สะดุดรัก ภารกิจลับ ตอนที่ 5 (part 2)

อัยถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงจะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ที่มองเห็นคนทั้งสี่เดินย้อนหายกลับไปทางฝั่งหอพักแล้วก็ตาม แต่เส้นทางจากนี้ไปยังสวนคอร์นของเจ้ายักษ์ก็ยังไม่รู้จะเจออะไรอีก นายเควินเล่าก็เด็กหอ สี่ทุ่มกว่าแล้ว หากครูหอพักเข้ามาในห้อง แล้วไม่เจอเขา ... เรื่องก็คงจะยาวต่อไปอีก
ทั้งคู่เดินเลาะตามเส้นทางที่เป็นต้นไม้ใหญ่ แม้ว่าจะทั้งมืด ทั้งรก กลัวทั้งผี ทั้งงู แต่อัยก็กลัวถูกไล่ออกมากกว่าอย่างอื่น ชั่วเวลาไม่เกินยี่สิบนาที พวกเขาก็มายืนนิ่งมองฝายกั้นน้ำด้านหลังไร่ข้าวโพดกันอย่างสงบ ฝายกั้นน้ำในหมู่บ้าน เป็นปูนซีเมนต์แข็งแรงดี ช่วงหน้าแล้งชาวบ้านก็คงจะเดินไต่ข้ามไปมาได้สะดวก เพราะช่วงทางเดินก็ไม่แคบมาก และผิวหยาบของปูนซีเมนต์ก็ช่วยให้เดินข้ามไปมาได้โดยง่าย แต่ไม่ใช่ตอนฤดูฝนที่มีน้ำเอ่อล้นฝายเช่นนี้

                        “นี่ฉันต้องข้ามไปจริง ๆ เหรอ”

                         อัยยืนมองฝายกั้นน้ำที่ทอดยาวบนความมืดไปจนสุดสายตา ปลายทางเป็นป่ารกทึบ หล่อนมองเห็นแสงไฟจากบ้านตัวเองลิบ ๆ มันไม่ได้ใกล้เลยที่จะเดินจากจุดนี้กลับไปที่บ้าน

                          “ยูเดินไหวไหม”

                          น้ำเสียงเควินเริ่มแสดงความไหวหวั่น สายน้ำไหลข้ามฝายกระแทกลำน้ำดังซัดซ่าเป็นจังหวะ ฟังดูน่าหวาดกลัวไม่ใช่เล่น
ยิ่งหากอัยพลาดตกลงไปด้วยละก็…

                          “ความจริง น่าจะปล่อยให้ยูกลับไปทางประตูโรงเรียนจะปลอดภัยกว่า ศาสตราจารย์สตีเฟ่นก็แค่ลงโทษ แต่ยูจะไม่เจ็บ”

                          “ไม่นะ ไม่ ๆๆ ไม่เอาเด็ดขาด”

                          ทุนโงมูระ... โปรไฟล์ประธานนักเรียน...  อัยส่ายหัวดิก หล่อนไม่ยอมให้ปัญหาเล็ก ๆ นี่พรากเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปเป็นอันขาด
เควินถอนใจแน่นหนัก เขายืนเกาหัวตัวเองจนฟูยุ่งเหยิง ก่อนจะดูเหมือนจะต่อสู้กับอะไรบางอย่างในใจได้สำเร็จ

                          “โอเค ... งั้นไอไปด้วย”

                           “เฮ้ย!”

