การเดินทางท่องเที่ยวในช่วง Japan Golden Week ของหนูเล็กและพี่ใหญ่เริ่มจะเข้าสู่ไฮไลต์ของการเดินทางกันแล้ว
วันนี้เรามาออกเดินทางกันต่อดีกว่าค่ะ
ใครยังไม่ได้เริ่มออกเดินทางด้วยกัน ติดตามย้อนหลังกันได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://ppantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://ppantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://ppantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://ppantip.com/topic/34306512
ถ้าพร้อมแล้ว เราไปกันต่อได้เลยค่ะ
เป้าหมายการเดินทางในวันนี้เป็นสาเหตุหลักที่หนูเล็กและพี่ใหญ่จำใจจำยอมเดินทางในช่วงที่ (เขาว่ากันว่า) ไม่ควรจะมา
ภาพกำแพงหิมะสีขาวสูงท่วมหัวเป็นภาพความฝันของนักเดินทางจำนวนมากที่อยากได้ไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต
มันเป็นเหมือนภาพแห่งปริศนาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อเริ่มทำการบ้านศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวดังกล่าว ไฮไลต์ของมันไม่ได้มีแต่เพียงกำแพงหิมะ (Snow Wall) เท่านั้น
แต่มันมีอยู่ตลอดการเดินทางซึ่งเป็นแนวยาวจาก Toyama ไปถึง Nagano หรือจะย้อนจาก Nagano ไปยัง Toyama ก็ได้
ขึ้นอยู่กับว่าจะขึ้นจากฝั่งไหน และเป็นเพราะธรรมชาติอันหลากหลาย
ทำให้การเดินทางตลอดเส้นทางจึงมีการปรับเปลี่ยนด้วยยานพาหนะหลากหลายรูปแบบ
จึงนับเป็นอีกสีสันหนึ่งที่ทำให้อยากไปเยือนสถานที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิต
เมื่อคืนก่อนเข้านอนเรานัดกันไว้ว่าเช้าวันนี้กำหนดการล้อหมุนคือตีสี่ แต่ ณ เวลานี้มันคือเวลาตีห้า นั่นคือนาฬิกาไม่ปลุกตามเวลาที่ตั้งเอาไว้
เราต้องใช้เวลาในการเดินทางไปราว 1 ชั่วโมงเพื่อให้ไปถึงที่หมายคือ Ogizawa Station ซึ่งเราเลือกเป็นจุดเริ่มต้น
สำหรับการเดินทางสู่เส้นทางการท่องเที่ยวหลังคาญี่ปุ่นที่รู้จักกันในชื่อว่า Tateyama Kurobe Alpine Route
เป็นการท่องเที่ยวผ่านหุบเขาหิมะ เขื่อน ผ่านหุบเขาตามธรรมชาติด้วยวิธีการเดินทางอันหลากหลาย
ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก
https://www.alpen-route.com/th/
เราสองคนใช้เวลากันเพียง 15 นาที ก็พาตัวเองลงมายังชั้นล่างซึ่งอีกสองหนุ่มคอยกันอยู่แล้ว
ไม่มีเวลาแม้จะขอโทษขอโพยได้แต่เร่งเอาของขึ้นรถและออกรถออกไปกันก่อน ยังมีเวลาที่จะสารภาพบาปกันในรถอีกหลายวัน
จาก Chikuma สู่ Ogizawa Station
วิ่งผ่านป่า
วิ่งผ่านเขา
ทะลุภูเขาก็มี
หลังจากที่รถของพวกเราวิ่งอยู่ท่ามกลางป่าเขาแต่เพียงคันเดียวมาราวชั่วโมงเศษ ทิวทัศน์ที่มองเห็นด้านหน้ากระจกรถเริ่มเปลี่ยนไป
เทือกเขาสีขาวโพลนเป็นแนวยาวที่ทำให้พวกเราใจชื้นขึ้น
เป้าหมายอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
ความยิ่งใหญ่ที่รออยู่
เริ่มใกล้ถึง Ogizawa Station
ยิ่งขับรถเข้าไปใกล้เป้าหมายมากเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าพวกเรากำลังถูกโอบล้อมไว้ด้วยธรรมชาติ
