ก่อนอื่นต้องขอโทษข้าราชการดีๆทั้งหลายครับ
แต่ก็ต้องยอมรับว่า นี่คือความจริงอันเจ็บปวด
จะว่าเลว มันก็เลวพอๆกัน
จะว่าปกติ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะแต่ละองค์กรมันก็มีเส้นทางเดิน ให้ต้องเป็นเช่นนั้น
จะเลียนายบ้าง ทําเพื่อประชาชนบ้าง ก็ค่อยๆแก้กันไป
ถ้าเราปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ ก็ไม่มีปัญหา
แต่ที่มีปัญหาเพราะ ระบบความคิดของคนบางกลุ่มนั่นแหละ ที่ทําให้มีปัญหา
ด้วยทัศนคติด้านลบอย่างรุนแรง
ที่ผ่านการปลูกฝังกันมาอย่างเป็นระบบ อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน
ทั้งจากความตั้งใจ และ ไม่ตั้งใจ ที่มีต่อการเมือง
เมื่อมีปัญหา หลายคนก็เลยชี้ไปที่การเมือง แล้วก็ไม่แก้กันที่การเมือง
แต่ลืมมองถึงนิ้วอีกสามนิ้ว ที่ชี้มายังตัวเอง
ว่าแท้จริง วิธีคิดของตัวเองนั่นแหละคือตัวปัญหา
ด้วยการเมืองเป็นเรื่องของอํานาจ
การเมืองไทย นักการเมืองไทย เลยต้องกลายเป็นถังขยะใบใหญ่ที่รองรับปัญหาทุกอย่างของประเทศ
ผมไม่ได้อวยนักการเมือง เพราะผมไม่ใช่ลูกหลานนักการเมือง
หรือผมไม่ได้บอกว่า นักการเมืองไม่มีโกง
เพียงแต่เวลานี้ มันขยายภาพกันจนเกินจริงไปมาก
ไม่ว่าด้านกีฬา ความเจริญ หรือ การเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว
หากลองไปเปรียบเทียบ กับประเทศในกลุ่มอาเชี่ยนด้วยกัน
ไทยก็ไม่ได้น้อยหน้าชาติไหน
ถ้านักการเมืองมันเลวทรามชั่วช้าจริง ผมเชื่อว่าประเทศคงไม่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้
ประเทศไทยผ่านการยึดอํานาจมาหลายครั้ง แต่ทําไม ไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้
แค่นี้ มันก็น่าจะฉุกคิดอะไรได้แล้ว
เพราะหากการแก้ปัญหา ตั้งอยู่บนทัศนคติ การเมืองชั่ว การเมืองเลว
จะมีการยุบพรรคอีกกี่ครั้ง ตัดสิทธินักการเมืองไปอีกกี่ร้อย ก็ไม่ได้ผล
เพราะทัศนคติ มันยังคงอยู่
แล้ววันนี้ ก็ยังกลับมาใช้วิธีคิด แบบเดิมๆ
ที่จริงแล้วทัศนคติก็ต้องแก้ด้วย การปรับทัศนคติ ( แต่คงไม่เหมือนตอนนี้ที่ทํากันอยู่ แน่นอน )
ไม่ใช่แก้ด้วยกฏหมาย
การปรับทัศนคติไม่ใช่การปลูกฝังความคิด หรือ ฝังอะไรบางอย่างลงไปในสมอง
แต่ควรเป็นการกระทําตรงกันข้าม
คือการถอดถอน หรือ ทําลายกรอบความคิด หรือ การปลดปล่อยอิสระทางความคิด
เพื่อให้แต่ละคนมองปัญหาด้วยสาระของความเป็นจริง โดยไม่ถูกชักจูง
ก็จะเห็นความจริงที่ว่า แท้จริง ปัญหาไม่ได้เกิดจากการเมืองชั่ว การเมืองเลว
แต่เกิดจากทัศนคติด้านลบอย่างรุนแรงต่อการเมือง ของคนแก้ปัญหาเอง
หรือที่จริง ก็คนแก้เองนั่นแหละ คือคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างปัญหามากที่สุด
***
นักการเมืองมโยบายอวยประชาชน ถือเป็นความเลว
ข้าราชการเลียนาย ก็ต้องถือเป็นความเลว
พนักงานเอกชนเอาใจนาย ก็ต้องถือเป็นความเลว
เมื่อมันเลวกันทั้งหมด ก็ให้มองว่าแท้จริงแล้วมันก็คือธรรมชาติของสังคมไทย
ถ้าจะแก้ ก็ต้องไปแก้ที่นิสัย จะแก้ด้วยกฏหมาย ไม่ได้หรอกครับ
เพราะมันก็เหมือนกันทั้งหมด ทั้งคนแก้ คนถูกแก้
ก็เลยไม่รู้ว่าใครควรแก้ปัญหาใคร
ก็เหมือนคนบ้า มองคนบ้า นั่นแหละครับ.........อิๆ
