ยืนยันว่าข่าวรายการ motorcycle ในยูทู้ปถูกต้อง RE จะมาจริงๆปลายปีนี้ครับ โชว์รูมทองหล่อเดิมของดูก๊าติ ใครรอ RE อยู่หวังว่าจะถูกใจ ส่วนราคารองานมอเตอร์เอ็กโปว์ได้เลย งานนี้คาดว่าถูกใจแต่ไม่ถูกกระเป๋าแน่นอน คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้ดีก่อนซื้อนะครับ ยี่ห้อใหม่ๆ ซื้อก่อนมักจะเงิบนะคร้าบบบ ^^
ที่มา
http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1445188967
กลุ่มลีนุตพงษ์แตกแบรนด์มอเตอร์ไซค์เพิ่ม เข็น "รอยัล เอนฟิลด์" ดูดกลุ่มลูกค้าชื่นชอบรถแนวคลาสสิก ปักหลักโชว์รูมทองหล่อ ส่วน "ดูคาติ" จ้องกระตุกยอดโค้งสุดท้ายเฉียดพันคัน มั่นใจช่วงมอเตอร์เอ็กซ์โปกำลังซื้อกลับมาแน่ ปีหน้าส่งเพิ่มอีก 4 รุ่นเสริมทัพ เร่งขยายโชว์รูมออก ตจว.
แหล่งข่าวในวงการธุรกิจบิ๊กไบก์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เร็ว ๆ นี้ กลุ่มตระกูลลีนุตพงษ์ จะปลุกตลาดรถจักรยานยนต์แนวคลาสสิกให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยจะมีการเปิดแบรนด์รถจักรยานยนต์ใหม่ "รอยัล เอนฟิลด์" และจะใช้โชว์รูมทองหล่อ ซึ่งเป็นของดูคาติเดิม เป็นชัยภูมิหลักในการทำตลาด
"เท่าที่ทราบทางคุณอภิชาติจะย้ายโชว์รูมดูคาติที่ทองหล่อมารวมเป็นโชว์รูมใหญ่แห่งเดียวที่วิภาวดีทั้งหมด แล้วใช้ทองหล่อทำตลาดรอยัล เอนฟิลด์"
"ประชาชาติธุรกิจ" สอบถามประเด็นนี้กับทางนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือดูคาติไทยแลนด์ ได้รับคำตอบว่า จักรยานยนต์แบรนด์ใหม่เป็นธุรกิจในส่วนของคุณพ่อภรรยา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับดูคาติ รายละเอียดต่าง ๆ ทางผู้บริหารจะได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าของดูคาติ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองนั้น ช่วงที่ผ่านมาตลาดกำลังไปได้สวย แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาอีก 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะกระตุ้นตลาดให้หนักขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องธันวาคมจะมีงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งเป็นอีเวนต์ขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ปลายปี ซึ่งบริษัทจะเข้าร่วมงานนี้ด้วย เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4 นี้น่าจะทำยอดขายได้เพิ่มเติมอีกราว 700-750 คัน
"ภายในงานยอดขายน่าจะราว ๆ 150-200 คัน เพราะมีปัจจัยกระตุ้นการซื้อมากมาย ทั้งโบนัสปลายปี ประกอบกับเราเองก็มีรถโมเดลใหม่ ๆ ให้เลือกช็อปได้อย่างจุใจ"
นายอภิชาติกล่าวถึงภาพรวมของตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบก์ในประเทศไทยว่า ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะมีปัจจัยลบมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่โดยรวมคาดว่าบิ๊กไบก์หรือมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเครื่องเกิน 500 ซีซี จะยังมีอัตราเติบโตที่สูงขึ้นประมาณ 20%
สำหรับดูคาติในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มรถบิ๊กไบก์ระดับพรีเมี่ยมของประเทศไทย โดยคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 45 โดยมียอดจำหน่ายสะสมมากกว่า 9,000 คันทั่วประเทศ แบ่งเป็นปี 2557 จำนวน 3,057 คัน เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 22% โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือรุ่นมอนสเตอร์ แบ่งเป็นสัดส่วน 50% รองลงมาคือ ดูคาติ สแครมเบลอร์ 25% รุ่นพานิกาเล่ 10% รุ่นไฮเปอร์โมตาร์ด 8% รุ่นแดเวล 5% และรุ่นมัลติสตราด้า 2%