ถึงลานจอดรถแล้ว
เรามาถึงราวๆ เก้าโมงกว่า ซึ่งก็เป็นดังคาด เราจัดอยู่ในกลุ่มคนที่มาสาย
เพราะที่ลานจอดเต็มไปด้วยรถนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ดีที่เราโชคดีมีที่ใกล้ๆ เหลืออีก 2-3 คัน
ทุกคนแยกย้ายกันจัดเตรียมสัมภาระ อุปกรณ์ถ่ายรูปพร้อมมือ ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับการไปผจญภัยกับเส้นทาง Japan Alps
พี่ใหญ่เดินนำลิ่ว
ยังมีรถทยอยมาเรื่อยๆ
เดินไปตามแนวที่เขาวางไว้ให้เดิน
ถึงล่ะ ไปซื้อตั๋วเดินทางกัน
ตั๋วเดินทางสามารถซื้อแบบไป-กลับซึ่งจะมีส่วนลดให้ และจะต้องรักษาไว้ให้ดีเพราะต้องใช้ตลอดการเดินทาง
อาคารสถานี
แผนที่บอกความสูงของแต่ละจุด ระยะเวลาเดินทางไปจนถึงปลายทาง และวิธีการเดินทางในแต่ละช่วง
ป้ายราคาบอกไว้ชัดเจน single trip หรือ round trip เลือกได้ตามชอบใจ
เราเลือกตั๋วไป-กลับ ระหว่าง Ogizawa Station และ Murodo สนนราคา 9,050 เยน
จากสถานี Ogizawa เราต้องนั่งรถบัสไฟฟ้าผ่านอุโมงค์ (Kanden Tunnel)
เพื่อไปยังจุดหมายแรกคือเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) เขื่อนที่สร้างขึ้นจากความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงมากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
เมื่อมีตั๋วในกระเป๋า สองเท้าก็เข้ามาด้านในเลย
เส้นทางนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าสัมผัสได้ราวๆ กลางเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
แต่ไฮไลต์สำคัญที่เรียกว่า “กำแพงหิมะ” นั้น จะสามารถชมได้แค่ช่วงสั้นๆ คือประมาณกลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม
หิมะก็จะเริ่มละลาย ความสูงของกำแพงก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ จนหมด จึงเป็นไฟท์บังคับที่จะต้องมาในช่วงนี้ที่กำแพงยังคงความสูง
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวพากันแห่มาเยือนกันอย่างเนืองแน่น
หลังจากรอคอยอยู่สักพัก นักท่องเที่ยวทั้งหมดก็ได้รับการปล่อยตัวจากจุดที่คอยอยู่ ให้ไปขึ้นรถบัสไฟฟ้า (Trolley Bus)
รถนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า วิ่งอยู่ในอุโมงค์ Kanden ซึ่งวิ่งมาตั้งแต่ช่วงที่มีการสร้างและขนถ่ายวัตถุดิบที่จำเป็น
ในการก่อสร้างเขื่อน Kurobe วิ่งระหว่างสถานี Ogizawa ไปยังเขื่อน Kurobe การเดินทางระยะทาง 6.1 กิโลเมตร
ภายในอุโมงค์ใช้เวลาประมาณ 16 นาที ความต่างระดับระหว่างสถานีอยู่ที่ 37 เมตร
เริ่มออกเดินทางแล้ว
ภายในอุโมงค์
ถึงแล้ว Kurobe Dam
ไปกันเล้ยยยย
เมื่อลงจากรถบัสนักท่องเที่ยวจะเข้าไปเจอบันไดสูงชันที่จะพาเราไปยังจุดชมวิว (Kurobe Resthouse) ที่ระดับความสูง 1,508 เมตร
ถือเป็นบททดสอบบทแรกของการเดินทาง
จุดแวะดื่มตาน้ำระหว่างทาง ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ดื่มป้องกันเจ็บไข้ได้ป่วย
ถึงทางออกแล้ว
ด้านบนเป็นระเบียงกว้าง สามารถชมวิวได้รอบทิศ
เทือกเขาส่วนใหญ่ยังคงเต็มไปด้วยหิมะปกคลุมด้วยเพราะเพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวที่หนาวจัดมาไม่นาน
เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) เป็นเขื่อนคอนกรีตแบบโค้งที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นครอบคลุมพื้นที่โค้งน้ำของทะเลสาบคุโรเบะ (Kurobe Lake)
มีความสูง 186 เมตร สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเวลาที่ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงการฟื้นฟูประเทศและพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงมาก โครงการสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าจึงเกิดขึ้น แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก
โดยเฉพาะการขุดอุโมงค์เพื่อวางรางไฟฟ้าสำหรับรถบัสที่ใช้วิ่งในหุบเขา เนื่องจากมีน้ำใต้ดินและทรายจำนวนมากผุดขึ้นมาตลอดเวลา
จึงใช้เวลาก่อสร้างนาน 7 ปี ใช้คนงานไป 10 ล้านคน (มีผู้เสียชีวิตขณะทำการก่อสร้างถึง 171 คน)
แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1963 ใช้สำหรับผลิตไฟฟ้าให้แก่ภูมิภาคคันไซ
และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเส้นทางทาเทยาม่า คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route)
ช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนตุลาคมจะมีการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนทุกวัน ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามอีกภาพหนึ่ง
วิวจากมุมสูง
บรรยากาศสดชื่น สบายตา
หลังจากชื่นชมวิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวนี้จนพอใจ ก็ต้องไต่บันไดเพื่อลงไปยังบริเวณสันเขื่อน เพื่อไปต่อพาหนะลำดับถัดไปอีก
ค่อยๆ ไต่บันไดกันลงไป
สันเขื่อน
น้ำในเขื่อนสงบนิ่ง ไม่ไหวติง
จุดกึ่งกลางของเขื่อน
เป้าหมายเราคือช่องเล็กๆ ที่ปลายทางนั้น
เมื่อเดินเข้ามาถึงก็เจอสิ่งที่ประทับใจเลยค่ะ
แสดงถึงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ต่อแถวรอขึ้นเคเบิ้ลคาร์ (Cable Car) เพื่อไต่ระดับขึ้นไปยังบริเวณที่เรียกว่า Kurobedaira
สถานีเคเบิ้ลคาร์ Kurobe Station เป็นสถานีเคเบิ้ลคาร์ใต้ดินหนึ่งเดียวในญี่ปุ่นที่ระดับความสูง 1,455 เมตร
เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากหิมะตกหนักในฤดูหนาว วิ่งในอุโมงค์ระหว่าง Kurobeko Station (ใกล้เขื่อนคุโรเบะ) กับ Kurobedaira Station
ใช้เวลาราว 5 นาที ระยะทาง 800 เมตร เขาจะแบ่งแถวเป็นสองแบบคือสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปกับพวกที่มาเป็นกลุ่ม
ระหว่างที่ยืนคอยเขาจะแจกบัตรสีเหลืองซึ่งมีหมายเลขระบุไว้ ก่อนจะแจกเจ้าหน้าที่จะตะโกนอธิบายเสียงดัง
แต่ขอโทษค่ะ เป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ
เราก็เดากันเอาว่าน่าจะเป็นหมายเลขของ ropeway ที่นักท่องเที่ยวแต่ละคนจะใช้บริการในสถานีถัดไป เพื่อเป็นการจัดจำนวนนักท่องเที่ยว
บัตรหน้าตาแบบนี้ค่ะ เก็บรักษาไว้ให้ดี
ปล. หัวข้อกระทู้ #5 ค่ะ
