เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ จากวัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีการห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องอาปัติ มีรายละเอียดดังนี้
ทัศนะส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หลังจากที่ได้ดูเรื่องเต็มของหนังอาปัติ ที่สำนักงานวัฒนธรรมแล้ว บอกได้คำเดียวว่า ที่โวกเวกกันมานี่ เข้าใจผิดหมด หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะดีมาก ในแง่ของการนำเสนอ ซึ่งมีทั้งในส่วนของความเลวร้าย (ด้านมืด) และความดีงาม (ที่ชี้ให้เห็นด้านสว่างอย่างชัดเจน) ซึ่งสามารถสะท้อนสัจจะคือความจริง อย่างไม่เกินเลย
ที่จริงหนังไม่ได้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับปัญหาของสังคมสงฆ์เพื่อตีแผ่ประจาน หรือนำเสนอสิ่งที่จะทำให้คนเข้าใจหลักการของพุทธศาสนาผิด ดังที่ใครหลายคนกังวลด้วยซ้ำ หนังค่อนข้างให้ความครบถ้วน ทั้งในเรื่องของวิถีชีวิตประเพณีที่ชาวพุทธเกี่ยวข้องอยู่กับศาสนาและความเชื่อท้องถิ่น ภาพของเณรคนหนึ่งที่มาจากสังคมอันไม่พึงปรารถนา แล้วสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ในที่สุด เพราะการก้าวเข้ามารับรู้เรื่องราวในสังคมสงฆ์
หนังนำเสนอมิติความลี้ลับของโลกหน้า ตามความเชื่อของศาสนาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าไม่ตั้งชื่อว่า อาปัติ อาตมานึกว่า กำลังดูหนังผีด้วยซ้ำ มีแอบผิดหวังแบบเข้าใจผิดเล็กน้อย เพราะดูจากตัวอย่างนึกว่าหนังมุ่งที่จะโจมตีพระสงฆ์สามเณรอย่างเดียว แต่สุดท้ายสิ่งที่หนังนำเสนอกับให้ภาพที่เลวร้ายหรือเหมือนเป็นการโยนบาปให้กับอีกฝั่งด้วยซ้ำ หนังถูกตัดออกบางฉากนะ และเพิ่มเติมบทสรุปที่เป็นหลักคำสอนเกี่ยวกับเรื่องกรรมตอนจบ เห็นว่าได้ฉายแล้ว ใครที่อายุเกิน ๑๘ ซึ่งถือว่ามีวิจารณญาณในการชมแล้ว ก็ลองไปชมดู
Cr : มติชนออนไลน์
"พระมหาไพรวัลย์" โพสต์ความรู้สึก...หลังได้ดูหนัง "อาปัติ" เต็มเรื่อง
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ จากวัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีการห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องอาปัติ มีรายละเอียดดังนี้
ทัศนะส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หลังจากที่ได้ดูเรื่องเต็มของหนังอาปัติ ที่สำนักงานวัฒนธรรมแล้ว บอกได้คำเดียวว่า ที่โวกเวกกันมานี่ เข้าใจผิดหมด หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะดีมาก ในแง่ของการนำเสนอ ซึ่งมีทั้งในส่วนของความเลวร้าย (ด้านมืด) และความดีงาม (ที่ชี้ให้เห็นด้านสว่างอย่างชัดเจน) ซึ่งสามารถสะท้อนสัจจะคือความจริง อย่างไม่เกินเลย
ที่จริงหนังไม่ได้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับปัญหาของสังคมสงฆ์เพื่อตีแผ่ประจาน หรือนำเสนอสิ่งที่จะทำให้คนเข้าใจหลักการของพุทธศาสนาผิด ดังที่ใครหลายคนกังวลด้วยซ้ำ หนังค่อนข้างให้ความครบถ้วน ทั้งในเรื่องของวิถีชีวิตประเพณีที่ชาวพุทธเกี่ยวข้องอยู่กับศาสนาและความเชื่อท้องถิ่น ภาพของเณรคนหนึ่งที่มาจากสังคมอันไม่พึงปรารถนา แล้วสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ในที่สุด เพราะการก้าวเข้ามารับรู้เรื่องราวในสังคมสงฆ์
หนังนำเสนอมิติความลี้ลับของโลกหน้า ตามความเชื่อของศาสนาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าไม่ตั้งชื่อว่า อาปัติ อาตมานึกว่า กำลังดูหนังผีด้วยซ้ำ มีแอบผิดหวังแบบเข้าใจผิดเล็กน้อย เพราะดูจากตัวอย่างนึกว่าหนังมุ่งที่จะโจมตีพระสงฆ์สามเณรอย่างเดียว แต่สุดท้ายสิ่งที่หนังนำเสนอกับให้ภาพที่เลวร้ายหรือเหมือนเป็นการโยนบาปให้กับอีกฝั่งด้วยซ้ำ หนังถูกตัดออกบางฉากนะ และเพิ่มเติมบทสรุปที่เป็นหลักคำสอนเกี่ยวกับเรื่องกรรมตอนจบ เห็นว่าได้ฉายแล้ว ใครที่อายุเกิน ๑๘ ซึ่งถือว่ามีวิจารณญาณในการชมแล้ว ก็ลองไปชมดู
Cr : มติชนออนไลน์