เมื่อเดือนที่แล้ว ซื้อรถมอไซด์มือสองเป็น Honda Crf250 มาครับ ที่ลงประกาศขายในเว็บแห่งหนึ่ง
นัดดูรถ ดูเอกสารก็ครบถ้วน ติดใจอยู่นิดเดียว ชื่อเจ้าของเดิมเป็นคนเยอรมันครับ ก็เช็คดูในเอกสารการโอน
เห็นชื่อในสมุดจดทะเบียนกับในสำเนาพาสปอร์ตก็ตรงกัน อายุของพาสปอร์ต ก็หมดอายุปีหน้าโน่น
ก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร (พอดีไม่ได้ซื้อต่อจากเจ้าของเดิมโดยตรง ฝรั่งเจ้าของเดิมโอนลอยมาให้นายหน้าซื้อขายอีกที
ก็เข้าใจเอาเองว่า ก็คงเหมือนซื้อรถต่อจากคนไทย ที่ต้องดูในสำเนาบัตรประชาชนเจ้าของเดิมด้วยว่า บัตรปชช.จะหมดอายุ
เมื่อไหร่ เพราะเราจะต้องไปโอนให้เสร็จก่อนที่บัตรปชช.ของเจ้าของเดิมจะหมดอายุ ถ้าเป็นคนต่างชาติ ก็ดูที่อายุพาสปอร์ต)
เมื่อวานนี้ ก็เลยไปโอนรถที่ขนส่งมา เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบเอกสาร ก็พลิกดูเอกสารของเจ้าของเดิม แล้วเงยหน้ามามองหน้าผม
แล้วพูดว่า..
จนท. : วีซ่าของเจ้าของเดิมหมดอายุแล้วนี่คะ....
ผม : ...........??? (ทำหน้างง.....คิดในใจว่า วีซ่าหมดแล้วไงอ่ะ ก็พาสปอร์ตยังไม่หมดอายุนี่ และเค้าเดินทางกลับประเทศแล้วนี่นา)
จนท. : เดี๋ยวคุณต้องไปแจ้งที่นายทะเบียน เขียนคำร้อง เพื่อรับผิดชอบค่าปรับแทนเจ้าของเดิมด้วยนะคะ
ผม : ห๊ะ!......(เอาล่ะสิ ซวยแล้วตู .....ตอนนั้นมึนงงครับ คิดอยู่ในใจ จะโดนค่าปรับเท่าไหร่วะเนี่ย วีซ่าหมดอายุเป็นเดือน ถ้าปรับวันละ
ห้าร้อยไม่โดนเป็นหมื่นเหรอ แต่ตอนนั้นก็ต้องยอมรับสภาพครับ เพราะเราพลาดเอง ที่ไม่รู้ว่าต้องดูอายุวีซ่าเจ้าของเดิมด้วย)
หลังจากส่งเรื่องไปที่นายทะเบียน เค้าก็ไปนั่งพิมพ์คำร้องลงในกระดาษ A4 แล้วเอามาให้ผมเซ็นยินยอมจ่ายค่าปรับแทนเจ้าของเดิม
นายทะเบียน : ไปซื้อมาจากไหน เมื่อไหร่ละเนี่ย?
