“รับก่อนสิ แล้วฉันจะบอก” ริสาต่อรอง ยังคงพยายามทำสีหน้าเศร้าสลด
“รับคุณ...”
“ใช่ คุณมีอะไรต้องเสียเหรอ” ว่าที่ลูกจ้างเผลอถามเสียงดัง ก่อนจะกลับไปทำท่าน่าสงสารอีก
“นั่นสิ...ผมมีอะไรต้องเสีย...” คนตัวสูงพึมพำ “ก็ได้ มาลองงานอาทิตย์เดียวนะ ผมให้คุณกินไอศกรีมกับเครื่องดื่มฟรีวันละถ้วย กับรับทิปไปได้ ถ้าผ่านโปรค่อยมาว่ากันเรื่องเงินเดือน ดีไหม”
“ขอบคุณ” ริสาโค้งแล้วโค้งอีก “คัมซา...ขอบคุณมากจริงๆ”
“จะเริ่มงานเมื่อไหร่” เขาถามแก้เขิน เพราะเผลอไปสบนัยน์ตากลมใสกระพริบประกายหัวเราะเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กคนนี้เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก พอเขาตอบรับก็กลายมาเป็นร่าเริงกระตือรือร้น
“เดี๋ยวนี้เลย” ริสาลุกขึ้นเดินสำรวจร้าน....ระหว่างที่เขายืนงง เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอรับลูกจ้างใหม่ไปแล้ว!
“ก่อนอื่นนะ” ร่างเล็กหันขวับมาประกาศ “คุณต้องไปหากระดานดำมา ตั้งขวางทางเท้าข้างหน้านั่นไว้”
“ผมเขียนรายการไอศกรีมไว้หน้าร้านแล้วนี่”
“บอร์ดติดกำแพงใช้ไม่ได้ คุณต้องขวางให้คนสะดุด เขาจะได้สนใจ เป็นหลักการตลาด”
“สำนักไหนเหรอ”
“สำนักริสานี่ละ...” คนตัวเล็กยกแขนกอดอก ยืดตัวขึ้นจนสุดความสูง แต่ศีรษะก็ยังเลยไหล่เขามานิดเดียว “บางคนเขาอาจไม่ได้สังเกตร้านไอศกรีม ต้องเงยหน้าถึงจะเห็นป้าย ส่วนกระบุงตะกร้าจักรยานอะไรของคุณนั่น มันก็น่ารักดี แต่มีอะไรสื่อถึงความเป็นไอศกรีม หรือชวนเชิญให้เข้ามาบ้างไหม...ไม่มี... เก้าอี้ยาวทำให้คนนั่งพักขาได้ฟรีๆ แทนที่จะเข้ามาจ่ายเงินให้คุณ” ริสาย่นจมูก “ต้องเอากระดานดำเขียนรายการใหม่ๆ ขวางทางไว้ ไปสังเกตสิ ร้านอื่นๆ เขาก็ทำกันนะ”
“โอเค” เขาเปิดสมุดโน้ตเล็กๆ ที่มีไว้รับออเดอร์ แล้วจดคำแนะนำลงไป “ลองดู ก็ไม่เสียหาย”
“ข้อสอง” ปลายจมูกแหลมๆ ยื่นเข้าไปหาสมุดในมือของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เอาไอศกรีมมาให้ฉันชิมหน่อย”
“อะไรนะ!”
