่อนเงียบๆ และหาอาหารใต้กิน
หลังจากหาข้อมูลพักใหญ่ ปัญหาที่เกิดคือ ข้อมูลที่พักน้อยมาก ที่มีข้อมูลก็คนเยอะ และไม่ค่อยตรงใจเท่าไหร่
โชคดีที่ไปเจอข้อมูลจากกลุ่มคีรีวงกรุ๊ป ... เลยได้ที่พักอย่างที่ต้องการ (เงียบสงบ และสบายมากๆ)
ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ ... ถึงนครศรีธรรมราชตอนเช้า
เราเรียกรถ Taxi จากสนามบิน เพื่อเข้าเมือง ... เค้าคิด 300 บาท แต่ระหว่างทางคุยกันถูกคอ
เลยพาไปทานข้าวเช้าก่อน แล้วจะไปส่งที่ "คีรีวง" ในราคา 600 บาท
อาหารเช้าในเมืองนครที่พลาดไม่ได้ คือ ติ่มซำ และบักกุ๊ตเต๋ ที่ร้านดั้งเดิม "โกปี้"
โซนอาหาร ถูกแบ่งเป็นส่วนของติ่มซำ อีกโซนคือ อาหารเช้า แยกพนักงานกันชัดเจน
แต่สามารถไปสั่ง จ่ายเงิน แล้วยกมาทานอีกโซนได้ (บริการตัวเอง)
จุด Check In แรก เลยคีรีวงมาหน่อย เรียกว่า "จุดชมวิวเขาธง"
เดินลงบันไดพอเหนื่อย ก็มีลำธาร กับสะพานเล็กๆ ให้ถ่ายรูป
ณ คีรีวง
ที่พักของเราคืนนี้ "เรือนคีรีวง โฮมสเตย์" เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ มีนอกชานสองด้านไว้สำหรับนั่งเล่น
มีห้องนอน 2 ห้อง พร้อมโถงตรงกลางบ้าน ห้องน้ำชั้นบน 1 ห้อง ชั้นล่าง 1 ห้อง
ใต้ถุนมีโต๊ะนั่งเล่น และโต๊ะทานอาหาร
ที่โชคดีสุดๆ "ครูภา" พี่เจ้าของใจดีมากกกกก ให้ยืมจักรยานใช้ 4 คัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะว่าเพิ่งเริ่มต้น เลยยังไม่คิดเงิน ^^
หลังจากพักผ่อนหายเหนื่อย ครูภาพาขับรถตระเวณรอบคีรีวง ชี้จุดสำคัญๆ ... ที่เล่นน้ำ กลุ่มต่างๆ ของชาวบ้าน
และที่สำคัญพาไปทาน "ขนมจีนป้าเขียว" เนื่องจากเราไม่มีรถ จะไปร้านขนมจีนได้ ก็ไกลโข ครูเลยพาไปซะเลย
ขนมจีนป้าเขียว เน้นบริการตัวเอง
- เดินไปสั่งขนมจีน จะเอาเป็นกิโล ครึ่งกิโล หรือ 1 จาน คิดราคาตามนั้น แล้วแต่สะดวก
- น้ำขนมจีน ผัก น้ำ สามารถตักได้เอง เติมได้ไม่อั้น (เด็ดมาก)
- ไฮไลท์รสเด็ด คือ การต่อคิวรอไก่ทอด ขึ้นมาเท่าไหร่ก็หมด หอม และอร่อยมาก
- ตบท้ายด้วยของหวาน เป็น สละลอยแก้ว รสชาติดี หอม อร่อย
ร้านอาหารที่คีรีวงพอมี แต่ไม่ได้มีตลอด
ช่วงเช้า จะมีร้านขายข้าวเหนียวไก่ทอดหลายร้าน ริมข้างทาง กับตลาดเช้าเล็กๆ
ช่วงกลางวัน จะมีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวหมูเนื้อ วิวริมน้ำ ร้านขนมจีน (ถ้าไม่รีบกิน อาจหมดซะก่อน !!!)