ในส่วนของปีนี้ ดูคาติได้มีการเปิดตัวรถไปแล้วรวมทั้งหมด 4 โมเดล อาทิ รถนักเก็ดเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างมอนสเตอร์ 821 รถทัวริ่งอย่างมัลติสตราด้า ปี 2015 รถซูเปอร์ไบก์ 1299 พานิกาเล่ รวมถึงดูคาติ สแครมเบลอร์ โปรเจค รีเบลเลี่ยน คาดว่าปีหน้าจะมีอีก 4 รุ่นตามมา แบ่งเป็นซูเปอร์ไบก์ รถทัวริ่ง ไฮเปอร์โมตาร์ด และวีแดวิล อย่างละ 1 รุ่น ซึ่งจะเปิดตัวที่ประเทศอิตาลีตั้งแต่ต้นปีหน้า และคาดว่าจะนำเข้ามาที่ไทยช่วงกลางปี
นอกจากนี้ดูคาติยังมีการร่วมทุนสร้างสนามทดสอบรถมอเตอร์สปอร์ตพาร์ค สุวรรณภูมิ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเขตมีนบุรีมีพื้นที่กว่า 9 ไร่ หรือประมาณ 14,000 ตารางเมตร เพื่อเป็นการรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่บิ๊กไบก์และผู้ที่ใช้รถใช้ถนนทั่วไป โดยจะมีรถดูคาติไว้ให้บริการแก่ผู้ที่เข้ารับการอบรมทุกคน ในส่วนของสนามทดสอบที่ร่วมมือกับไทยยานยนตร์ กำลังอยู่ในช่วงการสร้าง คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปีหน้านี้
ขณะเดียวกัน บริษัทแม่ที่อิตาลียังใช้กลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นทั้งบริการด้านการขายและหลังการขาย โดยสนับสนุนให้ขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายไปต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยจะยุบโชว์รูมที่ทองหล่อ เพื่อรวมกับที่วิภาวดี และเน้นศูนย์บริการหลังการขายมากขึ้น และขยายอีก 3 สาขาในโซนภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี หรือนครศรีธรรมราช จากปัจจุบันที่ศูนย์บริการในกรุงเทพฯมีช่องซ่อมทั้งหมด 22 ช่องซ่อม สามารถรองรับการบริการได้มากกว่า 1,200 คันต่อเดือน และศูนย์บริการในต่างจังหวัดมีช่องซ่อม 21 ช่องซ่อม รองรับการบริการได้มากกว่า 1,000 คันต่อเดือน ในอนาคตจะมีการขยายการบริการจากการเปิดตัวแทนจำหน่ายในเขตต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เป็นช่องซ่อม 28 ช่องซ่อม เพื่อรองรับการบริการได้มากกว่า 2,400 คันต่อเดือน รวมแล้วมากที่สุดในอาเซียน
"ในกรุงเทพฯ ดูคาติมองว่ามีศูนย์บริการที่เพียงพออยู่แล้ว จึงวางแผนยุบโชว์รูมที่ทองหล่อมาร่วมไว้ที่โชว์รูมถ.วิภาวดี ตอบสนองกับนโยบายการรุกตลาดบิ๊กไบก์ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น จะทำให้ในปี 2559 ดูคาติไทยแลนด์มีศูนย์ดูคาติ 16 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองสำคัญในภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ของประเทศไทยทั้งหมด และภาคตะวันตกในอนาคต" นายอภิชาติกล่าว
อนึ่ง แบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ ที่มีกระแสว่ากลุ่มลีนุตพงษ์สนใจเอาเข้ามาทำตลาด ทางผู้บริหารได้มองตลาดประเทศไทยไว้นานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการเจรจาหาดิสทริบิวเตอร์ที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยหลายครั้ง แต่ยังติดที่ภาษีนำเข้าสำหรับรถจักรยานยนต์ ซีบียูในประเทศไทยยังสูงอยู่ ทำให้โอกาสที่จะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังยังไม่เป็นผล
ปัจจุบันรอยัล เอนฟิลด์ มีกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ปีละ 60,000 คัน โดยมีการผลิตจริงที่ 50,000 คันในปีนี้ และตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดผลิตให้ถึง 100,000 คันในอีก 3 ปีข้างหน้า พร้อมวางแผนผลักดันตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 10% ของกำลังการผลิต โดยรถจักรยานยนต์ของบริษัทมีราคาจำหน่ายที่ 85,000-204,000 บาท
ข่าวล่า Royal Enfield ในไทย "ลีนุตพงษ์"เสริมทัพรอยัลเอนฟิลด์ จับลูกค้าคลาสสิก"
ที่มา http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1445188967
กลุ่มลีนุตพงษ์แตกแบรนด์มอเตอร์ไซค์เพิ่ม เข็น "รอยัล เอนฟิลด์" ดูดกลุ่มลูกค้าชื่นชอบรถแนวคลาสสิก ปักหลักโชว์รูมทองหล่อ ส่วน "ดูคาติ" จ้องกระตุกยอดโค้งสุดท้ายเฉียดพันคัน มั่นใจช่วงมอเตอร์เอ็กซ์โปกำลังซื้อกลับมาแน่ ปีหน้าส่งเพิ่มอีก 4 รุ่นเสริมทัพ เร่งขยายโชว์รูมออก ตจว.