“ฉันต้องชิมดู ว่าอร่อยจริงหรือมีอะไรต้องแก้ไข” ริสาวางท่าราวกับนักการตลาดใหญ่ และท่าทางน่ารักน่าขันนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มเดินไปตักไอศกรีมมาโดยดี
“อร่อย!” เธออุทาน “แบบนี้ขายได้ไม่ยากหรอก” และคำพูดนั้นก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากเขา
“ลูกค้าที่เคยชิม มักจะกลับมาอีก” เขาบอกด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง “ถ้าอากาศร้อนกว่านี้อีกนิด ก็คงจะมีคนเยอะ”
“บางที การกินไอศกรีมก็ไม่ใช่เพื่อแก้ร้อนเท่านั้น” ริสาแย้ง “คุณเคยไปเมียงดงไหม”
“มีใครไม่เคยไปเมียงดงบ้าง” เขาถาม ย่านที่เปรียบได้กับสยามสแควร์ของไทย เป็นศูนย์กลางของนักช้อปปิ้งหลากหลายวัย และเต็มไปด้วยอาหารอร่อยมากมาย ที่ใครๆ ก็รู้จัก ทำไมจงจินถึงจะไม่เคยไป
“แล้วทำไมคุณไม่ทำอย่างเขา” ริสาย้อนถาม
“ทำอะไร” เขาลงนั่งตรงข้ามเธอ ด้วยท่าทางพร้อมจด
“คุณเห็นร้านเครื่องสำอางไหม” ริสาชะโงกเข้าไปหา จ้องตาเขาอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะร้านไหนในเมียงดง เขาจะมีพริตตี้แต่งตัวสวยๆ มายืนเรียกลูกค้า เอาสำลีล่อให้เข้าร้านไงล่ะ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับไอศกรีม” ชายหนุ่มงง
“อ้าว...ในเมื่อเราเป็นแบรนด์ใหม่ คนยังไม่กล้าลอง คุณก็ควรจะมีพริตตี้ ยืนแจกไอศกรีมหน้าร้าน ลงทุนหน่อยให้คนชิม อย่างน้อยต้องมีคนเกรงใจ...เอ๊ย...ติดใจแล้วเข้ามานั่งในร้านเพิ่มแน่นอน”
“ไอเดียดีแฮะ” เขาเอียงคอมอง “แล้วยังไงอีก”
“สำหรับช่วงที่อากาศยังเย็น เราควรจะมีอะไรที่อบอุ่นโรแมนติก ไว้ดึงดูดใจสาวๆ ด้วย”
“พูดเป็นเล่น” เจ้าของร้านถอนใจ “ไอศกรีมอุ่นๆ มีด้วยหรือ”
“เจ้านาย...” ริสาโมเมเรียกก่อนเขาจะเปลี่ยนใจ “ฉันหมายถึง เราอาจจะทำไอศกรีมฟองดูว์ ตักไอศกรีมรสต่างๆ เป็นก้อนเล็ก เสิร์ฟบนจานเย็นเฉียบ กับช็อกโกแลตละลายในหม้อที่จุดไฟไว้ข้างใต้ ความเรืองรองของแสงไฟ และไออุ่นจากช็อกโกแลต เคลือบบนไอศกรีมหวานหอมให้ดูอบอุ่นขึ้นมาได้ เราไม่ต้องการของร้อนอะไรมากมายหรอกในอากาศแบบนี้ แค่ความรู้สึกดีๆ ที่ชวนให้อยากทานก็พอ”
คราวนี้ สมุดโน้ตของจงจินมีภาพสเก็ตช์จานไอศกรีมกับหม้อช็อกโกแลตฟองดูว์ประกอบข้อความด้วย