                          อัยร้องเสียงหลง

                          “อย่ามาล้อเล่นน่ะ”

                          “No! I’m serious”

                           เขาเน้นเสียงหนักแน่น ก่อนจะก้าวเดินนำหล่อนลงฝายไปจริง ๆ อัยมองท่าทีของเขาอย่างกังวล เควินเป็นเด็กหอ กำลังถูกทัณฑ์บนอยู่ด้วย  ไม่รู้ว่าเขาไปทำความผิดอะไรมา แต่นี่เขากำลังจะหนีออกนอกโรงเรียนไปพร้อมกับหล่อน
เรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว

                           “เควิน ช่างเถอะ กลับขึ้นมาดีกว่า ฉันจะออกไปทางประตูยามก็ได้”

                           จู่ ๆ อัยก็พูดออกไป แม้ในอกในใจมันแน่นตื้อไปหมดเมื่อคิดว่า หล่อนจะถูกตัดสิทธิ์ในการขอทุนครั้งนี้ แต่ประธานนักเรียนสาวก็ไม่อยากให้หมอนี่มาร่วมรับกรรมไปกับหล่อนด้วย

                           “ลงมา เร็ว ๆ น้ำไม่ได้แรงขนาดนั้น ไม่ต้องกลัวหรอก”

                            เควินไม่ได้สนใจคำพูดของอัยเลย เขาพยักหน้าเร่งให้เด็กสาวรีบลงไปที่ฝาย โบกมือไล่สีหน้าเป็นกังวลของหล่อนไป แล้วยื่นแขนยาว ๆ ออกมารอรับ

                           อัยกัดริมฝีปาก เอาไงเอากัน!!

                           เด็กสาวก้าวขาตามลงไปช้า ๆ น้ำเย็นจนรู้สึกสะดุ้ง มันคงจะสนุกดีถ้าเป็นตอนกลางวันและหล่อนมาพร้อมกับอันนาหรือเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ไม่ใช่นายเควิน และไม่ใช่ในยามวิกาล ไม่ได้หนีครู หนียาม แถมยังต้องเดินข้ามป่ากลับไปที่บ้านตอนดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้

                            น้ำจากฝายไหลแรงกระแทกข้อเท้าของคนทั้งคู่จนต้องเดินอย่างเชื่องช้า ระมัดระวัง อัยพยายามบังคับสายตาตัวเองไม่ให้มองลงไปยังน้ำสีดำเบื้องล่าง ที่ไหลเชี่ยวกรากอยู่เบื้องล่าง แค่ภาพที่จดจำไว้เมื่อครู่ก็หลอนโสตประสาตไว้ก็ติดตาจนสะเทือนใจให้ไหวหวั่นมากพอแล้ว เสียงน้ำไหลลงฝายก็ยังข่มขู่จนต้องเดินขาสั่น

                            “ช้า ๆ ไม่ต้องกลัว”

                            เควินจับข้อศอกข้างหนึ่งของอัยไว้ ขาแข็งแรงค่อยสืบก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ทีละก้าว ช้า ๆ ระมัดระวัง อย่างที่เขาคอยบอกอัย ผู้ซึ่งจิกมือทั้งสองข้างลงบนแขนของเขาจนเจ็บ

                            “เมื่อไหร่จะถึงซักทีเนี่ย...”

                            เสียงกับขาไม่รู้อย่างไหนจะสั่นกว่ากัน อัยภาวนาว่าขอแค่อย่าให้มีแสงไฟฉายจากฝั่งโรงเรียนส่องมาทางหล่อนตอนนี้ ... ก็พอ
ตอนนี้รองเท้านักเรียนของอัยเปียกชุ่ม ของเควินก็ไม่ต่างกัน แต่ในความสั่นไหวหวาดกลัว อัยกลับรู้สึกมั่นคงอย่างประหลาด... มือของหล่อนอยู่ในการดูแลของผู้ชายตรงหน้านี้ เควินขบกรามแน่นจนเป็นสัน ในเงาสลัวรางใต้แสงจันทร์ในคืนเดือนมืด เขาดูราวกับรูปปั้นนักรบ ที่สง่างามและเป็นที่พึ่งพิง อัยหลงเคลิ้มมองตามไหล่กว้างนั้นจนลืมตัว จนต่อเมื่อรู้สึกตัวว่า ในกระแสน้ำเย็นที่ไหลซึมผ่านรองเท้าเข้ามาเป็นจังหวะนั้น ถูกขัดด้วยอะไรบางอย่างที่ระคายขึ้นมาเหนือข้อเท้า

                            “อุ๊ย! อะไรน่ะ ว้าย!”

