ถ้าอ่านกระทู้นี้แล้วชอบ ติดตามต้นน้ำต่อได้นะครับที่
facebook: www.facebook.com/tonnamfoto
Instagram ID: tonnamfoto
website: www.tonnamfoto.com
ก่อนเริ่มต้องย้อนความไปเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อนสาวทักต้นน้ำมาว่าช่วงตุลาว่างมั๊ยนางอยากไปเหนือ ไปเที่ยวป่าเขียวๆปลายฝนต้นหนาว ผมเช็คตารางแป๊ปเดียวก็ตอบนางไปว่า "ว่าง จัดมาเลย อยากไปเหนือเหมือนกัน" และแล้วทริปของเราก็ได้เริ่มต้น ด้วยความที่เพื่อนสาวต้นน้ำอยากไปหลายที่ ก็เลยสิสต์กันเกือบเดือน มีทั้ง เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน จนสองอาทิตย์ก่อนทริปเราสรุปกับว่าจะไป "แม่สอด+เมียวดี" ทั้งสองคนก็ช่วยกันหาข้อมูลเที่ยวเป็นที่สนุกสนาน จนกระทั่งสามวันก่อนเดินทาง
"ขี้เกียจขับรถ นั่งเครื่องบินไปกันเถอะ" ผมพิมไลน์บอกเพื่อนสาว
"ได้ๆ ไปไหนดี" นางพิมกลับมา
"ไปไหนก็ได้" ผมพิมตอบ
"งั้นที่ไหนก็ได้ เอาที่เขียวๆ และก็ตั๋วเครื่องบินไม่แพง มีโปร" นางตอบกลับ
"โอเค" เป็นอันว่า "ทริปอุบล" ของเราก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เราเดินทางไปอุบลด้วยสายการบิน Thai Lion Air เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางกับสายการบินนี้ โดยรวมโอเคนะครับ ประทับใจเรื่องเครื่องใหม่ สะอาด และที่นั่งใหญ่ดี แต่ที่ติหน่อยคือการโหลดกระเป๋า ไม่มีที่ Drop off ของคนทำ Internet Check in ต้องไปต่อแถวยาวๆรอกับคนที่ มาทำ Check in พอเครื่องออกชั่วโมงเดียวพวกเราก็มาถึง "อุบลราชธานี"
สไตล์ต้นน้ำ เครื่องแลนด์ปั๊ปก็ต้องไปหาของกินก่อนแน่นอน แต่ขอแยกของกินออกจากที่เที่ยวนะครับ เดี๋ยวจะตามมารีวิวอีกที่
คราวนี้เราเช่ารถของ Avis ที่สนามบิน รถพร้อมคนพร้อมก็ออกเที่ยว กว่าจะออกจากสนามบินก็สี่โมงเย็นแล้วก็ขอใช้เวลาอันจำกัดไหว้พระในเมืองอุบลก่อน เมืองอุบลเป็นเมืองเก่าแก่ทีเดียวครับ อย่างน้อยๆก็ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ที่ท้าวคำผงก่อตั้งเมืองขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ดังนั้นเรื่องวัดวาเรื่องพระที่นี่ก็มีครบครับ
ที่แรกที่เราไปคือ "วัดป่าใหญ่" หรือชื่อทางการคือ "วัดมหาวนาราม" วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอุบล ที่ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่อินแปลง ตอนนี้วัดกำลังทำวิหารใหญ่ครอบวิหารหลังเก่าคิดว่าเสร็จแล้วคงสวยใช่เล่นทีเดียว