[CR] Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Japan Alps - Snow Wall)
การเดินทางท่องเที่ยวในช่วง Japan Golden Week ของหนูเล็กและพี่ใหญ่เริ่มจะเข้าสู่ไฮไลต์ของการเดินทางกันแล้ว
วันนี้เรามาออกเดินทางกันต่อดีกว่าค่ะ
ใครยังไม่ได้เริ่มออกเดินทางด้วยกัน ติดตามย้อนหลังกันได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://ppantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://ppantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://ppantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://ppantip.com/topic/34306512
ถ้าพร้อมแล้ว เราไปกันต่อได้เลยค่ะ
เป้าหมายการเดินทางในวันนี้เป็นสาเหตุหลักที่หนูเล็กและพี่ใหญ่จำใจจำยอมเดินทางในช่วงที่ (เขาว่ากันว่า) ไม่ควรจะมา
ภาพกำแพงหิมะสีขาวสูงท่วมหัวเป็นภาพความฝันของนักเดินทางจำนวนมากที่อยากได้ไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต
มันเป็นเหมือนภาพแห่งปริศนาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อเริ่มทำการบ้านศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวดังกล่าว ไฮไลต์ของมันไม่ได้มีแต่เพียงกำแพงหิมะ (Snow Wall) เท่านั้น
แต่มันมีอยู่ตลอดการเดินทางซึ่งเป็นแนวยาวจาก Toyama ไปถึง Nagano หรือจะย้อนจาก Nagano ไปยัง Toyama ก็ได้
ขึ้นอยู่กับว่าจะขึ้นจากฝั่งไหน และเป็นเพราะธรรมชาติอันหลากหลาย
ทำให้การเดินทางตลอดเส้นทางจึงมีการปรับเปลี่ยนด้วยยานพาหนะหลากหลายรูปแบบ
จึงนับเป็นอีกสีสันหนึ่งที่ทำให้อยากไปเยือนสถานที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิต
เมื่อคืนก่อนเข้านอนเรานัดกันไว้ว่าเช้าวันนี้กำหนดการล้อหมุนคือตีสี่ แต่ ณ เวลานี้มันคือเวลาตีห้า นั่นคือนาฬิกาไม่ปลุกตามเวลาที่ตั้งเอาไว้
เราต้องใช้เวลาในการเดินทางไปราว 1 ชั่วโมงเพื่อให้ไปถึงที่หมายคือ Ogizawa Station ซึ่งเราเลือกเป็นจุดเริ่มต้น
สำหรับการเดินทางสู่เส้นทางการท่องเที่ยวหลังคาญี่ปุ่นที่รู้จักกันในชื่อว่า Tateyama Kurobe Alpine Route
เป็นการท่องเที่ยวผ่านหุบเขาหิมะ เขื่อน ผ่านหุบเขาตามธรรมชาติด้วยวิธีการเดินทางอันหลากหลาย
ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก https://www.alpen-route.com/th/
เราสองคนใช้เวลากันเพียง 15 นาที ก็พาตัวเองลงมายังชั้นล่างซึ่งอีกสองหนุ่มคอยกันอยู่แล้ว
ไม่มีเวลาแม้จะขอโทษขอโพยได้แต่เร่งเอาของขึ้นรถและออกรถออกไปกันก่อน ยังมีเวลาที่จะสารภาพบาปกันในรถอีกหลายวัน
จาก Chikuma สู่ Ogizawa Station
วิ่งผ่านป่า
วิ่งผ่านเขา
ทะลุภูเขาก็มี
หลังจากที่รถของพวกเราวิ่งอยู่ท่ามกลางป่าเขาแต่เพียงคันเดียวมาราวชั่วโมงเศษ ทิวทัศน์ที่มองเห็นด้านหน้ากระจกรถเริ่มเปลี่ยนไป
เทือกเขาสีขาวโพลนเป็นแนวยาวที่ทำให้พวกเราใจชื้นขึ้น
เป้าหมายอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
ความยิ่งใหญ่ที่รออยู่
เริ่มใกล้ถึง Ogizawa Station
ยิ่งขับรถเข้าไปใกล้เป้าหมายมากเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าพวกเรากำลังถูกโอบล้อมไว้ด้วยธรรมชาติ
