เที่ยวทุกทีที่มีโอกาส ตอน 2 ได้มาซะทีนะหลีเป๊ะ
ประเภททริป : เพื่อนและครอบครัว
ระยะเวลา : 4 วัน 3 คืน
งบประมาณ : 9,000 / คน ทั้งหมด 5 คน (เราไปเที่ยวเน้นพัก กิน เที่ยวสบายๆ ใครประหยัดได้กว่านี้ก็ดีใจด้วยจ้า)
การเดินทาง : สายการบินแอร์เอเชีย กทม-ตรัง + รถตู้จากสนามบินตรัง สู่ท่าเรือปากบารา +
เรือสปีดโบท์จากปากบาราไปโป๊ะ หน้าเกาะหลีเป๊ะ + เรือหางยาวจากโป๊ะเข้าฝั่ง + แท็กซี่ซาเล้งไปยังที่พัก…..
(หลายต่อแต้ๆ อิดขนาดดดดด)
จุดหมายปลายทาง : ซานอมซันไลท์ เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
ที่มาของทริปนี้ : อยากดำน้ำแบบส่วนตัว ได้ถ่ายรูปสวยๆแบบไม่ติดชาวบ้าน ชอบคนน้อยๆหน่อย
เราก็ไปมันหน้าโลว์ซีซั่นนี่แหล่ะ ที่พักลดราคา 555 งกได้อีก ไปลุ้นฟ้าฝนกันวันต่อวันเอา ตื่นเต้นดี
13 ตุลาคม 2558
รวมพลที่สนามบินดอนเมือง 6.50 น.แบบลุ้นตัวโก่งเพราะสมาชิกมาแบบหวุดหวิดจะตกเครื่อง
เตรียมบินไฟท์ 7.55น. ถึงตรัง 9.25น. ลงเครื่องปุ๊บรถตู้มารอรับเลย (เราติดต่อ KK-ทราเวลไว้ก่อนเดินทาง 1 สัปดาห์
เพื่อจองรถตู้ กะเรือไว้ให้เรา) รีบมุ่งหน้าสู่ท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล (เผื่อมีคนสับสน ว่าหลีเป๊ะ อยู่ จ.อะไร)
ให้ทันเรือรอบ 11.30 น. พี่รถตู้ขับทำเวลามากกกกก พาเรามาถึงปากบาราประมาณ 11.00 พอมีเวลาซื้อเสบียง
หอบหิ้วไปเกาะได้ (ขนเสบียงกันเยอะมาก แต่ก็มิเพียงพอ ต้องไปซื้อของบนเกาะซึ่งราคา 2 เท่าจ้า
ถือเป็นการกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นกันไป )
นั่งเรือมาอีกประมาณ 1.30 ชม.แวะถ่ายรูปเกาะไข่ แต่น้ำขึ้น เลยไม่ได้ลงหาด และแล้วก็มาถึงโป๊ะ หน้าเกาะหลีเป๊ะ ระหว่างรอลงเรือหางยาวนี่แหล่ะทำเอาเวียนหัวเป็นที่สุด และสุดท้ายซาเล้งไปยังที่พักซานอม ซันไลท์ กว่าจะถึงปาไปบ่ายสองกว่าๆแล้วจ้า
ข้อแนะนำ
1.นั่งเครื่องลงได้ทั้งที่ตรัง หรือหาดใหญ่ แล้วแต่สะดวก ราคาแล้วแต่ใครจองโปรไหนทันนะจ๊ะ
ไม่ควรโหลดกระเป๋า เพราะต้องรีบขึ้นรถตู้ เดินทางต่อไปยังท่าเรือ
2.รถตู้แบบแจม ราคา200-350.- ต่อเที่ยว ต่อคน จองแบบไป-กลับไว้เลย ไปกันหลายคนในวันธรรมดา