                            แค่เสี้ยวนาทีเท่านั้นที่อัยเผลอยกเท้าขึ้นด้วยความตกใจ กระแสน้ำก็ดูมีพลังราวกับกลุ่มก้อนมวลน้ำมหาศาลที่สะกิดข้อเท้าหล่อนเพียงแผ่วเบาก็ทำให้ไถลลื่นหลุดจากขอบทางเดินไปได้

                           “กรี๊ด!”

                           “เฮ้!”

                           ขาของอัยทั้งสองข้างหลุดจมไปในลำธาร ที่มันยังแกว่งไกวไปมาบนผิวน้ำเย็นเฉียบนั้นได้ ก็เพราะคนตัวใหญ่ข้างบนขอบฝายนั้นฉวยรวบร่างท่อนบนกึ่งอุ้มหล่อนไว้ได้ทัน อัยหวีดร้องอย่างขวัญเสีย ที่เปียกก็เปียกไปแล้ว แต่หล่อนไม่อยากตกลงไปทั้งตัวอย่างนั้น ท้องน้ำข้างล่างจะลึกสักเพียงไหนก็ไม่รู้

                        ในความมืดดำของธารน้ำยามค่ำคืน ก็เอื้อให้จินตนาการถึงสรรพสิ่งใต้น้ำที่ตาไม่อาจมองเห็น แต่  ‘ มัน’ หรือ ‘เรา’ ก็อาจจะสัมผัสกันได้ อัยใจหายจนอยากจะภาวนาว่า ขอให้นี่เป็นเพียงฝันร้ายของหล่อนเท่านั้น หากเพียงแต่ว่าในความเป็นจริงขณะนี้ มีใบหน้าคมสันที่กำลังหอบหายใจเป่ารดตรงหน้ากำลังเพียรพยายามออกแรงฉุดดึงให้หล่อนกลับขึ้นมาบนขอบคันฝายตามเดิม

                       “นายอย่าปล่อยฉันนะ! เควิน! อย่าเด็ดขาดเลยนะ ฉันกลัว”

                        อัยร้องเสียงหลง รู้สึกว่าน้ำตากำลังไหลเป็นทาง หล่อนกลัวจนมือเริ่มจะอ่อนแรงลงไปแล้ว

                        “ไม่ต้องกลัว ๆ จับแน่น ๆ อย่าปล่อย อย่าปล่อยสิ เฮ้ !”

                            เควินร้องลั่นเมื่อมือที่รวบเอวของเขาไว้อย่างแน่นหนาค่อย ๆ ลื่นหลุดลงอย่างที่เขาก็ไม่อาจฉวยรั้งไว้ได้

                         ตูม!

                         อัยร่วงหล่นลงน้ำ เสียงหวีดร้องอย่างตกใจหลุดจมหายไปพร้อมกันกับร่างผอมบางผมยาวสยาย เควินไม่รอช้าเขากระโดดตามไปทันที กระแสน้ำที่ไหลแรงจากฝายกั้นน้ำแตกเป็นฟองฝอย เย็นเฉียบจนรู้สึกเหมือนกับร่างจ่อมจมลงในอ่างน้ำแข็งขนาดมหึมา  เควินคว้าร่างอัยได้ในเสี้ยวนาทีของลมหายใจกระเพื่อมน้ำ เด็กหนุ่มอุ้มเด็กสาวขึ้นจากลำธาร เขาอาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ มองหากอหญ้าตามของตลิ่ง เพื่ออาศัยเป็นที่ยึด สำหรับเดินไต่ขึ้นมาบนฝั่ง

                           เควินปล่อยเด็กสาวลงตรงโคนต้นไม้  เด็กสาวสำลักน้ำ ไอถี่ ๆ จนเสียงหายใจขาดห้วง เขาคอยช่วยตบหลังให้สำรอกน้ำออกมา  ร่างผอมเปียกน้ำทั้งตัว ผมยาวเปียกลู่ระมาถึงเอว เควินทรุดลงจ้องมองหน้าอัยใกล้ ๆ

                           “Are you OK?”