“แล้วเราก็ควรจะเพิ่มเครื่องดื่มร้อนเข้ามาบ้าง ง่ายๆ กาแฟ ชา ก่อนในขั้นต้น โดยให้มีรสพิเศษสำหรับรับฤดูใบไม้ผลิ เลือกชาให้เข้ากันกับไอศกรีมดอกไม้ผลไม้ของคุณ ขายเป็นชุด ชวนให้สาวๆ มาทานแทนที่จะเข้าร้านเค้ก เราอาจจะบอกว่า ไขมันต่ำกว่าขนมอบ และไม่ได้เย็นจนเกินไปในอากาศแบบนี้”
เจ้าของร้านได้แต่พยักหน้ารับฟัง ก่อนจะมองตามเมื่อร่างเล็กลุกขึ้นสำรวจตู้ไอศกรีม
“คุณควรมีท้อปปิ้งน่ารัก สีสวยๆ ให้ลูกค้าเลือกโรยหน้า แล้วเราก็คิดราคาเพิ่มได้อีก” ริสาบอก “ถ้าคุณซื้อเครื่องทำวาฟเฟิล ฉันมีสูตรอย่างหนาและบางกรอบ ม้วนเป็นกรวยไอศกรีมแบบทำเองได้ หอม อร่อย คุกกี้ไทยๆ อย่างทองม้วน ก็ใช้แต่งไอศกรีมได้เข้ากัน เราต้องมีอะไรเพิ่มเข้ามา”
“ผมจะไปหาพริตตี้ได้ที่ไหน” เขาถาม
“ก็ฉันนี่ไง คุณลงทุนซื้อชุดให้หน่อยแค่นั้นเอง”
ริสายิ้มหวานให้คุณเจ้าของร้านรูปหล่อ ไม่บอกให้รู้หรอกว่า ทั้งหมดที่พูดไปนั้น พี่อาราแนะนำมา ตัวริสาเองรู้เรื่องจัดการร้านไอศกรีมเสียที่ไหน อย่างมากก็ซื้อใส่โคนกินเล่น ไม่เคยคิดอะไรไกลอยู่แล้ว
โชคดีที่เจ้านายรับฟัง และในที่สุด ริสาก็จะมีแหล่งรายได้ประจำ ทำให้ชีวิตในเกาหลีมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะตอนนี้ ริสาไม่อยากกลับบ้านเลย...
บ้าน...ที่มีแต่เรื่องชวนให้ปวดหัว และปวดใจ...จนอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุด...
writer's talk: ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ดิท ลืมใส่นามปากกา "ไอลี่" ค่ะ
(นิยาย) รักละลายใจ #2 เรื่องหวานๆ ที่ร้านไอศกรีมในกาโรซูกิลค่ะ
“รับก่อนสิ แล้วฉันจะบอก” ริสาต่อรอง ยังคงพยายามทำสีหน้าเศร้าสลด
“รับคุณ...”
“ใช่ คุณมีอะไรต้องเสียเหรอ” ว่าที่ลูกจ้างเผลอถามเสียงดัง ก่อนจะกลับไปทำท่าน่าสงสารอีก
“นั่นสิ...ผมมีอะไรต้องเสีย...” คนตัวสูงพึมพำ “ก็ได้ มาลองงานอาทิตย์เดียวนะ ผมให้คุณกินไอศกรีมกับเครื่องดื่มฟรีวันละถ้วย กับรับทิปไปได้ ถ้าผ่านโปรค่อยมาว่ากันเรื่องเงินเดือน ดีไหม”
“ขอบคุณ” ริสาโค้งแล้วโค้งอีก “คัมซา...ขอบคุณมากจริงๆ”
“จะเริ่มงานเมื่อไหร่” เขาถามแก้เขิน เพราะเผลอไปสบนัยน์ตากลมใสกระพริบประกายหัวเราะเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กคนนี้เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก พอเขาตอบรับก็กลายมาเป็นร่าเริงกระตือรือร้น
“เดี๋ยวนี้เลย” ริสาลุกขึ้นเดินสำรวจร้าน....ระหว่างที่เขายืนงง เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอรับลูกจ้างใหม่ไปแล้ว!