ต่อจากวัดแรกก็ไปวัดที่สอง "วัดพระธาตุหนองบัว" พระธาตุใหญ่เมืองอุบล ผมเลือกมาที่นี่ตอนใกล้ค่ำ เพราะที่นี่จะเปิดไฟส่องพระธาตุ เหมาะกับการถ่ายรูปอย่างมาก
ค่ำแล้วก็ไปเดินถนนคนเดียววันศุกร์-เสาร์ ที่ทุ่งศรีเมือง ตรงนั้นจะมีโต้รุ่งเมืองอุบลด้วย แวะหาฝากท้องกันได้
คืนแรกเรานอนกันที่ "Bliss Ubon Hotel" โรงแรมเล็กๆเปิดได้ไม่กี่เดิน ห้องใหม่และดีมากครับ ที่ชอบสุดคือเตียงนอนและชุดเครื่องนอน นอนสบายมากยิ่งกว่าเตียงที่บ้านเอียง แทบไม่อยากลุกไปไหนเลย เสียนิดนึงตรงที่อยู่ในซอยลึกไปหน่อย แต่ถ้ามีรถก็ไม่ใช่ปัญหาครับ
เช้าวันต่อรุ่งขึ้นผมรีบลุกแต่เช้า เพราะเวลาไปเมืองไหนก็ชอบไปดูตลาดเช้าเค้า ผมคิดว่าเป็นสเน่ห์อย่างนึงที่อยู่นอกไกด์บุ๊คเลยนะครับ แต่เพื่อนสาวขี้เซาของผมไม่ตื่นก็เลยปล่อยนางนอนไป ส่วนต้นน้ำก็บึ่งไปตลาดเช้า
ตลาดเช้าที่เมืองอุบลจะอยู่ในเมืองใกล้ทุ่งศรีเมือง ติดแม่นำมูล อากาศเช้าเดือนตุลาสบายมากลมเย็นๆพักมาตลอด ที่ตลาดเกือบเจ็ดโมงคนมากันแน่นมาก มีทั้งส่วนอาหารที่คนมาซื้อของกินกันให้วุ่น อาหารเช้าแบบเวียดนาม โจ๊ก ก๋วยจั๊บญวน ปากหม้อ ร้านชากาแฟ มีให้ครบใครอยากลองกินก็ไปจัดข้าวเช้าที่นี่ได้นะครับ
โซนของสดก็ไม่น้อยหน้า ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ปลาแม่น้ำวางขายกันเยอะจนเลิกไม่ถูก สมเป็นตลาดใหญ่ของเมืองใหญ่อันดับต้นๆของเมืองไทยจริงๆ ใครชอบเดินดูตลาดที่เชียงใหม่ มาเดินเล่นที่นี่ก็คึกครื้นไม่แพ้กันนะครับ แต่ต้นน้ำเลือกจะเดินเล่นแล้วไม่กินครับ เพราเช้านี้เพื่อนต้นน้ำที่อยู่อุบลจะมาพาไปหาอะไรอร่อยๆกิน
(ข้ามส่วนของกินไปนะครับ) กินอะไรเสร็จก็ออกเดินทางไป "โขงเจียม" เป้าหมายและที่พักของเราในคืนนี้ รถข้ามแม่น้ำมูลสู่อำเภอวารินชำราบ เคยได้ยินที่ฝั่งวารินก็ของอร่อยเยอะ แต่เนื่องจากเวลาไม่อำนวยเลยต้องข้ามไปอย่างเสียดาย ถนนมุ่งหน้าชายแดนไทยลาวดีมากครับ วิ่งลื่นมาก ระหว่างทางจะผ่านอำเภอพิบูลมังสาหาร มีแก่งสะพือที่ดังๆ แต่เนื่องจากมาหน้าฝนก็เลยไม่เห็นอะไรนอกจากแม่น้ำ 555 เพื่อนสาวต้นน้ำของถ่ายรูปหน่อย นางบอกไหนๆก็มาถึงละ ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ลืมบอกไปฮะ เพื่อนสาวต้นน้ำเป็น "เจ้าแม่เซลฟี่" นางจะเซลฟี่กะทุกอย่าง อย่างละหลายๆรูป
