วางแผนจะแต่งงานแล้วย้ายไปบ้านฝ่ายชาย แต่พ่อไม่เห็นด้วยอยากให้ซื้อบ้าน

แรกเริ่มเดิมทีเราก็อยากซื้อบ้านก่อนแต่งงานค่ะ แต่คิดดูแล้วจากเงินเดือนที่เราและแฟนมีทุกวันนี้ถ้าต้องซื้อบ้านซื้อรถกว่าจะได้แต่งอาจจะ30หรือมากกว่านั้น (รถเราจะซื้อเองค่ะแฟนมีรถอยู่แล้ว) บ้านหลังหนึ่งเดียวนี้ในกทม2ล้านอัพ ตอนแรกเราก็จะยอมกู้ยอมเป็นหนี้กันไปก่อนแล้วค่อยๆผ่อนเอา ทีนี้พ่อแม่แฟนบอกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้เป็นหนี้เพราะชีวิตแต่งงานมันจะลำบาก ถ้ายิ่งจะมีลูกอีกยิ่งลำบากถ้าเราไม่ได้มีเงินเยอะ ซึ่งตรงนี้เราก็เห็นด้วยนะคะ แม่แฟนเลยบอกว่าเขาจะทำชั้นสามของบ้านซึ่งตอนนี้ไม่ได้ใช้งานอะไร (บ้านสามีเป็นทาวเฮาส์แฝดสามชั้นค่ะ พื้นที่ใช้สอยค่อยข้างเหลือเฟือเพราะอยู่กันแค่พ่อแม่กับแฟนที่เป็นลูกคนเดียวค่ะ) ทำให้เป็นเหมือนคอนโดชั้นนึงให้อยู่กันแบบเป็นส่วนตัวไปเลย ทำห้องนอนห้องนั่งเล่นห้องน้ำห้องครัว แล้วเขาจะออกค่ารีโนเวททำทั้งหมดให้ แต่เขาไม่ได้บังคับ คือเสนอให้แต่ก็แล้วแต่เราถ้าเราไม่อยากอยู่ จะไปซื้อบ้านเองก็โอเค หรือถ้าไปอยู่แล้วไม่พอใจอยากจะซื้อบ้านแยกออกมาทีหลังก็ตามใจเรา แม่สามีบอกว่าเข้าใจว่าเรากลัวจะมีปัญหาเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ เพราะเขาก็เคยกังวลมาก่อนตอนแต่งเข้าบ้านพ่อแฟน แต่เขาไม่มีปัญหาเพราะตอนนั้นปู่ย่าใจดี เขาก็บอกว่าเขาก็เป็นอย่างนั้นแหละ เขาหัวสมัยใหม่แล้ว เขาจะไม่มายุ่งอะไรกับชีวิตคู่ อยากทำอะไรอยากไปไหนกินข้าวเมื่อไรยังไงก็เอาตามที่เราชอบเราสะดวก แค่ช่วยออกค่าน้ำค่าไฟและทำความสะอาดในชั้นของที่ตัวเองอยู่พอ (ปัจจุบันพ่อแม่แฟนก็ดูแลเอ็นดูเราดีค่ะ ไปไหนมาไหนก็ชวนไปพาไปตลอด เคยไปบ้านทุกวันก็เตรียมกับข้าวไว้ให้เราทุกวัน) เราก็มาคิดทบทวนว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็โอเค ถ้าเข้าไปอยู่แล้วไม่มีปัญหา แถมไม่ต้องมีหนี้สินผ่อนบ้าน แต่ถ้าอยู่แล้วไม่โอเคถึงตอนนั้นจะซื้อบ้านแยกมาทีหลังก็ยังได้