ลองต่อราคาดู จากหาดใหญ่ จะมีรถตู้ให้บริการมากกว่าจากตรังนะจ๊ะ
3.เรือจากปากบาราไปเกาะหลีเป๊ะ มีแบบสปีดโบท์ แบบเฟอร์รี่ เลือกตามเวลาที่สะดวก ควรจองล่วงหน้า
เพราะเที่ยวเรือมักจะเต็มตลอด วันธรรมดา ถูกกว่าวันหยุดนะจ๊ะ ไปหลายคนก็ต่อรองราคาดู 450-600.- ต่อเที่ยว ต่อคน
ได้เรือของบันดาหยาจองไปรอบ 11.30 – กลับ รอบ 9.30 ไว้เลย) เค้าเรียกลงเรือตามบัตรคิว เลือกที่นั่งด้านหลังๆ
ฝั่งเดียวกะคนขับนะจ๊ะ ลดแรงกระแทกจากคลื่นและหลบแดด เชื่อเรา เรานั่งพลาดมาแล้ว แดดส่องซะร้อนเลย
4.ถ้ามีเบอร์พี่เรือหางยาว น่าจะติดต่อให้มารับที่โป๊ะได้เลย ราคาก็ต่อรองกันเอง เพราะที่พักบางแห่ง มีเรือมารับ
ก็ได้ลงจากโป๊ะเร็ว คนอื่นก็รอคิวไปค่ะ รอนานเชียว จะอ๊วกกันก็ตอนอยู่บนโป๊ะนี้แหล่ะจ้า เตรียมยาดม
ลูกอมเปรี้ยวๆติดตัวไว้เลย ได้ใช้แน่ๆ พัดเล็กๆสักอันก็ดีนะ เจออากาศอบอ้าว คนเยอะๆ ก็แย่เหมือนกัน
5.เรือหางยาวจะมาส่งที่หาดซันไลท์ ตรงแถวๆหน้า ทรอปิคาน่ารีสอร์ท คนล่ะ 50 บาท ใครจองที่พักใกล้ๆก็เดินไปได้
ถ้าไกลก็ต้องต่อซาเล้งอีกคนล่ะ 50 บาท
6.จองที่พักช่วงโลว์ซีซั่นราคา ครึ่งนึงของไฮซีซั่นเลยนะจ๊ะ ของเราจองซานอมซันไลท์ ตั้งแต่ พ.ค
เข้าพัก 13-16 ตุลาคม ราคาน่าคบ ที่พักติดชายหาด เตรียมยากันยุงไปด้วยนะ ยุงที่เกาะตัวใหญ่และชุมมาก ยาแก้แพ้
แก้ไข้ ทาแผลด้วยนะจ๊ะ
ติดต่อห้องพักเรียบร้อยก็พักผ่อน ทานเสบียงหน้าห้องพัก ทุกห้องมีโต๊ะ เก้าอี้ เปล ช่วงเย็นเราก็ไปสำรวจชายหาดกัน หาดซันไลท์ฝั่งขวาไม่ค่อยมีอะไร เป็นจุดจอดเรือ
แต่ฝั่งซ้ายนี่ยาวไป เดินกันจนเมื่อย แล้วเราก็ไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกกันที่หาดพัทยากันต่อ
หาดนี้มีร้านอาหารเพี๊ยบ คนเล่นน้ำกันเยอะเลย ใกล้ค่ำก็กลับที่พัก พรุ่งนี้เรามีภารกิจดำน้ำ
ก่อนเดินทางเราติดต่อคุณลุงท่านนึงไว้ แต่พอเราไปถึงโทรหาคุณลุงเกิดติดธุระกะทันหัน
งานเข้าเลย โชคดีที่มีเบอร์อีกที่นึงอยู่ในโทรศัพท์ ตอนสอบถามราคา แพงกว่าหน่อยนึง แต่ก็ยังดีที่ไม่ผิดแผน
14 ตุลาคม 58
เมื่อคืนมีเสียงฟ้าร้อง ภาวนาขออย่าให้ตกเลย ไม่งั้นเศร้าแน่ๆ และแล้วท้องฟ้าก็เป็นใจ นัดเรือไว้ 9.00 น.
