คบกันกับแฟนรักกันมาก แล้วมีอะไรกัน ผู้ใหญ่จะให้แยกออกจากกัน มันใช่ทางออกปัญหาหรือไม่ ?

ก่อนอื่นนะครับ ผมจะบอกว่า ผมและแฟน อายุ 16 ปี เท่ากัน เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนรักกันมาก เวลาอยู่ รร. ก็จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตั้งแต่เดินเข้า รร ตอนพักเที่ยง ตอนเลิกเรียน ตอนคาบว่างก็ไปหากัน เพราะว่าห้องอยู่ใกล้ๆกัน ทำให้เราสนิทกันมากๆ คุยกันได้ทุกเรื่อง ใช้ ภาษา หยาบๆ แต่แล้ววันนึง ผมก็ได้มีอะไรกับแฟนของผม แต่ ครั้งแรกไม่ได้ตั้งใจจะมีมาก มันหยุด อารมณ์ไม่ได้ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร ต่อมา เราทั้ง 2 มีความคิดตรงกันว่า เมื่อสอบเสร็จก็จะไปเปิดห้อง อยู่ด้วยกัน หลังจาก สอบเสร็จเราก็ไปเปิดห้อง ก็อยู่ด้วยกัน มีไรกัน หลังจากนั้นก็ดูปกติดี พอติดเทอม แฟนของผมก็ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดกับแม่ทุกปี เป็นปกติ ! แต่แล้ววันนึง พอดีว่าแฟนของผมได้ใช้ โทรศัพท์ ของแม่เข้าเฟส แล้วเหมือนกับแม่ จงใจ หรือ ไม่จงใจ ผมก็ไม่รู้ แต่ แม่ขอใช้โทรศัพท์
ซึ่งยังค้างเฟสเอาไว้อยู่ แล้ววันต่อมา แม่ก็มองหน้าแฟนผมแปลกๆ แล้วก็ถามมาว่า เคยมีไรกับแฟนไหม ? อยากได้ยินจากปาก แต่แฟนผมก็ตอบไปแบบ เด็กทั่วๆไป ว่าไม่เคย แล้วแม่ก็บอกประมาณว่า แม่รู้หมดแล้ว แม่ไปอ่านในแชทมา ทั้งหมด ซึ่ง ตอนนั้นรู้สึกแย่กันมากๆ แต่ก็ไม่คิดว่าแม่จะทำอะไร พอวันนึง อยู่ๆ แม่ของแฟนผม ก็ ขอเบอร์ แม่ของผมไป แล้วก็ติดต่อ ให้รับผิดชอบ เรื่องที่เกิด เป็นจำนวนเงิน 120,000 บาท แล้วให้ย้าย รร. ออกจากกัน ให้อยู่ห่างจากกัน
ผมไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องเงินมาก แต่ ผมอยากรู้ ว่าทำไมถึงต้องแยกเราออกจากกัน เรารักกันมากๆ แฟน ผมก็เครียดมากๆ จนคิด ฆ่าตัวตาย ผมจึงอยาก รู้ว่า
ในเมื่อมีอะไรกันแล้ว แล้วรักกันมากขนาดนี้ ทำไมไม่ให้ผมดูแล เค้าให้ดีๆ จะแยกให้คนที่รักกันมากๆ ออกจากกันทำไม ในเมื่อ รักกันมากๆ อยากอยู่ด้วยกันทั้งคู่ แล้วจะแยกออกจากกันไปทำไม ? มันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรอ ผมอยากรู้ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่