                           อัยส่ายหน้า

                         “ไม่ ฉันกลัว ฉันอยากกลับบ้าน”

                           เควินขยับเข้าใกล้  เห็นอัยสะอื้นเบา ๆ  

                            “กลับบ้าน ... แล้วบ้านยูอยู่ไหนล่ะ”

                            อัยปาดน้ำตา นึกขึ้นได้ในนาทีนั้นเองว่า ทุกสิ่งอย่างในกระเป๋าเป้ที่หลังของหล่อนเปียกไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือเลย

                           แม้แต่โทรศัพท์...

                            เควินกับอัยเพิ่งจะได้เห็นว่า ถัดจากป่าท้ายฝาย ก็เป็นถนนคอนกรีต ไฟถนนห่างเป็นช่วง ๆ ส่องเป็นระยะ ที่เห็นถัดจากช่วงถนนไม่ไกล ก็เป็นบ้านหลังใหญ่ บานหน้าต่างสูง ม่านสีครีม เปิดไฟสว่างโร่ ทั้งหลัง .... บ้านของอัยนั่นเอง

                            ...แต่ว่าไกลขนาดนั้น...และตอนนี้ โทรศัพท์มือถือมันมีอันเป็นไปเสียแล้ว แล้วหล่อนจะติดต่อกับคนที่บ้านยังไงดี


                          “นั่นใครน่ะ”

                          เสียงใครคนหนึ่งทักขึ้น จนทั้งคู่สะดุ้งโหยง มองตามแสงไฟฉายสาดส่องวูบวาบอย่างตื่นเต้น เจ้าของเสียงเป็นผู้หญิง เควินรีบลุกขึ้นเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ทันที

                           “hi!  umm.....”

                          เด็กหนุ่มทำหน้าตาตื่น มือไม้เก้งก้าง พยายามอธิบาย ทว่า ฝ่ายตรงข้ามกลับเป็นผู้ชิงเอ่ยขึ้นก่อน

                          “นั่น... น้องอัยใช่มั้ย”

                         อัยเขม้นตามองใบหน้าในความสลัวราง เสียงนั้นคุ้นหูนัก

                           “พี่ดาว!!”

                         หล่อนอุทานออกมาอย่างดีใจ ดาว พี่เลี้ยงของหล่อนนั่นเอง พี่ดาวยกมือขึ้นทาบอก กุลีกุจอเข้ามาหานายสาวอย่างยินดี

                         “คุณแม่เป็นห่วงมากค่ะ บอกให้พี่กับพ่อออกมาตามหาน้องอัย โชคดีจัง กลับบ้านกันเถอะ”

                          ร่างผอมแห้งชะงักนิดหนึ่งเมื่อเพ่งมองร่างสูงใหญ่ที่มากับนายน้อย หนุ่มหน้าลูกครึ่ง เด็กหนุ่มตัวสูงชนิดผู้หญิงร่างเล็กอย่างหล่อนต้องแหงนคอตั้งบ่า ใบหน้าคมคาย ไหล่หนาอกกว้าง ยิ่งยามเปียกปอนทั้งตัวอย่างนี้ ยิ่งส่งให้มองเห็นมัดกล้ามบนแผ่นอกและหน้าท้องได้อย่างชัดเจน

                           “แฟนน้องอัยเหรอคะ”

                            ถามตาลอย อัยยิ้มแห้ง ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี มองคนตัวสูงตาสวยกำลังคลี่ยิ้มหวานให้พี่เลี้ยงของหล่อนแล้ว.. ก็คิดว่า เขาคงพาตัวรอดจากครอบครัวหล่อนไปในคืนนี้ได้ ... ไม่ยากนักหรอก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่