ตรงเวลาเป๊ะ มารับที่หน้าที่พักเลย ทักทายฝากเนื้อฝากตัวกับพี่มังกี้ กัปตันเรือของเรา วันนี้เราจะดำน้ำฝั่งตะวันออกกันก่อน
เพราะเกาะหินงาม เปิดเกาะวันที่ 15 (อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เท่าที่หาข้อมูลมา เข้าใจว่าเกาะอื่นๆเปิดตามปกติ
มีเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ ที่ปิดเกาะอยู่ และจะเปิดในวันที่ 1 พ.ย )
ออกจากเกาะหลีเป๊ะ ไปดำน้ำจุดแรกที่เกาะหินขาว จุดที่ 2 ไปเที่ยวน้ำตกโจรสลัด มีค่าธรรมเนียมอุทยาน 200 บาท
แล้วมาพักจุดที่ 3 ชายหาดอาดัง ชายหาดขาวเนียน คนที่ยังใช้อุปกรณ์ไม่ถนัด ก็ซ้อมให้คุ้นเคยได้ที่หาดนี้
(ท่านแม่มาด้วย ลงจุดแรกที่เกาะหินขาวนี่ร้องจะขึ้นเรือท่าเดียว) คนที่ใช้เป็นก็ดำน้ำบริเวณหน้าหาดได้
บนเกาะอาดัง มีจุดชมวิว “ ผาชะได“ ที่จะมองเห็นเกาะหลีเป๊ะได้ทั้งเกาะ แต่พี่มังกี้บอกอย่าไปเลย
เดินขึ้นเขา 1 กม. เลยนะ จะหมดแรงซะเปล่าๆ จุดที่ 4 เกาะกระ ท่านแม่สนุกใหญ่เลย เกาะห่วงยาง
ให้พี่มังกี้ก็พาชมปะการัง คนอื่นๆก็ ว่ายน้ำ ดำน้ำกันตามสะดวก กลับที่พักประมาณบ่าย 3
ข้อแนะนำ
1.อุปกรณ์กันแดด แว่นตา หมวก ครีมกันแดด ชุดสำหรับดำน้ำ ก็ตามสะดวก จะทูพีช วันพีช
หรือชุดดำน้ำแบบเราก็ได้ กันแดด กันดำ กันแมงกะพรุน 5555 ไม่กันก็ตามใจ มีลอกไหม้กันแน่นอน
2.เตรียมน้ำดื่ม และอาหารกลางวันไปทานเอง (สั่งข้าวกล่อง กล่องล่ะ 100 นะจ๊ะ) เราเตรียมเสบียง
เป็นพวกขนมปัง ทูน่ากระป๋องสารพัดอย่าง นม น้ำ 1 แพ็คสำหรับ 5 คน เกือบหมดแพ็คค่ะ แล้วขึ้นจากน้ำก็หิวกันตลอดเวลา
3.ยาดม และลูกอมเปรี้ยวๆ เตรียมไว้เถอะ ยิ่งใครที่เมาเรือ ได้ใช้แน่นอน
4.ตอนมาส่งพี่มังกี้ให้ยืมชูชีพ กะอุปกรณ์ดำน้ำ กะมาดำหน้าที่พักต่อ ไม่ต้องยืมมานะจ๊ะ เพราะหมดแรงแล้ว 5555
อาบน้ำเสร็จก็นอนพักเอาแรงกันจ้า 6 โมงเย็น ไปลุยถนนคนเดินกันต่อ กลับที่พักก็สลบกันเลยที่เดียว
5.เหมาเรือดำน้ำวันแรกฝั่งตะวันออก 1,500 ต่อวัน อุปกรณ์อีกคนล่ะ 50.- วันที่ 2 รอบใน+รอบนอก 2,500
แต่ละจุด แต่ละเกาะ มีปะการังที่แตกต่างกันไป ไหนๆก็ไปถึงหลีเป๊ะแล้ว ดำให้ทั่วกันไปเลยจ้า
15 ตุลาคม 58
วันนี้ตื่นมาพร้อมกับสายฝนพรำ ตกตั้งแต่เมื่อคืน จนสายแล้วก็ยังคงตก 9 โมง พี่มังกี้มารอรับล่ะ
วันนี้เรามุ่งหน้าสู่เกาะหินซ้อน ซึ่งตอนที่ออกก็ยังคงมีฝนพรำ ฟ้าก็ปิดเชียว มีสายตาจากคนอื่นๆบนฝั่ง
ที่มองเรา แบบว่า…นี่พวกแกจะไปกันจริงๆเหรอ 5555 คือมาแล้ว ก็ต้องลุยต่อ เปียกกันตั้งแต่ออก
คลื่นลมแรง ฝนก็ตก ไม่มีเรือลำไหนมากะเราเลย 5555 พร้อมใจกันใส่ชูชีพทู๊กกกคน นั่งเงียบๆพักใหญ่ๆ