🌟🌟..เค้าว่าข้าราชการเลียนาย นักการเมืองอ่อยเหยื่อประชาชน
แต่ก็ต้องยอมรับว่า นี่คือความจริงอันเจ็บปวด
จะว่าเลว มันก็เลวพอๆกัน
จะว่าปกติ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะแต่ละองค์กรมันก็มีเส้นทางเดิน ให้ต้องเป็นเช่นนั้น
จะเลียนายบ้าง ทําเพื่อประชาชนบ้าง ก็ค่อยๆแก้กันไป
ถ้าเราปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ ก็ไม่มีปัญหา
แต่ที่มีปัญหาเพราะ ระบบความคิดของคนบางกลุ่มนั่นแหละ ที่ทําให้มีปัญหา
ด้วยทัศนคติด้านลบอย่างรุนแรง
ที่ผ่านการปลูกฝังกันมาอย่างเป็นระบบ อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน
ทั้งจากความตั้งใจ และ ไม่ตั้งใจ ที่มีต่อการเมือง
เมื่อมีปัญหา หลายคนก็เลยชี้ไปที่การเมือง แล้วก็ไม่แก้กันที่การเมือง
แต่ลืมมองถึงนิ้วอีกสามนิ้ว ที่ชี้มายังตัวเอง
ว่าแท้จริง วิธีคิดของตัวเองนั่นแหละคือตัวปัญหา
ด้วยการเมืองเป็นเรื่องของอํานาจ
การเมืองไทย นักการเมืองไทย เลยต้องกลายเป็นถังขยะใบใหญ่ที่รองรับปัญหาทุกอย่างของประเทศ
ผมไม่ได้อวยนักการเมือง เพราะผมไม่ใช่ลูกหลานนักการเมือง
หรือผมไม่ได้บอกว่า นักการเมืองไม่มีโกง
เพียงแต่เวลานี้ มันขยายภาพกันจนเกินจริงไปมาก
ไม่ว่าด้านกีฬา ความเจริญ หรือ การเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว
หากลองไปเปรียบเทียบ กับประเทศในกลุ่มอาเชี่ยนด้วยกัน
ไทยก็ไม่ได้น้อยหน้าชาติไหน
ถ้านักการเมืองมันเลวทรามชั่วช้าจริง ผมเชื่อว่าประเทศคงไม่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้
ประเทศไทยผ่านการยึดอํานาจมาหลายครั้ง แต่ทําไม ไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้
แค่นี้ มันก็น่าจะฉุกคิดอะไรได้แล้ว
เพราะหากการแก้ปัญหา ตั้งอยู่บนทัศนคติ การเมืองชั่ว การเมืองเลว
จะมีการยุบพรรคอีกกี่ครั้ง ตัดสิทธินักการเมืองไปอีกกี่ร้อย ก็ไม่ได้ผล
เพราะทัศนคติ มันยังคงอยู่
แล้ววันนี้ ก็ยังกลับมาใช้วิธีคิด แบบเดิมๆ
ที่จริงแล้วทัศนคติก็ต้องแก้ด้วย การปรับทัศนคติ ( แต่คงไม่เหมือนตอนนี้ที่ทํากันอยู่ แน่นอน )
ไม่ใช่แก้ด้วยกฏหมาย
การปรับทัศนคติไม่ใช่การปลูกฝังความคิด หรือ ฝังอะไรบางอย่างลงไปในสมอง
แต่ควรเป็นการกระทําตรงกันข้าม
คือการถอดถอน หรือ ทําลายกรอบความคิด หรือ การปลดปล่อยอิสระทางความคิด
เพื่อให้แต่ละคนมองปัญหาด้วยสาระของความเป็นจริง โดยไม่ถูกชักจูง
ก็จะเห็นความจริงที่ว่า แท้จริง ปัญหาไม่ได้เกิดจากการเมืองชั่ว การเมืองเลว
แต่เกิดจากทัศนคติด้านลบอย่างรุนแรงต่อการเมือง ของคนแก้ปัญหาเอง
หรือที่จริง ก็คนแก้เองนั่นแหละ คือคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างปัญหามากที่สุด
***
นักการเมืองมโยบายอวยประชาชน ถือเป็นความเลว
ข้าราชการเลียนาย ก็ต้องถือเป็นความเลว
พนักงานเอกชนเอาใจนาย ก็ต้องถือเป็นความเลว
เมื่อมันเลวกันทั้งหมด ก็ให้มองว่าแท้จริงแล้วมันก็คือธรรมชาติของสังคมไทย
ถ้าจะแก้ ก็ต้องไปแก้ที่นิสัย จะแก้ด้วยกฏหมาย ไม่ได้หรอกครับ
เพราะมันก็เหมือนกันทั้งหมด ทั้งคนแก้ คนถูกแก้
ก็เลยไม่รู้ว่าใครควรแก้ปัญหาใคร
ก็เหมือนคนบ้า มองคนบ้า นั่นแหละครับ.........อิๆ