ออกจากพิบูลมาไม่ไกลก็จะผ่านทะเลสาบ ต้นน้ำเหลือบไปดู เห้ย! สวย! แวะถ่ายรุปหน่อยดีกว่า ตรงนั้นเรียก "พัทยาน้อย" เป็นส่วนนึงของเขื่อนสิรินธรครับ จะมีแพอาหารให้กินกันหลายร้านจนเลือกไม่ถูกเลย มีบางร้านมีแจ็ทสกี กับ บานาน่าโบ๊ท ไว้ให้เล่นด้วยนะครับ เหมือนไปพัทยามาก
ไปพัทยาแล้วก็กลับมาอุบลบ้าง มาแวะอุทยานแห่งแรกครับ "อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ" แน่นอนว่าหน้าฝนส่วนของแก่งเห็นแค่นิดเดียวครับ ไม่ได้ฟีล แต่น้ำตกหน้านี้อลังการจริงๆครับ ไฮไลต์ของเราเลยอยู่ที่น้ำตก
เราแวะกันที่แรก "น้ำตกตาดโตน" น้ำตกขนาดไม่สูง แต่กว้าง น้ำไหลลงมาจากมาเป็นสายสวย แล้วยังเล่นน้ำได้ด้วย
ออกจากอช.แก่นตะนะก็วิ่งเข้าโขงเจียม เพื่อนสะกิดว่าไปแม่น้ำสองสีนะ จะไปเซลฟี่แล้วแคปเจอร์ว่า "โขงสีปูนมูลสีคราม" จุดบรรจบของแม่น้ำสองสายอยู่ในเมืองเลยครับ ตรง "วัดโขงเจียม" พอดี พอไปถึงนางก็หันมาถามว่ามันสองสียังไง เพราะเห็นเป็นสีเดียวกันหมด ก็เลยไปอ่านป้าย สรุปคือแม่น้ำสองสีจะเห็นชัดในช่วงหน้าแล้ง มาฤดูนี้หมดสิทธินะฮะ
ดังนั้นหน้าฝนต้องไปน้ำตก เราก็เลยเดินทางต่อไปที่ น้ำตกแสงจันทร์ หรือ น้ำตกลงรู Unseen Thailand ที่เคยถ่ายทั้ง Regency ทั้งละครสาปพระเพ็ง ตอนแรกก็คิดว่าเข้ามาถูกรึเปล่า เพราะทางไปเป็นหลุมเป็นพ่อจนแทบต้องคลานไป แต่เห็นรถสวนออกมาเยอะเลยคิดว่าใช่ พอคลานไปเรื่อยๆก็มาถึงน้ำตก หนึ่งในดรีมลิสต์เมืองไทยของต้นน้ำ มันมหัศจรรย์จริงๆครับ เป็นรูแล้วมีน้ำไหลลงมา
หลังจากถ่ายภาพหลายสิบรูป บวกเซลฟี่ ก็เดินทางไปที่น้ำตกอีกแห่งใกล้ๆกัน "น้ำตกสร้อยสวรรค์" เป็นน้ำตกชื่อดังอีกที่ของอีสานใต้ คนมาที่นี่เยอะมากครับเพราะน้ำตกสวยและเล่นน้ำได้ ไม่เหมือนลงรูที่ดูได้อย่างเดียว
เล่นกันเพลินไปหน่อยออกมาก็เกือบไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกดินริมโขง พระอาทิตย์ตกดินที่โขงเจียมสวยมากจริงๆครับ สวยกว่าเชียงคาน สวยกว่าหนองคาย เป็นที่ๆสงบมาก แทบไม่เห็นแสงไฟฝั่งลาว ผมยืนดูพระอาทิตย์ลับของฟ้าและความมืดที่ค่อยๆปกคลุมอยู่ริมหาดทราย พลางนึกถึงนวนิยายอมตะที่เคยอ่าน "แม่โขง" ภาพแม่น้ำที่อยู่ตรงหน้ามันคือความรู้สึกของหนังสือเล่มนี้จริงๆ ทั้งสงบทั้งเชี่ยวและลึกลับ