เห็นเกาะอยู่ข้างหน้าลิบๆ แต่นานถึงจริงๆ มาถึงก็ถ่ายรูปเกาะหินซ้อนซะหน่อย พี่มังกี้ก็พามาจุดดำน้ำจุดแรก
ใกล้เกาะหินซ้อน ทุกคนมองหน้า แล้วถามว่า จะให้ดำที่นี่จริงๆเหรอ ซะลึกเชียวแล้วคลื่นแรงมาก
เกรงว่าจะลอยออกอันดามันไปเลย 555 พี่มังกี้เลยพาไปจุดที่ 2 เกาะไผ่ และ เกาะดงใกล้ๆกัน เป็นดงประการังไฟ ใช้เวลากันพักใหญ่
ชื่นชมความงามของโลกใต้น้ำ ที่ต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าสวยขนาดไหน
เราก็ไปจุดที่ 3 เกาะรอกลอย พักทานกลางวัน และดำน้ำหน้าเกาะ ฝนก็ตกลงมาอีกระลอก วันนี้เราภาวนาให้มีแสงแดด
ดีกว่าจะอึมครึมฟ้าปิดแบบนี้ ใช้เวลาสักพักก็ไปจุดที่ 4 ต่อที่หาดทรายขาวเกาะราวี จุดนี้เล่นน้ำ ถ่ายรูป
จุดที่ 5 เกาะยาว กับดงปะการังผักกาด จุดที่ 6 เกาะหินงาม
ถ่ายรูปแล้วต้องลองสปาหินบำบัด พี่มังกี้บอกหินจะมีความร้อนช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดี ว่าแล้วก็นอนแผ่ลองกันใหญ่
จากเกาะหินงาม จุดที่ 7 คือร่องน้ำจาบัง แต่วันนี้คลื่นลมค่อนข้างแรง และเราใช้เวลาที่เกาะอื่นๆค่อนข้างนาน
เลยจำเป็นที่จะต้องกลับที่พัก ถึงที่พัก 4 โมงกว่าๆ ก็สลบกันตามเคย ตอนเย็นก็ไปหาของกินที่ถนนคนเดินเหมือนเดิม
16 ตุลาคม
ตื่นมาพร้อมกับแสงแดด 555 รีบเช็คเอ้าท์ ที่ซานอมมีเรือฟรีไปส่งที่โป๊ะนะจ๊ะ แจ้งน้องพนักงานไว้ก่อนล่ะกันว่าจะกลับวันไหน
เที่ยวกี่โมง เคว้งคว้างอยู่ที่โป๊ะอีกครึ่งชม. ถึงได้ขึ้นสปีดโบท์กลับมายังปากบารา ขากลับไวมาก 1 ชม ก็มาถึง
รอพักนึงรถตู้คันเดิมก็มารับเรากลับตรัง ไฟท์กลับจองเย็นๆหน่อยนะจ๊ะ เผื่อเวลาเดินทาง ให้รถตู้มาส่งในเมือง
มีคุณเพื่อนพาไปทานอาหารทะเล แบบยกทะเลมาเลยเต็มๆ หลังจากติดเกาะมา 3 วัน ที่ร้าน ภูเล อาหารอร่อยราคาน่าคบ
7 คนหมดไป 2 พัน ปลื้มมากกก ไม่มีรูปนะจ๊ะ เพราะอาหารลงปุ๊บ ทุกคนตักปั๊บ กินกันอย่างเดียว ซื้อของฝากเสร็จก็มารอที่สนามบิน
พร้อมกลับ กทม รอบ 18.30 น. บ๊ายบายหลีเป๊ะ ไว้มีโอกาสจะมาอีก ต้องมาซ่อมดำน้ำ เกาะหินซ้อน กับร่องน้ำจาบังให้ได้
[CR] เที่ยวทุกทีที่มีโอกาส ตอน 2 ได้มาซะทีนะ...หลีเป๊ะ
ประเภททริป : เพื่อนและครอบครัว
ระยะเวลา : 4 วัน 3 คืน
งบประมาณ : 9,000 / คน ทั้งหมด 5 คน (เราไปเที่ยวเน้นพัก กิน เที่ยวสบายๆ ใครประหยัดได้กว่านี้ก็ดีใจด้วยจ้า)
การเดินทาง : สายการบินแอร์เอเชีย กทม-ตรัง + รถตู้จากสนามบินตรัง สู่ท่าเรือปากบารา +
เรือสปีดโบท์จากปากบาราไปโป๊ะ หน้าเกาะหลีเป๊ะ + เรือหางยาวจากโป๊ะเข้าฝั่ง + แท็กซี่ซาเล้งไปยังที่พัก…..