แหล่งข่าวในวงการธุรกิจบิ๊กไบก์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เร็ว ๆ นี้ กลุ่มตระกูลลีนุตพงษ์ จะปลุกตลาดรถจักรยานยนต์แนวคลาสสิกให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยจะมีการเปิดแบรนด์รถจักรยานยนต์ใหม่ "รอยัล เอนฟิลด์" และจะใช้โชว์รูมทองหล่อ ซึ่งเป็นของดูคาติเดิม เป็นชัยภูมิหลักในการทำตลาด
"เท่าที่ทราบทางคุณอภิชาติจะย้ายโชว์รูมดูคาติที่ทองหล่อมารวมเป็นโชว์รูมใหญ่แห่งเดียวที่วิภาวดีทั้งหมด แล้วใช้ทองหล่อทำตลาดรอยัล เอนฟิลด์"
"ประชาชาติธุรกิจ" สอบถามประเด็นนี้กับทางนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือดูคาติไทยแลนด์ ได้รับคำตอบว่า จักรยานยนต์แบรนด์ใหม่เป็นธุรกิจในส่วนของคุณพ่อภรรยา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับดูคาติ รายละเอียดต่าง ๆ ทางผู้บริหารจะได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าของดูคาติ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองนั้น ช่วงที่ผ่านมาตลาดกำลังไปได้สวย แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาอีก 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะกระตุ้นตลาดให้หนักขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องธันวาคมจะมีงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งเป็นอีเวนต์ขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ปลายปี ซึ่งบริษัทจะเข้าร่วมงานนี้ด้วย เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4 นี้น่าจะทำยอดขายได้เพิ่มเติมอีกราว 700-750 คัน
"ภายในงานยอดขายน่าจะราว ๆ 150-200 คัน เพราะมีปัจจัยกระตุ้นการซื้อมากมาย ทั้งโบนัสปลายปี ประกอบกับเราเองก็มีรถโมเดลใหม่ ๆ ให้เลือกช็อปได้อย่างจุใจ"
นายอภิชาติกล่าวถึงภาพรวมของตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบก์ในประเทศไทยว่า ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะมีปัจจัยลบมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่โดยรวมคาดว่าบิ๊กไบก์หรือมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเครื่องเกิน 500 ซีซี จะยังมีอัตราเติบโตที่สูงขึ้นประมาณ 20%
สำหรับดูคาติในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มรถบิ๊กไบก์ระดับพรีเมี่ยมของประเทศไทย โดยคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 45 โดยมียอดจำหน่ายสะสมมากกว่า 9,000 คันทั่วประเทศ แบ่งเป็นปี 2557 จำนวน 3,057 คัน เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 22% โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือรุ่นมอนสเตอร์ แบ่งเป็นสัดส่วน 50% รองลงมาคือ ดูคาติ สแครมเบลอร์ 25% รุ่นพานิกาเล่ 10% รุ่นไฮเปอร์โมตาร์ด 8% รุ่นแดเวล 5% และรุ่นมัลติสตราด้า 2%
ในส่วนของปีนี้ ดูคาติได้มีการเปิดตัวรถไปแล้วรวมทั้งหมด 4 โมเดล อาทิ รถนักเก็ดเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างมอนสเตอร์ 821 รถทัวริ่งอย่างมัลติสตราด้า ปี 2015 รถซูเปอร์ไบก์ 1299 พานิกาเล่ รวมถึงดูคาติ สแครมเบลอร์ โปรเจค รีเบลเลี่ยน คาดว่าปีหน้าจะมีอีก 4 รุ่นตามมา แบ่งเป็นซูเปอร์ไบก์ รถทัวริ่ง ไฮเปอร์โมตาร์ด และวีแดวิล อย่างละ 1 รุ่น ซึ่งจะเปิดตัวที่ประเทศอิตาลีตั้งแต่ต้นปีหน้า และคาดว่าจะนำเข้ามาที่ไทยช่วงกลางปี