คืนนี้เราพักกันที่ "เรือนกะยอม" รีสอร์ทเล็กๆ เจ้าของน่ารัก อาหารอร่อย ริมแม่น้ำโขง
เช้าวันสุดท้ายเราตื่นมาพร้อมเสียงฝนและฟ้าคำราม ผมกดปิดนาฬิกาปลุมแล้วหลับต่อ เพราะฝนขนาดนี้ให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาแต้มคงไม่เห็น ขอหลับต่อรอฝนหยุดแล้วค่อยเที่ยวต่อดีกว่า ฝนปรอยลงจนเกือบแปดโมงก็หยุด เราเก็บของและออกจากรีสอร์ต รู้สึกใจหายเหมือนกันนะที่มีเวลาอยู่ที่นี่น้อยมาก รู้สึกว่าถ้ามีเวลานั่งเล่นชิวๆที่รีสอร์ทนี้ได้เป็นวันๆเลยจริงๆนะ
เราออกมาจากรีสอร์ทไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงผาแต้ม ไฮไลท์สุดๆของอุบล ที่ๆเคยได้ยินชื่อตั้งแต่เรียนสปช.ตอนเด็กๆว่ามีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ คราวนี้เราเลือกที่จะลงไปดูภาพเขียนสี เพราะเพิ่มแพลนกะทันหันว่าจะไป "ปากเซ" แทน และเป็นปากเซที่ไปในวันเดียว ต้องกลับมาก่อนห้าโมงเย็นเพราะต้องเข้าเมืองไปขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ ทุกอย่างก็เลยต้องทำเวลาไปหมด ที่นี่เลยขอถ่ายภาพและแว๊ปไปอย่างรวดเร็ว
อ่านรีวิวต่อได้ที่ Part2: ลาวใต้
http://ppantip.com/topic/34364620
Fast life Trip อุบล-ลาวใต้ ล่าน้ำตกปลายฝนต้นหนาวของสองคุณเพื่อน by Tonnam
facebook: www.facebook.com/tonnamfoto
Instagram ID: tonnamfoto
website: www.tonnamfoto.com
ก่อนเริ่มต้องย้อนความไปเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อนสาวทักต้นน้ำมาว่าช่วงตุลาว่างมั๊ยนางอยากไปเหนือ ไปเที่ยวป่าเขียวๆปลายฝนต้นหนาว ผมเช็คตารางแป๊ปเดียวก็ตอบนางไปว่า "ว่าง จัดมาเลย อยากไปเหนือเหมือนกัน" และแล้วทริปของเราก็ได้เริ่มต้น ด้วยความที่เพื่อนสาวต้นน้ำอยากไปหลายที่ ก็เลยสิสต์กันเกือบเดือน มีทั้ง เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน จนสองอาทิตย์ก่อนทริปเราสรุปกับว่าจะไป "แม่สอด+เมียวดี" ทั้งสองคนก็ช่วยกันหาข้อมูลเที่ยวเป็นที่สนุกสนาน จนกระทั่งสามวันก่อนเดินทาง
"ขี้เกียจขับรถ นั่งเครื่องบินไปกันเถอะ" ผมพิมไลน์บอกเพื่อนสาว
"ได้ๆ ไปไหนดี" นางพิมกลับมา
"ไปไหนก็ได้" ผมพิมตอบ
"งั้นที่ไหนก็ได้ เอาที่เขียวๆ และก็ตั๋วเครื่องบินไม่แพง มีโปร" นางตอบกลับ