(หลายต่อแต้ๆ อิดขนาดดดดด)
จุดหมายปลายทาง : ซานอมซันไลท์ เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
ที่มาของทริปนี้ : อยากดำน้ำแบบส่วนตัว ได้ถ่ายรูปสวยๆแบบไม่ติดชาวบ้าน ชอบคนน้อยๆหน่อย
เราก็ไปมันหน้าโลว์ซีซั่นนี่แหล่ะ ที่พักลดราคา 555 งกได้อีก ไปลุ้นฟ้าฝนกันวันต่อวันเอา ตื่นเต้นดี
13 ตุลาคม 2558
รวมพลที่สนามบินดอนเมือง 6.50 น.แบบลุ้นตัวโก่งเพราะสมาชิกมาแบบหวุดหวิดจะตกเครื่อง
เตรียมบินไฟท์ 7.55น. ถึงตรัง 9.25น. ลงเครื่องปุ๊บรถตู้มารอรับเลย (เราติดต่อ KK-ทราเวลไว้ก่อนเดินทาง 1 สัปดาห์
เพื่อจองรถตู้ กะเรือไว้ให้เรา) รีบมุ่งหน้าสู่ท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล (เผื่อมีคนสับสน ว่าหลีเป๊ะ อยู่ จ.อะไร)
ให้ทันเรือรอบ 11.30 น. พี่รถตู้ขับทำเวลามากกกกก พาเรามาถึงปากบาราประมาณ 11.00 พอมีเวลาซื้อเสบียง
หอบหิ้วไปเกาะได้ (ขนเสบียงกันเยอะมาก แต่ก็มิเพียงพอ ต้องไปซื้อของบนเกาะซึ่งราคา 2 เท่าจ้า
ถือเป็นการกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นกันไป )
นั่งเรือมาอีกประมาณ 1.30 ชม.แวะถ่ายรูปเกาะไข่ แต่น้ำขึ้น เลยไม่ได้ลงหาด และแล้วก็มาถึงโป๊ะ หน้าเกาะหลีเป๊ะ ระหว่างรอลงเรือหางยาวนี่แหล่ะทำเอาเวียนหัวเป็นที่สุด และสุดท้ายซาเล้งไปยังที่พักซานอม ซันไลท์ กว่าจะถึงปาไปบ่ายสองกว่าๆแล้วจ้า
ข้อแนะนำ
1.นั่งเครื่องลงได้ทั้งที่ตรัง หรือหาดใหญ่ แล้วแต่สะดวก ราคาแล้วแต่ใครจองโปรไหนทันนะจ๊ะ
ไม่ควรโหลดกระเป๋า เพราะต้องรีบขึ้นรถตู้ เดินทางต่อไปยังท่าเรือ
2.รถตู้แบบแจม ราคา200-350.- ต่อเที่ยว ต่อคน จองแบบไป-กลับไว้เลย ไปกันหลายคนในวันธรรมดา
ลองต่อราคาดู จากหาดใหญ่ จะมีรถตู้ให้บริการมากกว่าจากตรังนะจ๊ะ
3.เรือจากปากบาราไปเกาะหลีเป๊ะ มีแบบสปีดโบท์ แบบเฟอร์รี่ เลือกตามเวลาที่สะดวก ควรจองล่วงหน้า