ถึงลานจอดรถแล้ว
เรามาถึงราวๆ เก้าโมงกว่า ซึ่งก็เป็นดังคาด เราจัดอยู่ในกลุ่มคนที่มาสาย
เพราะที่ลานจอดเต็มไปด้วยรถนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ดีที่เราโชคดีมีที่ใกล้ๆ เหลืออีก 2-3 คัน
ทุกคนแยกย้ายกันจัดเตรียมสัมภาระ อุปกรณ์ถ่ายรูปพร้อมมือ ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับการไปผจญภัยกับเส้นทาง Japan Alps
พี่ใหญ่เดินนำลิ่ว
ยังมีรถทยอยมาเรื่อยๆ
เดินไปตามแนวที่เขาวางไว้ให้เดิน
ถึงล่ะ ไปซื้อตั๋วเดินทางกัน
ตั๋วเดินทางสามารถซื้อแบบไป-กลับซึ่งจะมีส่วนลดให้ และจะต้องรักษาไว้ให้ดีเพราะต้องใช้ตลอดการเดินทาง
อาคารสถานี
แผนที่บอกความสูงของแต่ละจุด ระยะเวลาเดินทางไปจนถึงปลายทาง และวิธีการเดินทางในแต่ละช่วง
ป้ายราคาบอกไว้ชัดเจน single trip หรือ round trip เลือกได้ตามชอบใจ
เราเลือกตั๋วไป-กลับ ระหว่าง Ogizawa Station และ Murodo สนนราคา 9,050 เยน
จากสถานี Ogizawa เราต้องนั่งรถบัสไฟฟ้าผ่านอุโมงค์ (Kanden Tunnel)
เพื่อไปยังจุดหมายแรกคือเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) เขื่อนที่สร้างขึ้นจากความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงมากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
เมื่อมีตั๋วในกระเป๋า สองเท้าก็เข้ามาด้านในเลย
เส้นทางนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าสัมผัสได้ราวๆ กลางเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
แต่ไฮไลต์สำคัญที่เรียกว่า “กำแพงหิมะ” นั้น จะสามารถชมได้แค่ช่วงสั้นๆ คือประมาณกลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม
หิมะก็จะเริ่มละลาย ความสูงของกำแพงก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ จนหมด จึงเป็นไฟท์บังคับที่จะต้องมาในช่วงนี้ที่กำแพงยังคงความสูง
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวพากันแห่มาเยือนกันอย่างเนืองแน่น
หลังจากรอคอยอยู่สักพัก นักท่องเที่ยวทั้งหมดก็ได้รับการปล่อยตัวจากจุดที่คอยอยู่ ให้ไปขึ้นรถบัสไฟฟ้า (Trolley Bus)
รถนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า วิ่งอยู่ในอุโมงค์ Kanden ซึ่งวิ่งมาตั้งแต่ช่วงที่มีการสร้างและขนถ่ายวัตถุดิบที่จำเป็น
ในการก่อสร้างเขื่อน Kurobe วิ่งระหว่างสถานี Ogizawa ไปยังเขื่อน Kurobe การเดินทางระยะทาง 6.1 กิโลเมตร
ภายในอุโมงค์ใช้เวลาประมาณ 16 นาที ความต่างระดับระหว่างสถานีอยู่ที่ 37 เมตร
เริ่มออกเดินทางแล้ว
ภายในอุโมงค์
ถึงแล้ว Kurobe Dam
ไปกันเล้ยยยย
เมื่อลงจากรถบัสนักท่องเที่ยวจะเข้าไปเจอบันไดสูงชันที่จะพาเราไปยังจุดชมวิว (Kurobe Resthouse) ที่ระดับความสูง 1,508 เมตร
ถือเป็นบททดสอบบทแรกของการเดินทาง
จุดแวะดื่มตาน้ำระหว่างทาง ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ดื่มป้องกันเจ็บไข้ได้ป่วย
ถึงทางออกแล้ว
ด้านบนเป็นระเบียงกว้าง สามารถชมวิวได้รอบทิศ