"โอเค" เป็นอันว่า "ทริปอุบล" ของเราก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เราเดินทางไปอุบลด้วยสายการบิน Thai Lion Air เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางกับสายการบินนี้ โดยรวมโอเคนะครับ ประทับใจเรื่องเครื่องใหม่ สะอาด และที่นั่งใหญ่ดี แต่ที่ติหน่อยคือการโหลดกระเป๋า ไม่มีที่ Drop off ของคนทำ Internet Check in ต้องไปต่อแถวยาวๆรอกับคนที่ มาทำ Check in พอเครื่องออกชั่วโมงเดียวพวกเราก็มาถึง "อุบลราชธานี"
สไตล์ต้นน้ำ เครื่องแลนด์ปั๊ปก็ต้องไปหาของกินก่อนแน่นอน แต่ขอแยกของกินออกจากที่เที่ยวนะครับ เดี๋ยวจะตามมารีวิวอีกที่
คราวนี้เราเช่ารถของ Avis ที่สนามบิน รถพร้อมคนพร้อมก็ออกเที่ยว กว่าจะออกจากสนามบินก็สี่โมงเย็นแล้วก็ขอใช้เวลาอันจำกัดไหว้พระในเมืองอุบลก่อน เมืองอุบลเป็นเมืองเก่าแก่ทีเดียวครับ อย่างน้อยๆก็ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ที่ท้าวคำผงก่อตั้งเมืองขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ดังนั้นเรื่องวัดวาเรื่องพระที่นี่ก็มีครบครับ
ที่แรกที่เราไปคือ "วัดป่าใหญ่" หรือชื่อทางการคือ "วัดมหาวนาราม" วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอุบล ที่ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่อินแปลง ตอนนี้วัดกำลังทำวิหารใหญ่ครอบวิหารหลังเก่าคิดว่าเสร็จแล้วคงสวยใช่เล่นทีเดียว
ต่อจากวัดแรกก็ไปวัดที่สอง "วัดพระธาตุหนองบัว" พระธาตุใหญ่เมืองอุบล ผมเลือกมาที่นี่ตอนใกล้ค่ำ เพราะที่นี่จะเปิดไฟส่องพระธาตุ เหมาะกับการถ่ายรูปอย่างมาก
ค่ำแล้วก็ไปเดินถนนคนเดียววันศุกร์-เสาร์ ที่ทุ่งศรีเมือง ตรงนั้นจะมีโต้รุ่งเมืองอุบลด้วย แวะหาฝากท้องกันได้
คืนแรกเรานอนกันที่ "Bliss Ubon Hotel" โรงแรมเล็กๆเปิดได้ไม่กี่เดิน ห้องใหม่และดีมากครับ ที่ชอบสุดคือเตียงนอนและชุดเครื่องนอน นอนสบายมากยิ่งกว่าเตียงที่บ้านเอียง แทบไม่อยากลุกไปไหนเลย เสียนิดนึงตรงที่อยู่ในซอยลึกไปหน่อย แต่ถ้ามีรถก็ไม่ใช่ปัญหาครับ
เช้าวันต่อรุ่งขึ้นผมรีบลุกแต่เช้า เพราะเวลาไปเมืองไหนก็ชอบไปดูตลาดเช้าเค้า ผมคิดว่าเป็นสเน่ห์อย่างนึงที่อยู่นอกไกด์บุ๊คเลยนะครับ แต่เพื่อนสาวขี้เซาของผมไม่ตื่นก็เลยปล่อยนางนอนไป ส่วนต้นน้ำก็บึ่งไปตลาดเช้า
ตลาดเช้าที่เมืองอุบลจะอยู่ในเมืองใกล้ทุ่งศรีเมือง ติดแม่นำมูล อากาศเช้าเดือนตุลาสบายมากลมเย็นๆพักมาตลอด ที่ตลาดเกือบเจ็ดโมงคนมากันแน่นมาก มีทั้งส่วนอาหารที่คนมาซื้อของกินกันให้วุ่น อาหารเช้าแบบเวียดนาม โจ๊ก ก๋วยจั๊บญวน ปากหม้อ ร้านชากาแฟ มีให้ครบใครอยากลองกินก็ไปจัดข้าวเช้าที่นี่ได้นะครับ