ผม : ซื้อเดือนที่แล้วครับ จากร้านที่ฝากขาย
นายทะเบียน : คราวหลังซื้อรถที่เจ้าของเดิมเป็นคนต่างชาติน่ะ ดูด้วยนะ ว่าวีซ่าเค้าหมดรึยัง หากเค้าเอารถไปทำผิดอะไรมา
และกลับประเทศเค้าไปแล้ว เราอาจจะเดือดร้อนไปด้วย ดีไม่ดีจะทำให้โอนไม่ได้ หรือก็ต้องยอมจ่ายค่าปรับแทนเค้า
ผม: ครั้งนี้ไม่รู้จริงๆครับ ว่าต้องดูอายุวีซ่าด้วย
เสร็จจากตรงนั้น ผมก็ไปยื่นเรื่องที่จนท.คนเดิมต่อ ในใจก็เกิดคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า จะโดนค่าปรับสักเท่าไหร่นะ
แล้วก็คิดไปถึงเคสคนญี่ปุ่นที่บริษัท ที่ปล่อยให้วีซ่าหมดอายุ แล้วโดนปรับวันละ 500 บาท คิดแล้วเสียวเลย
เพราะของเรานี่หมดมาเป็นเดือน
พอยื่นเรื่องให้ จนท. ปุ๊บ จนท.ก็ตรวจสอบเอกสารเสร็จ ก็จิ้มเครื่องคิดเลข แล้วเขียนตัวเลข 17,000 ลงไปในเอกสาร
ตอนนั้นหน้าเริ่มซีดแล้ว ห๊ะ! หมื่นเจ็ดเลยเหรอ (คิดในใจ) แต่ยังใจดีสู้เสือ รอคอนเฟิร์มอีกที
ขณะที่กำลังยืนตัวเย็นอยู่ จนท.ก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดว่า
จนท. : สรุปนะคะ ... ค่าโอน 150 ค่าปรับ.....200 บาทค่ะ รวมเป็น 350 บาท
ผม : ห๊ะ ! ค่าปรับ 200 บาทเหรอครับ
จนท. : ค่ะ
ผม : (เอามือปาดเหงื่อ แล้วควักเงินจ่ายแต่โดยดี แม้จะยังสงสัยว่าเลข 17,000 มันคืออะไร แต่ก็ขี้เกียจถามละ)
บทสรุป :
ซื้อรถที่เจ้าของเดิมเป็นคนต่างชาติ นอกจากจะดูว่าพาสปอร์ตหมดอายุเมื่อไหร่แล้ว ต้องดูอายุของวีซ่าด้วยนะครับ
แม้ค่าปรับจะไม่มากมายนัก แต่หากเค้าทำความผิดอะไรมาแล้วหนีกลับประเทศไป เราอาจจะโอนรถไม่ได้ก็ได้ครับ
หรือไม่ก็ตั้งเงื่อนไขกับผู้ขายว่า ก่อนโอน จ่ายครึ่งนึง หลังโอน ค่อยจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง อันนี้ก็แล้วแต่ตกลงกันครับ
(กรณีโอนลอย)
ซื้อรถมือสอง ที่เจ้าของรถเดิมเป็นคนต่างชาติ ต้องระวังด้วยนะครับ
นัดดูรถ ดูเอกสารก็ครบถ้วน ติดใจอยู่นิดเดียว ชื่อเจ้าของเดิมเป็นคนเยอรมันครับ ก็เช็คดูในเอกสารการโอน
เห็นชื่อในสมุดจดทะเบียนกับในสำเนาพาสปอร์ตก็ตรงกัน อายุของพาสปอร์ต ก็หมดอายุปีหน้าโน่น
ก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร (พอดีไม่ได้ซื้อต่อจากเจ้าของเดิมโดยตรง ฝรั่งเจ้าของเดิมโอนลอยมาให้นายหน้าซื้อขายอีกที
ก็เข้าใจเอาเองว่า ก็คงเหมือนซื้อรถต่อจากคนไทย ที่ต้องดูในสำเนาบัตรประชาชนเจ้าของเดิมด้วยว่า บัตรปชช.จะหมดอายุ
เมื่อไหร่ เพราะเราจะต้องไปโอนให้เสร็จก่อนที่บัตรปชช.ของเจ้าของเดิมจะหมดอายุ ถ้าเป็นคนต่างชาติ ก็ดูที่อายุพาสปอร์ต)
เมื่อวานนี้ ก็เลยไปโอนรถที่ขนส่งมา เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบเอกสาร ก็พลิกดูเอกสารของเจ้าของเดิม แล้วเงยหน้ามามองหน้าผม
แล้วพูดว่า..
จนท. : วีซ่าของเจ้าของเดิมหมดอายุแล้วนี่คะ....