แต่ทีนี้เราเลยมาพูดกับพ่อแม่เรา ปรากฎว่าเขาไม่เห็นด้วย ว่าเราจะไปหวังพึ่งคนอื่น ยืมจมูกคนอื่นหายใจ อยากจะสบายทางลัด (สำหรับเราเรามองว่าเรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่เรื่องนึงในการใช้ชีวิตคู่ เพราะเราเห็นพ่อแม่เรานี่แหละเคยทะเลาะกันบ้านแตกแทบหย่ากันตอนพ่อตกงานแล้วไม่มีเงิน)  พ่อเราอยากให้เราไปซื้อบ้านเอง เราก็อธิบายว่ามันไม่ใช่ง่าย บ้านไม่ใช่ถูก เงินเดือนเราก็ไม่ได้เยอะ แล้วก็ไม่ได้หัวการค้าหาเงินเก่ง เราคิดจะซื้อบ้านอยู่แล้วแต่ยังไม่ใช่เร็วๆนี้ อาจจะรอให้ทุกอย่างมันลงตัวก่อน หาลู่ทางที่ดีกว่านี้ แต่ถ้าจะรอให้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยแต่งก็คงสามสิบอัพ แต่ถ้าจะให้สร้างหนี้สินก่อนแต่ง เรื่องมีลูกก็คงต้องลืมไปก่อน (เราอยากมีลูกก่อน30)  เราไม่อยากให้ลูกเกิดมาลำบาก (อย่างเราก็ไม่ได้ถือว่าลำบาก แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่อยากทำ อยากเรียนอะไรก็ไม่ได้เรียน พ่อแม่ไม่เคยพาไปเที่ยวไหนเพราะต้องทำงานเก็บเงิน หมุนเงินไม่ทันต้องหยิบยืมเขามา เราอยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเองหมด แต่เราก็ไม่ได้โทษท่านนะเพราะรู้ว่าทำเพื่อเรา) แต่ถ้าเราอยากมีลูกเราก็อยากให้เขาได้ทำสิ่งที่อยากทำ ได้พาเขาไปเที่ยว ไม่อยากจะต้องทำงานๆๆเพื่อหาเงินมาผ่อนบ้าน หาเงินมาเลี้ยงลูก หมุนเงินไม่ทันแบบนั้น ไหนจะเงินแต่งงานไหนจะค่าสินสอด ไม่อยากให้ชีวิตคู่ต้องมีปัญหาเพราะเรื่องเงินเรื่องหนี้สิน แต่เราอธิบายแล้วพ่อเราก็ไม่เข้าใจ อยากจะให้เราซื้อบ้านของตัวเอง เป็นหนี้ก็ไปผ่อนเอาไปสู้ความลำบากเอา ซึ่งพ่อเราค่อนข้างเป็นคนที่ยึดความคิดตัวเองเป็นหลักมากๆ แม้แต่บางทีมีหลักฐานมายืนยันเขายังไม่เชื่อเลย

เราควรจะทำยังไงดีคะ ควรจะอธิบายให้ท่านเข้าใจยังไงดี หรือว่าควรจะเลื่อนแต่งงานออกไปจนกว่าจะซื้อบ้านได้ดีคะ ทะเลาะกันใหญ่โตจนเราคิดว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วจนกว่าจะถึงเวลานั้นจริงๆเลย

เพิ่มเติมเอาจริงๆปัญหาหลักก็คือเรื่องเงินนี่แหละค่ะที่เราไม่อยากจะมีหนี้สินรัดตัว ได้เงินมาผ่อนบ้านไปหมด ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมากะทันหัน เรากลัวเหมือนตอนที่พ่อกับแมาทะเลาะกันบ้านแตก แต่ถ้าไม่มีลูกยังไม่เท่าไรน่าจะพอไปไหวอยู่ แต่ถ้าอยากมีลูกคงต้องรอไปไม่ต่ำกว่าสามสิบแน่ๆ เรื่องพ่อแม่แฟนนี้เราบอกตรงๆเราก็กลัวเหมือนกันถึงได้คิดจะซื้อบ้านเองตอนแรก แต่พ่อแม่แฟนบอกว่าเขาไม่ได้อยากให้มาอยู่บ้านมาดูแลหรืออะไร เขาแค่ไม่อยากให้เรามีหนี้ก้อนโต เขาไม่อยากให้เรามีปัญหาชีวิตคู่เพราะเรื่องเงิน แต่ถ้าเรายืนยันว่าจะซื้อบ้านเอง เขาก็ไม่ได้มีปัญหา เขาแค่เสนอทางเลือกเฉยๆ ไม่ได้บังคับอะไรเลยสุดแท้แต่เรา หรือถ้ามาอยู่แล้วไม่ชอบอยากจะย้ายออกซื้อบ้านใหม่เขาก็ไม่มีปัญหา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่