โซนของสดก็ไม่น้อยหน้า ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ปลาแม่น้ำวางขายกันเยอะจนเลิกไม่ถูก สมเป็นตลาดใหญ่ของเมืองใหญ่อันดับต้นๆของเมืองไทยจริงๆ ใครชอบเดินดูตลาดที่เชียงใหม่ มาเดินเล่นที่นี่ก็คึกครื้นไม่แพ้กันนะครับ แต่ต้นน้ำเลือกจะเดินเล่นแล้วไม่กินครับ เพราเช้านี้เพื่อนต้นน้ำที่อยู่อุบลจะมาพาไปหาอะไรอร่อยๆกิน
(ข้ามส่วนของกินไปนะครับ) กินอะไรเสร็จก็ออกเดินทางไป "โขงเจียม" เป้าหมายและที่พักของเราในคืนนี้ รถข้ามแม่น้ำมูลสู่อำเภอวารินชำราบ เคยได้ยินที่ฝั่งวารินก็ของอร่อยเยอะ แต่เนื่องจากเวลาไม่อำนวยเลยต้องข้ามไปอย่างเสียดาย ถนนมุ่งหน้าชายแดนไทยลาวดีมากครับ วิ่งลื่นมาก ระหว่างทางจะผ่านอำเภอพิบูลมังสาหาร มีแก่งสะพือที่ดังๆ แต่เนื่องจากมาหน้าฝนก็เลยไม่เห็นอะไรนอกจากแม่น้ำ 555 เพื่อนสาวต้นน้ำของถ่ายรูปหน่อย นางบอกไหนๆก็มาถึงละ ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ลืมบอกไปฮะ เพื่อนสาวต้นน้ำเป็น "เจ้าแม่เซลฟี่" นางจะเซลฟี่กะทุกอย่าง อย่างละหลายๆรูป
ออกจากพิบูลมาไม่ไกลก็จะผ่านทะเลสาบ ต้นน้ำเหลือบไปดู เห้ย! สวย! แวะถ่ายรุปหน่อยดีกว่า ตรงนั้นเรียก "พัทยาน้อย" เป็นส่วนนึงของเขื่อนสิรินธรครับ จะมีแพอาหารให้กินกันหลายร้านจนเลือกไม่ถูกเลย มีบางร้านมีแจ็ทสกี กับ บานาน่าโบ๊ท ไว้ให้เล่นด้วยนะครับ เหมือนไปพัทยามาก
ไปพัทยาแล้วก็กลับมาอุบลบ้าง มาแวะอุทยานแห่งแรกครับ "อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ" แน่นอนว่าหน้าฝนส่วนของแก่งเห็นแค่นิดเดียวครับ ไม่ได้ฟีล แต่น้ำตกหน้านี้อลังการจริงๆครับ ไฮไลต์ของเราเลยอยู่ที่น้ำตก
เราแวะกันที่แรก "น้ำตกตาดโตน" น้ำตกขนาดไม่สูง แต่กว้าง น้ำไหลลงมาจากมาเป็นสายสวย แล้วยังเล่นน้ำได้ด้วย
ออกจากอช.แก่นตะนะก็วิ่งเข้าโขงเจียม เพื่อนสะกิดว่าไปแม่น้ำสองสีนะ จะไปเซลฟี่แล้วแคปเจอร์ว่า "โขงสีปูนมูลสีคราม" จุดบรรจบของแม่น้ำสองสายอยู่ในเมืองเลยครับ ตรง "วัดโขงเจียม" พอดี พอไปถึงนางก็หันมาถามว่ามันสองสียังไง เพราะเห็นเป็นสีเดียวกันหมด ก็เลยไปอ่านป้าย สรุปคือแม่น้ำสองสีจะเห็นชัดในช่วงหน้าแล้ง มาฤดูนี้หมดสิทธินะฮะ