เพราะเที่ยวเรือมักจะเต็มตลอด วันธรรมดา ถูกกว่าวันหยุดนะจ๊ะ ไปหลายคนก็ต่อรองราคาดู 450-600.- ต่อเที่ยว ต่อคน
ได้เรือของบันดาหยาจองไปรอบ 11.30 – กลับ รอบ 9.30 ไว้เลย) เค้าเรียกลงเรือตามบัตรคิว เลือกที่นั่งด้านหลังๆ
ฝั่งเดียวกะคนขับนะจ๊ะ ลดแรงกระแทกจากคลื่นและหลบแดด เชื่อเรา เรานั่งพลาดมาแล้ว แดดส่องซะร้อนเลย
4.ถ้ามีเบอร์พี่เรือหางยาว น่าจะติดต่อให้มารับที่โป๊ะได้เลย ราคาก็ต่อรองกันเอง เพราะที่พักบางแห่ง มีเรือมารับ
ก็ได้ลงจากโป๊ะเร็ว คนอื่นก็รอคิวไปค่ะ รอนานเชียว จะอ๊วกกันก็ตอนอยู่บนโป๊ะนี้แหล่ะจ้า เตรียมยาดม
ลูกอมเปรี้ยวๆติดตัวไว้เลย ได้ใช้แน่ๆ พัดเล็กๆสักอันก็ดีนะ เจออากาศอบอ้าว คนเยอะๆ ก็แย่เหมือนกัน
5.เรือหางยาวจะมาส่งที่หาดซันไลท์ ตรงแถวๆหน้า ทรอปิคาน่ารีสอร์ท คนล่ะ 50 บาท ใครจองที่พักใกล้ๆก็เดินไปได้
ถ้าไกลก็ต้องต่อซาเล้งอีกคนล่ะ 50 บาท
6.จองที่พักช่วงโลว์ซีซั่นราคา ครึ่งนึงของไฮซีซั่นเลยนะจ๊ะ ของเราจองซานอมซันไลท์ ตั้งแต่ พ.ค
เข้าพัก 13-16 ตุลาคม ราคาน่าคบ ที่พักติดชายหาด เตรียมยากันยุงไปด้วยนะ ยุงที่เกาะตัวใหญ่และชุมมาก ยาแก้แพ้
แก้ไข้ ทาแผลด้วยนะจ๊ะ
ติดต่อห้องพักเรียบร้อยก็พักผ่อน ทานเสบียงหน้าห้องพัก ทุกห้องมีโต๊ะ เก้าอี้ เปล ช่วงเย็นเราก็ไปสำรวจชายหาดกัน หาดซันไลท์ฝั่งขวาไม่ค่อยมีอะไร เป็นจุดจอดเรือ
แต่ฝั่งซ้ายนี่ยาวไป เดินกันจนเมื่อย แล้วเราก็ไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกกันที่หาดพัทยากันต่อ
หาดนี้มีร้านอาหารเพี๊ยบ คนเล่นน้ำกันเยอะเลย ใกล้ค่ำก็กลับที่พัก พรุ่งนี้เรามีภารกิจดำน้ำ
ก่อนเดินทางเราติดต่อคุณลุงท่านนึงไว้ แต่พอเราไปถึงโทรหาคุณลุงเกิดติดธุระกะทันหัน
งานเข้าเลย โชคดีที่มีเบอร์อีกที่นึงอยู่ในโทรศัพท์ ตอนสอบถามราคา แพงกว่าหน่อยนึง แต่ก็ยังดีที่ไม่ผิดแผน
14 ตุลาคม 58
เมื่อคืนมีเสียงฟ้าร้อง ภาวนาขออย่าให้ตกเลย ไม่งั้นเศร้าแน่ๆ และแล้วท้องฟ้าก็เป็นใจ นัดเรือไว้ 9.00 น.