นอกจากนี้ดูคาติยังมีการร่วมทุนสร้างสนามทดสอบรถมอเตอร์สปอร์ตพาร์ค สุวรรณภูมิ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเขตมีนบุรีมีพื้นที่กว่า 9 ไร่ หรือประมาณ 14,000 ตารางเมตร เพื่อเป็นการรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่บิ๊กไบก์และผู้ที่ใช้รถใช้ถนนทั่วไป โดยจะมีรถดูคาติไว้ให้บริการแก่ผู้ที่เข้ารับการอบรมทุกคน ในส่วนของสนามทดสอบที่ร่วมมือกับไทยยานยนตร์ กำลังอยู่ในช่วงการสร้าง คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปีหน้านี้
ขณะเดียวกัน บริษัทแม่ที่อิตาลียังใช้กลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นทั้งบริการด้านการขายและหลังการขาย โดยสนับสนุนให้ขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายไปต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยจะยุบโชว์รูมที่ทองหล่อ เพื่อรวมกับที่วิภาวดี และเน้นศูนย์บริการหลังการขายมากขึ้น และขยายอีก 3 สาขาในโซนภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี หรือนครศรีธรรมราช จากปัจจุบันที่ศูนย์บริการในกรุงเทพฯมีช่องซ่อมทั้งหมด 22 ช่องซ่อม สามารถรองรับการบริการได้มากกว่า 1,200 คันต่อเดือน และศูนย์บริการในต่างจังหวัดมีช่องซ่อม 21 ช่องซ่อม รองรับการบริการได้มากกว่า 1,000 คันต่อเดือน ในอนาคตจะมีการขยายการบริการจากการเปิดตัวแทนจำหน่ายในเขตต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เป็นช่องซ่อม 28 ช่องซ่อม เพื่อรองรับการบริการได้มากกว่า 2,400 คันต่อเดือน รวมแล้วมากที่สุดในอาเซียน
"ในกรุงเทพฯ ดูคาติมองว่ามีศูนย์บริการที่เพียงพออยู่แล้ว จึงวางแผนยุบโชว์รูมที่ทองหล่อมาร่วมไว้ที่โชว์รูมถ.วิภาวดี ตอบสนองกับนโยบายการรุกตลาดบิ๊กไบก์ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น จะทำให้ในปี 2559 ดูคาติไทยแลนด์มีศูนย์ดูคาติ 16 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองสำคัญในภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ของประเทศไทยทั้งหมด และภาคตะวันตกในอนาคต" นายอภิชาติกล่าว
อนึ่ง แบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ ที่มีกระแสว่ากลุ่มลีนุตพงษ์สนใจเอาเข้ามาทำตลาด ทางผู้บริหารได้มองตลาดประเทศไทยไว้นานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการเจรจาหาดิสทริบิวเตอร์ที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยหลายครั้ง แต่ยังติดที่ภาษีนำเข้าสำหรับรถจักรยานยนต์ ซีบียูในประเทศไทยยังสูงอยู่ ทำให้โอกาสที่จะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังยังไม่เป็นผล
ปัจจุบันรอยัล เอนฟิลด์ มีกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ปีละ 60,000 คัน โดยมีการผลิตจริงที่ 50,000 คันในปีนี้ และตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดผลิตให้ถึง 100,000 คันในอีก 3 ปีข้างหน้า พร้อมวางแผนผลักดันตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 10% ของกำลังการผลิต โดยรถจักรยานยนต์ของบริษัทมีราคาจำหน่ายที่ 85,000-204,000 บาท