ดังนั้นหน้าฝนต้องไปน้ำตก เราก็เลยเดินทางต่อไปที่ น้ำตกแสงจันทร์ หรือ น้ำตกลงรู Unseen Thailand ที่เคยถ่ายทั้ง Regency ทั้งละครสาปพระเพ็ง ตอนแรกก็คิดว่าเข้ามาถูกรึเปล่า เพราะทางไปเป็นหลุมเป็นพ่อจนแทบต้องคลานไป แต่เห็นรถสวนออกมาเยอะเลยคิดว่าใช่ พอคลานไปเรื่อยๆก็มาถึงน้ำตก หนึ่งในดรีมลิสต์เมืองไทยของต้นน้ำ มันมหัศจรรย์จริงๆครับ เป็นรูแล้วมีน้ำไหลลงมา
หลังจากถ่ายภาพหลายสิบรูป บวกเซลฟี่ ก็เดินทางไปที่น้ำตกอีกแห่งใกล้ๆกัน "น้ำตกสร้อยสวรรค์" เป็นน้ำตกชื่อดังอีกที่ของอีสานใต้ คนมาที่นี่เยอะมากครับเพราะน้ำตกสวยและเล่นน้ำได้ ไม่เหมือนลงรูที่ดูได้อย่างเดียว
เล่นกันเพลินไปหน่อยออกมาก็เกือบไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกดินริมโขง พระอาทิตย์ตกดินที่โขงเจียมสวยมากจริงๆครับ สวยกว่าเชียงคาน สวยกว่าหนองคาย เป็นที่ๆสงบมาก แทบไม่เห็นแสงไฟฝั่งลาว ผมยืนดูพระอาทิตย์ลับของฟ้าและความมืดที่ค่อยๆปกคลุมอยู่ริมหาดทราย พลางนึกถึงนวนิยายอมตะที่เคยอ่าน "แม่โขง" ภาพแม่น้ำที่อยู่ตรงหน้ามันคือความรู้สึกของหนังสือเล่มนี้จริงๆ ทั้งสงบทั้งเชี่ยวและลึกลับ
คืนนี้เราพักกันที่ "เรือนกะยอม" รีสอร์ทเล็กๆ เจ้าของน่ารัก อาหารอร่อย ริมแม่น้ำโขง
เช้าวันสุดท้ายเราตื่นมาพร้อมเสียงฝนและฟ้าคำราม ผมกดปิดนาฬิกาปลุมแล้วหลับต่อ เพราะฝนขนาดนี้ให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาแต้มคงไม่เห็น ขอหลับต่อรอฝนหยุดแล้วค่อยเที่ยวต่อดีกว่า ฝนปรอยลงจนเกือบแปดโมงก็หยุด เราเก็บของและออกจากรีสอร์ต รู้สึกใจหายเหมือนกันนะที่มีเวลาอยู่ที่นี่น้อยมาก รู้สึกว่าถ้ามีเวลานั่งเล่นชิวๆที่รีสอร์ทนี้ได้เป็นวันๆเลยจริงๆนะ
เราออกมาจากรีสอร์ทไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงผาแต้ม ไฮไลท์สุดๆของอุบล ที่ๆเคยได้ยินชื่อตั้งแต่เรียนสปช.ตอนเด็กๆว่ามีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ คราวนี้เราเลือกที่จะลงไปดูภาพเขียนสี เพราะเพิ่มแพลนกะทันหันว่าจะไป "ปากเซ" แทน และเป็นปากเซที่ไปในวันเดียว ต้องกลับมาก่อนห้าโมงเย็นเพราะต้องเข้าเมืองไปขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ ทุกอย่างก็เลยต้องทำเวลาไปหมด ที่นี่เลยขอถ่ายภาพและแว๊ปไปอย่างรวดเร็ว
อ่านรีวิวต่อได้ที่ Part2: ลาวใต้ http://ppantip.com/topic/34364620