ผม : ...........??? (ทำหน้างง.....คิดในใจว่า วีซ่าหมดแล้วไงอ่ะ ก็พาสปอร์ตยังไม่หมดอายุนี่ และเค้าเดินทางกลับประเทศแล้วนี่นา)
จนท. : เดี๋ยวคุณต้องไปแจ้งที่นายทะเบียน เขียนคำร้อง เพื่อรับผิดชอบค่าปรับแทนเจ้าของเดิมด้วยนะคะ
ผม : ห๊ะ!......(เอาล่ะสิ ซวยแล้วตู .....ตอนนั้นมึนงงครับ คิดอยู่ในใจ จะโดนค่าปรับเท่าไหร่วะเนี่ย วีซ่าหมดอายุเป็นเดือน ถ้าปรับวันละ
ห้าร้อยไม่โดนเป็นหมื่นเหรอ แต่ตอนนั้นก็ต้องยอมรับสภาพครับ เพราะเราพลาดเอง ที่ไม่รู้ว่าต้องดูอายุวีซ่าเจ้าของเดิมด้วย)
หลังจากส่งเรื่องไปที่นายทะเบียน เค้าก็ไปนั่งพิมพ์คำร้องลงในกระดาษ A4 แล้วเอามาให้ผมเซ็นยินยอมจ่ายค่าปรับแทนเจ้าของเดิม
นายทะเบียน : ไปซื้อมาจากไหน เมื่อไหร่ละเนี่ย?
ผม : ซื้อเดือนที่แล้วครับ จากร้านที่ฝากขาย
นายทะเบียน : คราวหลังซื้อรถที่เจ้าของเดิมเป็นคนต่างชาติน่ะ ดูด้วยนะ ว่าวีซ่าเค้าหมดรึยัง หากเค้าเอารถไปทำผิดอะไรมา
และกลับประเทศเค้าไปแล้ว เราอาจจะเดือดร้อนไปด้วย ดีไม่ดีจะทำให้โอนไม่ได้ หรือก็ต้องยอมจ่ายค่าปรับแทนเค้า
ผม: ครั้งนี้ไม่รู้จริงๆครับ ว่าต้องดูอายุวีซ่าด้วย
เสร็จจากตรงนั้น ผมก็ไปยื่นเรื่องที่จนท.คนเดิมต่อ ในใจก็เกิดคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า จะโดนค่าปรับสักเท่าไหร่นะ
แล้วก็คิดไปถึงเคสคนญี่ปุ่นที่บริษัท ที่ปล่อยให้วีซ่าหมดอายุ แล้วโดนปรับวันละ 500 บาท คิดแล้วเสียวเลย
เพราะของเรานี่หมดมาเป็นเดือน
พอยื่นเรื่องให้ จนท. ปุ๊บ จนท.ก็ตรวจสอบเอกสารเสร็จ ก็จิ้มเครื่องคิดเลข แล้วเขียนตัวเลข 17,000 ลงไปในเอกสาร
ตอนนั้นหน้าเริ่มซีดแล้ว ห๊ะ! หมื่นเจ็ดเลยเหรอ (คิดในใจ) แต่ยังใจดีสู้เสือ รอคอนเฟิร์มอีกที
ขณะที่กำลังยืนตัวเย็นอยู่ จนท.ก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดว่า
จนท. : สรุปนะคะ ... ค่าโอน 150 ค่าปรับ.....200 บาทค่ะ รวมเป็น 350 บาท
ผม : ห๊ะ ! ค่าปรับ 200 บาทเหรอครับ
จนท. : ค่ะ
ผม : (เอามือปาดเหงื่อ แล้วควักเงินจ่ายแต่โดยดี แม้จะยังสงสัยว่าเลข 17,000 มันคืออะไร แต่ก็ขี้เกียจถามละ)
บทสรุป :
ซื้อรถที่เจ้าของเดิมเป็นคนต่างชาติ นอกจากจะดูว่าพาสปอร์ตหมดอายุเมื่อไหร่แล้ว ต้องดูอายุของวีซ่าด้วยนะครับ
แม้ค่าปรับจะไม่มากมายนัก แต่หากเค้าทำความผิดอะไรมาแล้วหนีกลับประเทศไป เราอาจจะโอนรถไม่ได้ก็ได้ครับ
หรือไม่ก็ตั้งเงื่อนไขกับผู้ขายว่า ก่อนโอน จ่ายครึ่งนึง หลังโอน ค่อยจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง อันนี้ก็แล้วแต่ตกลงกันครับ
(กรณีโอนลอย)