ก่อนหน้า ผมฝึกสมาธิโดยใช้อาณาปานสติ หายใจเข้า พุทธ หายใจ โธ เมื่อจิตมีสมาธิ จะละคำภาวนา พุทธ โธ ไปเอง เหลือแต่แต่สมาธิกับลมหายใจเข้า ออก เมื่อสมาธิละเอียด ลมหายใจจะแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนหายไป กายหาย ลมหายใจหาย เหลือแต่ดวงจิต ขาว นวล สว่าง ตั้งอยู่ที่หว่างคิ้วและผู้รู้ วางความนิ่งเฉย ไม่สุข ไม่ทุกข์ไว้ที่หว่างคิ้ว ผมคิดอยู่จุดนี้ มา 4 ปี
เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อจิตเป็นสมาธิ กายหาย ลมหายใจหาย จิตที่เคยเป็นดวงขวนวล สว่างที่หว่างคิ้ว มันขยายใหญ่เป็นทั้งจักรวาล เสมือนดวงจิตเป็นทั้งจักรวาล ดูกาแลคซี่ ดวงดาวน้อยใหญ่มากมาย ผมใช้อารมณ์ความเวิ้ง ว้างของจักรวาลเป็นอารมณ์สมาธิ ไม่สุข ไม่ทุกข์ มีแต่ผู้รู้และความเวิ้ง ว้าง มีสติอยู่ตลอด มันเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้กำหนดใดๆ
อารมณ์สมาธิแบบนี้เป็นความก้าวหน้าหรือก้าวถอยหลังครับ
ใครฝึกสมาธิโดยใช้ความ เวิ้ง ว้าง ของจักรวาลเป็นอารมณ์บ้าง
เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อจิตเป็นสมาธิ กายหาย ลมหายใจหาย จิตที่เคยเป็นดวงขวนวล สว่างที่หว่างคิ้ว มันขยายใหญ่เป็นทั้งจักรวาล เสมือนดวงจิตเป็นทั้งจักรวาล ดูกาแลคซี่ ดวงดาวน้อยใหญ่มากมาย ผมใช้อารมณ์ความเวิ้ง ว้างของจักรวาลเป็นอารมณ์สมาธิ ไม่สุข ไม่ทุกข์ มีแต่ผู้รู้และความเวิ้ง ว้าง มีสติอยู่ตลอด มันเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้กำหนดใดๆ
อารมณ์สมาธิแบบนี้เป็นความก้าวหน้าหรือก้าวถอยหลังครับ