เทือกเขาส่วนใหญ่ยังคงเต็มไปด้วยหิมะปกคลุมด้วยเพราะเพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวที่หนาวจัดมาไม่นาน
เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) เป็นเขื่อนคอนกรีตแบบโค้งที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นครอบคลุมพื้นที่โค้งน้ำของทะเลสาบคุโรเบะ (Kurobe Lake)
มีความสูง 186 เมตร สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเวลาที่ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงการฟื้นฟูประเทศและพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงมาก โครงการสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าจึงเกิดขึ้น แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก
โดยเฉพาะการขุดอุโมงค์เพื่อวางรางไฟฟ้าสำหรับรถบัสที่ใช้วิ่งในหุบเขา เนื่องจากมีน้ำใต้ดินและทรายจำนวนมากผุดขึ้นมาตลอดเวลา
จึงใช้เวลาก่อสร้างนาน 7 ปี ใช้คนงานไป 10 ล้านคน (มีผู้เสียชีวิตขณะทำการก่อสร้างถึง 171 คน)
แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1963 ใช้สำหรับผลิตไฟฟ้าให้แก่ภูมิภาคคันไซ
และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเส้นทางทาเทยาม่า คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route)
ช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนตุลาคมจะมีการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนทุกวัน ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามอีกภาพหนึ่ง
วิวจากมุมสูง
บรรยากาศสดชื่น สบายตา
หลังจากชื่นชมวิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวนี้จนพอใจ ก็ต้องไต่บันไดเพื่อลงไปยังบริเวณสันเขื่อน เพื่อไปต่อพาหนะลำดับถัดไปอีก
ค่อยๆ ไต่บันไดกันลงไป
สันเขื่อน
น้ำในเขื่อนสงบนิ่ง ไม่ไหวติง
จุดกึ่งกลางของเขื่อน
เป้าหมายเราคือช่องเล็กๆ ที่ปลายทางนั้น
เมื่อเดินเข้ามาถึงก็เจอสิ่งที่ประทับใจเลยค่ะ
แสดงถึงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ต่อแถวรอขึ้นเคเบิ้ลคาร์ (Cable Car) เพื่อไต่ระดับขึ้นไปยังบริเวณที่เรียกว่า Kurobedaira
สถานีเคเบิ้ลคาร์ Kurobe Station เป็นสถานีเคเบิ้ลคาร์ใต้ดินหนึ่งเดียวในญี่ปุ่นที่ระดับความสูง 1,455 เมตร
เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากหิมะตกหนักในฤดูหนาว วิ่งในอุโมงค์ระหว่าง Kurobeko Station (ใกล้เขื่อนคุโรเบะ) กับ Kurobedaira Station
ใช้เวลาราว 5 นาที ระยะทาง 800 เมตร เขาจะแบ่งแถวเป็นสองแบบคือสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปกับพวกที่มาเป็นกลุ่ม
ระหว่างที่ยืนคอยเขาจะแจกบัตรสีเหลืองซึ่งมีหมายเลขระบุไว้ ก่อนจะแจกเจ้าหน้าที่จะตะโกนอธิบายเสียงดัง
แต่ขอโทษค่ะ เป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ
เราก็เดากันเอาว่าน่าจะเป็นหมายเลขของ ropeway ที่นักท่องเที่ยวแต่ละคนจะใช้บริการในสถานีถัดไป เพื่อเป็นการจัดจำนวนนักท่องเที่ยว
บัตรหน้าตาแบบนี้ค่ะ เก็บรักษาไว้ให้ดี
ปล. หัวข้อกระทู้ #5 ค่ะ