ตรงเวลาเป๊ะ มารับที่หน้าที่พักเลย ทักทายฝากเนื้อฝากตัวกับพี่มังกี้ กัปตันเรือของเรา วันนี้เราจะดำน้ำฝั่งตะวันออกกันก่อน
เพราะเกาะหินงาม เปิดเกาะวันที่ 15 (อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เท่าที่หาข้อมูลมา เข้าใจว่าเกาะอื่นๆเปิดตามปกติ
มีเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ ที่ปิดเกาะอยู่ และจะเปิดในวันที่ 1 พ.ย )
ออกจากเกาะหลีเป๊ะ ไปดำน้ำจุดแรกที่เกาะหินขาว จุดที่ 2 ไปเที่ยวน้ำตกโจรสลัด มีค่าธรรมเนียมอุทยาน 200 บาท
แล้วมาพักจุดที่ 3 ชายหาดอาดัง ชายหาดขาวเนียน คนที่ยังใช้อุปกรณ์ไม่ถนัด ก็ซ้อมให้คุ้นเคยได้ที่หาดนี้
(ท่านแม่มาด้วย ลงจุดแรกที่เกาะหินขาวนี่ร้องจะขึ้นเรือท่าเดียว) คนที่ใช้เป็นก็ดำน้ำบริเวณหน้าหาดได้
บนเกาะอาดัง มีจุดชมวิว “ ผาชะได“ ที่จะมองเห็นเกาะหลีเป๊ะได้ทั้งเกาะ แต่พี่มังกี้บอกอย่าไปเลย
เดินขึ้นเขา 1 กม. เลยนะ จะหมดแรงซะเปล่าๆ จุดที่ 4 เกาะกระ ท่านแม่สนุกใหญ่เลย เกาะห่วงยาง
ให้พี่มังกี้ก็พาชมปะการัง คนอื่นๆก็ ว่ายน้ำ ดำน้ำกันตามสะดวก กลับที่พักประมาณบ่าย 3
ข้อแนะนำ
1.อุปกรณ์กันแดด แว่นตา หมวก ครีมกันแดด ชุดสำหรับดำน้ำ ก็ตามสะดวก จะทูพีช วันพีช
หรือชุดดำน้ำแบบเราก็ได้ กันแดด กันดำ กันแมงกะพรุน 5555 ไม่กันก็ตามใจ มีลอกไหม้กันแน่นอน
2.เตรียมน้ำดื่ม และอาหารกลางวันไปทานเอง (สั่งข้าวกล่อง กล่องล่ะ 100 นะจ๊ะ) เราเตรียมเสบียง
เป็นพวกขนมปัง ทูน่ากระป๋องสารพัดอย่าง นม น้ำ 1 แพ็คสำหรับ 5 คน เกือบหมดแพ็คค่ะ แล้วขึ้นจากน้ำก็หิวกันตลอดเวลา
3.ยาดม และลูกอมเปรี้ยวๆ เตรียมไว้เถอะ ยิ่งใครที่เมาเรือ ได้ใช้แน่นอน
4.ตอนมาส่งพี่มังกี้ให้ยืมชูชีพ กะอุปกรณ์ดำน้ำ กะมาดำหน้าที่พักต่อ ไม่ต้องยืมมานะจ๊ะ เพราะหมดแรงแล้ว 5555
อาบน้ำเสร็จก็นอนพักเอาแรงกันจ้า 6 โมงเย็น ไปลุยถนนคนเดินกันต่อ กลับที่พักก็สลบกันเลยที่เดียว
5.เหมาเรือดำน้ำวันแรกฝั่งตะวันออก 1,500 ต่อวัน อุปกรณ์อีกคนล่ะ 50.- วันที่ 2 รอบใน+รอบนอก 2,500
แต่ละจุด แต่ละเกาะ มีปะการังที่แตกต่างกันไป ไหนๆก็ไปถึงหลีเป๊ะแล้ว ดำให้ทั่วกันไปเลยจ้า
15 ตุลาคม 58
วันนี้ตื่นมาพร้อมกับสายฝนพรำ ตกตั้งแต่เมื่อคืน จนสายแล้วก็ยังคงตก 9 โมง พี่มังกี้มารอรับล่ะ
วันนี้เรามุ่งหน้าสู่เกาะหินซ้อน ซึ่งตอนที่ออกก็ยังคงมีฝนพรำ ฟ้าก็ปิดเชียว มีสายตาจากคนอื่นๆบนฝั่ง