ช่วงเย็น เราให้ที่พักเตรียมไว้ให้ เป็นอาหารใต้ แกงส้มปลาใส่สัปรด ปลาทอด น้ำพริก ผักเหลียง และเด็ดสุด "ผักกูดราดกะทิ" (หัวละ 150)
ช่วงบ่ายถึงเย็น เป็นช่วงที่คาดเดาไม่ได้ อย่างที่เค้าเรียกกว่า "ฝน 8 แดด 4" แดดเปรี้ยงๆ อยู่ดีๆ ฝนตกลงมากระหน่ำ
พอฝนหยุด ก็รีบคว้าจักรยาน แล้วสำรวจ "คีรีวง" กันเลย ....
ปั่นๆ กันไป พอฝนตก ก็หาที่หลบพัก นั่งกินชากันไป ดูหมอกไหลๆ ตามทิวเขา ... ที่สำคัญคือ น้ำในลำธาร
จากนิ่งๆ ใสๆ กลายเป็นสีน้ำตาล และไหลแรงมากกกกก
ข้อควรระวัง !!! ถ้าเล่นน้ำระหว่างมีฝนตกบนเขา ให้ดูสีของน้ำให้ดีๆ เพราะอันตรายมาก
ด้วยความที่ตอนเย็นฝนตก ... ตอนเช้าเลยนัดกันแต่เช้า เพื่อไปปั่นจักรยานดูน้ำ และแวะซื้อของฝากจากชาวบ้านกลุ่มต่างๆ
สัมผัสอากาศยามเช้า ... เอาเท้าแช่น้ำ ... ดูวิถีชีวิต ... คือ ความธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ของคีรีวง
ไม่มีมุมถ่ายภาพปรุงแต่ง มีแต่ธรรมชาติจริงๆ ... ที่อยากให้เป็นแบบนี้อีกนานๆ
พี่กีต้าร์ คีรีวงกรุ๊ป บอกว่า มาคีรีวงแล้วไม่เล่นน้ำ ถือว่า "มาไม่ถึง"
น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา (พลวง) ที่ตัวใหญ่มากๆ
ความเข้มแข็งของชาวบ้านคีรีวง คือ อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ และควรสนับสนุน มีการแบ่งกลุ่มอาชีพ เพื่อพัฒนาสินค้าของชุมชน
กลุ่มลูกไม้ | กลุ่มบ้านสมุนไพร | กลุ่มลายเทียน | กลุ่มใบไม้ผ้ามัดย้อม | กลุ่มหัตถกรรม |
กลุ่มทุเรียนกวน (ห่อกาบหมาก หอม อร่อย) | กลุ่มลูกหยี 3 รส สามารถซื้อหาเป็นของฝากได้ ...
ร่ำลาคีรีวงด้วยสายฝน ... มีโอกาสจะกลับไปใหม่ ... อย่าเปลี่ยนไปนะ
ขากลับด้วยเวลาน้อย เลยโทรเรียกพี่เล็กมารับที่คีรีวง เพื่อไปส่งที่โรงแรมในตัวเมือง ด้วยราคา 600 บาท พร้อมพาไปไหว้พระ
ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (ช่วงนี้อยู่ระหว่างซ่อมแซม)
ครูภาแนะนำว่า ช่วงที่ดีที่สุดของการมาคีรีวง คือ ช่วงเดือนกรกฎา ถึง กันยายน เพราะเป็นช่วงผลไม้
สามารถเด็ดกินจากบนต้นได้เลย ^^
สุดท้าย ... รัก "คีรีวง" น้อยๆ แต่ขอให้รักนานๆ มี "ความสุข" กับการท่องเที่ยวจ้า ...
Photo by Khwanjai, Zeptember & Goldfish with Iphone4s