“ก่อนอื่นนะ” ร่างเล็กหันขวับมาประกาศ “คุณต้องไปหากระดานดำมา ตั้งขวางทางเท้าข้างหน้านั่นไว้”
“ผมเขียนรายการไอศกรีมไว้หน้าร้านแล้วนี่”
“บอร์ดติดกำแพงใช้ไม่ได้ คุณต้องขวางให้คนสะดุด เขาจะได้สนใจ เป็นหลักการตลาด”
“สำนักไหนเหรอ”
“สำนักริสานี่ละ...” คนตัวเล็กยกแขนกอดอก ยืดตัวขึ้นจนสุดความสูง แต่ศีรษะก็ยังเลยไหล่เขามานิดเดียว “บางคนเขาอาจไม่ได้สังเกตร้านไอศกรีม ต้องเงยหน้าถึงจะเห็นป้าย ส่วนกระบุงตะกร้าจักรยานอะไรของคุณนั่น มันก็น่ารักดี แต่มีอะไรสื่อถึงความเป็นไอศกรีม หรือชวนเชิญให้เข้ามาบ้างไหม...ไม่มี... เก้าอี้ยาวทำให้คนนั่งพักขาได้ฟรีๆ แทนที่จะเข้ามาจ่ายเงินให้คุณ” ริสาย่นจมูก “ต้องเอากระดานดำเขียนรายการใหม่ๆ ขวางทางไว้ ไปสังเกตสิ ร้านอื่นๆ เขาก็ทำกันนะ”
“โอเค” เขาเปิดสมุดโน้ตเล็กๆ ที่มีไว้รับออเดอร์ แล้วจดคำแนะนำลงไป “ลองดู ก็ไม่เสียหาย”
“ข้อสอง” ปลายจมูกแหลมๆ ยื่นเข้าไปหาสมุดในมือของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เอาไอศกรีมมาให้ฉันชิมหน่อย”
“อะไรนะ!”
“ฉันต้องชิมดู ว่าอร่อยจริงหรือมีอะไรต้องแก้ไข” ริสาวางท่าราวกับนักการตลาดใหญ่ และท่าทางน่ารักน่าขันนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มเดินไปตักไอศกรีมมาโดยดี
“อร่อย!” เธออุทาน “แบบนี้ขายได้ไม่ยากหรอก” และคำพูดนั้นก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากเขา
“ลูกค้าที่เคยชิม มักจะกลับมาอีก” เขาบอกด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง “ถ้าอากาศร้อนกว่านี้อีกนิด ก็คงจะมีคนเยอะ”
“บางที การกินไอศกรีมก็ไม่ใช่เพื่อแก้ร้อนเท่านั้น” ริสาแย้ง “คุณเคยไปเมียงดงไหม”
“มีใครไม่เคยไปเมียงดงบ้าง” เขาถาม ย่านที่เปรียบได้กับสยามสแควร์ของไทย เป็นศูนย์กลางของนักช้อปปิ้งหลากหลายวัย และเต็มไปด้วยอาหารอร่อยมากมาย ที่ใครๆ ก็รู้จัก ทำไมจงจินถึงจะไม่เคยไป
“แล้วทำไมคุณไม่ทำอย่างเขา” ริสาย้อนถาม
“ทำอะไร” เขาลงนั่งตรงข้ามเธอ ด้วยท่าทางพร้อมจด
“คุณเห็นร้านเครื่องสำอางไหม” ริสาชะโงกเข้าไปหา จ้องตาเขาอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะร้านไหนในเมียงดง เขาจะมีพริตตี้แต่งตัวสวยๆ มายืนเรียกลูกค้า เอาสำลีล่อให้เข้าร้านไงล่ะ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับไอศกรีม” ชายหนุ่มงง