ที่มองเรา แบบว่า…นี่พวกแกจะไปกันจริงๆเหรอ 5555 คือมาแล้ว ก็ต้องลุยต่อ เปียกกันตั้งแต่ออก
คลื่นลมแรง ฝนก็ตก ไม่มีเรือลำไหนมากะเราเลย 5555 พร้อมใจกันใส่ชูชีพทู๊กกกคน นั่งเงียบๆพักใหญ่ๆ
เห็นเกาะอยู่ข้างหน้าลิบๆ แต่นานถึงจริงๆ มาถึงก็ถ่ายรูปเกาะหินซ้อนซะหน่อย พี่มังกี้ก็พามาจุดดำน้ำจุดแรก
ใกล้เกาะหินซ้อน ทุกคนมองหน้า แล้วถามว่า จะให้ดำที่นี่จริงๆเหรอ ซะลึกเชียวแล้วคลื่นแรงมาก
เกรงว่าจะลอยออกอันดามันไปเลย 555 พี่มังกี้เลยพาไปจุดที่ 2 เกาะไผ่ และ เกาะดงใกล้ๆกัน เป็นดงประการังไฟ ใช้เวลากันพักใหญ่
ชื่นชมความงามของโลกใต้น้ำ ที่ต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าสวยขนาดไหน
เราก็ไปจุดที่ 3 เกาะรอกลอย พักทานกลางวัน และดำน้ำหน้าเกาะ ฝนก็ตกลงมาอีกระลอก วันนี้เราภาวนาให้มีแสงแดด
ดีกว่าจะอึมครึมฟ้าปิดแบบนี้ ใช้เวลาสักพักก็ไปจุดที่ 4 ต่อที่หาดทรายขาวเกาะราวี จุดนี้เล่นน้ำ ถ่ายรูป
จุดที่ 5 เกาะยาว กับดงปะการังผักกาด จุดที่ 6 เกาะหินงาม
ถ่ายรูปแล้วต้องลองสปาหินบำบัด พี่มังกี้บอกหินจะมีความร้อนช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดี ว่าแล้วก็นอนแผ่ลองกันใหญ่
จากเกาะหินงาม จุดที่ 7 คือร่องน้ำจาบัง แต่วันนี้คลื่นลมค่อนข้างแรง และเราใช้เวลาที่เกาะอื่นๆค่อนข้างนาน
เลยจำเป็นที่จะต้องกลับที่พัก ถึงที่พัก 4 โมงกว่าๆ ก็สลบกันตามเคย ตอนเย็นก็ไปหาของกินที่ถนนคนเดินเหมือนเดิม
16 ตุลาคม
ตื่นมาพร้อมกับแสงแดด 555 รีบเช็คเอ้าท์ ที่ซานอมมีเรือฟรีไปส่งที่โป๊ะนะจ๊ะ แจ้งน้องพนักงานไว้ก่อนล่ะกันว่าจะกลับวันไหน
เที่ยวกี่โมง เคว้งคว้างอยู่ที่โป๊ะอีกครึ่งชม. ถึงได้ขึ้นสปีดโบท์กลับมายังปากบารา ขากลับไวมาก 1 ชม ก็มาถึง
รอพักนึงรถตู้คันเดิมก็มารับเรากลับตรัง ไฟท์กลับจองเย็นๆหน่อยนะจ๊ะ เผื่อเวลาเดินทาง ให้รถตู้มาส่งในเมือง
มีคุณเพื่อนพาไปทานอาหารทะเล แบบยกทะเลมาเลยเต็มๆ หลังจากติดเกาะมา 3 วัน ที่ร้าน ภูเล อาหารอร่อยราคาน่าคบ
7 คนหมดไป 2 พัน ปลื้มมากกก ไม่มีรูปนะจ๊ะ เพราะอาหารลงปุ๊บ ทุกคนตักปั๊บ กินกันอย่างเดียว ซื้อของฝากเสร็จก็มารอที่สนามบิน
พร้อมกลับ กทม รอบ 18.30 น. บ๊ายบายหลีเป๊ะ ไว้มีโอกาสจะมาอีก ต้องมาซ่อมดำน้ำ เกาะหินซ้อน กับร่องน้ำจาบังให้ได้