“อ้าว...ในเมื่อเราเป็นแบรนด์ใหม่ คนยังไม่กล้าลอง คุณก็ควรจะมีพริตตี้ ยืนแจกไอศกรีมหน้าร้าน ลงทุนหน่อยให้คนชิม อย่างน้อยต้องมีคนเกรงใจ...เอ๊ย...ติดใจแล้วเข้ามานั่งในร้านเพิ่มแน่นอน”
“ไอเดียดีแฮะ” เขาเอียงคอมอง “แล้วยังไงอีก”
“สำหรับช่วงที่อากาศยังเย็น เราควรจะมีอะไรที่อบอุ่นโรแมนติก ไว้ดึงดูดใจสาวๆ ด้วย”
“พูดเป็นเล่น” เจ้าของร้านถอนใจ “ไอศกรีมอุ่นๆ มีด้วยหรือ”
“เจ้านาย...” ริสาโมเมเรียกก่อนเขาจะเปลี่ยนใจ “ฉันหมายถึง เราอาจจะทำไอศกรีมฟองดูว์ ตักไอศกรีมรสต่างๆ เป็นก้อนเล็ก เสิร์ฟบนจานเย็นเฉียบ กับช็อกโกแลตละลายในหม้อที่จุดไฟไว้ข้างใต้ ความเรืองรองของแสงไฟ และไออุ่นจากช็อกโกแลต เคลือบบนไอศกรีมหวานหอมให้ดูอบอุ่นขึ้นมาได้ เราไม่ต้องการของร้อนอะไรมากมายหรอกในอากาศแบบนี้ แค่ความรู้สึกดีๆ ที่ชวนให้อยากทานก็พอ”
คราวนี้ สมุดโน้ตของจงจินมีภาพสเก็ตช์จานไอศกรีมกับหม้อช็อกโกแลตฟองดูว์ประกอบข้อความด้วย
“แล้วเราก็ควรจะเพิ่มเครื่องดื่มร้อนเข้ามาบ้าง ง่ายๆ กาแฟ ชา ก่อนในขั้นต้น โดยให้มีรสพิเศษสำหรับรับฤดูใบไม้ผลิ เลือกชาให้เข้ากันกับไอศกรีมดอกไม้ผลไม้ของคุณ ขายเป็นชุด ชวนให้สาวๆ มาทานแทนที่จะเข้าร้านเค้ก เราอาจจะบอกว่า ไขมันต่ำกว่าขนมอบ และไม่ได้เย็นจนเกินไปในอากาศแบบนี้”
เจ้าของร้านได้แต่พยักหน้ารับฟัง ก่อนจะมองตามเมื่อร่างเล็กลุกขึ้นสำรวจตู้ไอศกรีม
“คุณควรมีท้อปปิ้งน่ารัก สีสวยๆ ให้ลูกค้าเลือกโรยหน้า แล้วเราก็คิดราคาเพิ่มได้อีก” ริสาบอก “ถ้าคุณซื้อเครื่องทำวาฟเฟิล ฉันมีสูตรอย่างหนาและบางกรอบ ม้วนเป็นกรวยไอศกรีมแบบทำเองได้ หอม อร่อย คุกกี้ไทยๆ อย่างทองม้วน ก็ใช้แต่งไอศกรีมได้เข้ากัน เราต้องมีอะไรเพิ่มเข้ามา”
“ผมจะไปหาพริตตี้ได้ที่ไหน” เขาถาม
“ก็ฉันนี่ไง คุณลงทุนซื้อชุดให้หน่อยแค่นั้นเอง”
ริสายิ้มหวานให้คุณเจ้าของร้านรูปหล่อ ไม่บอกให้รู้หรอกว่า ทั้งหมดที่พูดไปนั้น พี่อาราแนะนำมา ตัวริสาเองรู้เรื่องจัดการร้านไอศกรีมเสียที่ไหน อย่างมากก็ซื้อใส่โคนกินเล่น ไม่เคยคิดอะไรไกลอยู่แล้ว
โชคดีที่เจ้านายรับฟัง และในที่สุด ริสาก็จะมีแหล่งรายได้ประจำ ทำให้ชีวิตในเกาหลีมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะตอนนี้ ริสาไม่อยากกลับบ้านเลย...
บ้าน...ที่มีแต่เรื่องชวนให้ปวดหัว และปวดใจ...จนอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุด...
writer's talk: ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ดิท ลืมใส่นามปากกา "ไอลี่" ค่ะ