เรื่องของตำรวจ
ฝากแชร์หน่อยก็ดีนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 ตุลาคม 2558) น้องที่ทำงานผมทำกระเป๋าสตางค์ตกขณะลงจากรถตู้ ที่หน้าบริษัทย่านอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ในกระเป๋ามีเอกสารสำคัญและมีเงินอยู่ประมาณ หกพันเศษ จากนั้นมีคนเก็บได้ครับ เอามาคืนเฉพาะเอกสารและบอกว่าเงินในกระเป๋าไม่มี น่าจะมีใครเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วหยิบเอาเงินไป ความจริงเรื่องนี้มันน่าจะจบตรงที่ได้เอกสารคืนแล้ว เรื่องเงินคงต้องทำใจ แต่เงินมันก็ไม่น้อยนะครับสำหรับมนุษย์เงินเดือนปากกัดตีนถีบ คนเราถ้ามีโอกาสก็อยากรู้ครับว่าใครเอาเงินของเราไป น้องเค้าจึงไปเปิดดูกล้องวงจรปิดของบริษัทที่ส่องไปทางด้านหน้าบริเวณที่เกิดเหตุพอดี และเห็นชัดเจนว่ามีคนกำลังหยิบกระเป๋าสตางค์ไป จากนั้นก็ปั่นจักรยานออกไปจนสุดมุมกล้อง น้องเค้าจึงไปติดต่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนวัดอ้อมน้อยซึ่งจะเห็นผู้ต้องสงสัยยังคงปั่นจักรยานต่อไปและหยุดรถเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในซอยข้างวัดอ้อมน้อย เธอหายไปสักพักแล้วเดินออกมาจากนั้นก็ปั่นจักรยานออกมาอีกรอบ หลังจากเหตุการณ์ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดนี้ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์มาถึงฝ่ายบุคคลของบริษัทว่ามีพนักงานทำกระเป๋าสตางค์ตกอยู่ ให้มาติดต่อรับคืนได้ซึ่งปรากฏว่าสถานที่ที่ให้ไปรับคืนคือบ้านหลังดังกล่าวที่เกิดเหตุขึ้นตามที่ได้ดูในกล้องวงจรปิด แต่อย่างไรก็ตาม ทางผู้ที่เก็บได้ก็ไม่ยอมรับว่าได้หยิบเงินในกระเป๋าจำนวนดังกล่าวไปตามที่เราได้กล่าวหา น้องเค้าก็สอบถามจากเพื่อนบ้านละแวกนั้นถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกสงสัยว่าน่าจะหยิบเงินในกระเป๋าจำนวนดังกล่าวไปก็พอทราบได้ว่า ผู้หญิงที่ปั่นจักรยานตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดนั้นน่าจะเป็นคนเดียวกับป้าของหญิงสาวเจ้าของบ้านที่มาติดต่อให้ไปรับเอกสารและกระเป๋าคืน ทั้งนี้จากการสอบถามพูดคุย ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของบ้านซึ่งน่าจะเป็นหลานนั้นอ้างว่าตนเองเป็นคนเก็บได้บริเวณหน้าโรงงานไทยการ์เม้นซึ่งอยู่เลยบริษัทที่ผมทำงานไปประมาณ 500 เมตร โดยขัดกับภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดซึ่งเห็นชัดเจนว่าคนที่เก็บได้คือผู้หญิงที่ปั่นจักรยานที่เราคาดว่าน่าจะเป็นป้าของหญิงสาวที่อ้างว่าตนเองเป็นคนเก็บได้ นอกจากนี้ภาพในกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของเธอยังสามารถบ่งบอกได้อีกว่า ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดเหตุจนถึงขณะนั้นไม่พบว่าเธอได้เดินทางเข้าออกจากบ้านเลยแม้แต่นิด มีเพียงป้าคนที่ปั่นจักรยานเท่านั้นที่แวะเข้าไปหาในบ้านหลังดังกล่าวในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ อันที่จริงมันก็ไม่แปลกที่คนเก็บได้จะอยากได้เงินและจะคืนให้เฉพาะเอกสาร ใช่ไหมครับแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าผิด คนเป็นเจ้าของเงินก็เสียดาย เงินไม่ใช่น้อยนะ น้องเค้าเลยไปแจ้งความยัง สภ. ของพื้นที่ที่รับผิดชอบ (ที่ไหนน่าจะพอทราบกัน) พร้อมกับนำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดไปแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ผมพูดเลยว่าภาพในกล้องวงจรปิดค่อนข้างจะชัดมาก เมื่อเทียบกับกล้องวงจรปิดของ กทม. ที่ใช้ตามจับกุมตัวผู้วางระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ (ขออนุญาตพาดพิง) แต่ตำรวจกลับพูดแค่ว่า เอกสารก็ได้คืนแล้ว จะแจ้งความเอาอะไร เงินมันหายไปแล้ว ภาพในกล้องก็เห็นไม่ชัด มันเห็นหน้าไม่ชัดจะไปจับเค้าก็ไม่ได้ ร้อยเวรเลยทำให้แค่ลงบันทึกประจำวัน แล้วให้กลับบ้าน
เรื่องมีแค่นี้ครับ ที่ผมสงสัยคือ
1. ร้อยเวรพูดออกมาได้อย่างไรว่า “เอกสารก็ได้คืนแล้วนิ่ จะแจ้งความเอาอะไร” (แต่น้ำเสียงโอเคนะ ไม่ถือว่าพูดจากวนประสาทข้อนี้ไม่ขอตำหนิ) คุณถูกปลูกฝังมาให้ทำงานกันแบบนี้หรือครับ ตำรวจประเทศไทย
2. “เห็นหน้าไม่ชัด จะไปจับเขาได้ยังไง” ผมว่าบุคคลที่ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนในกล้องวงจรปิด ถือเป็นผู้ต้องสงสัยซึ่งต้องถูกเรียกมาให้ปากคำและจับเท็จจากคำให้การได้ไม่ยากถ้าร้อยเวรผู้นั้นมีจิตสาธารณะ และสำนึกในหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดี เพราะถ้าเป็นเงินของลูกเมียคุณหาย และมีหลักฐานขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ปล่อยปละละเลยแบบนี้ หรือคดีแบบนี้ มันไม่ใช่คดีระดับชาติซึ่งทำไปก็โชว์ผลงานไม่ได้ หรือย่างไร.....
อันที่จริงเงินหาย เข้าใจอยู่ว่าต้องทำใจเพราะยากที่จะได้คืน แต่ที่ข้องใจคือ ตำรวจ ทำไมถึงนิ่งเฉย ทั้งๆ ที่ หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ อยากให้ใส่ใจช่วยเหลือเรื่องคดีความของผู้น้อยบ้างนะครับ อย่าเอาแต่ตั้งด่าน คุณบริโภคเงินที่มาจากภาษีของพวกเราทั้งสิ้น
หรือโดยปกติแล้วในกฎหมายระบุว่าการดำเนินคดีลักษณะนี้ไม่สามารถทำได้ หรือผมผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัย ผมไม่ทราบเรื่องข้อกฎหมายยิบย่อยจริงๆ ครับแค่สงสัยว่า ทำไม แค่นั้นเอง
เงินหาย เจอผู้ต้องสงสัย ตำรวจไทย ทำยังไง มาดูกัน
ฝากแชร์หน่อยก็ดีนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 ตุลาคม 2558) น้องที่ทำงานผมทำกระเป๋าสตางค์ตกขณะลงจากรถตู้ ที่หน้าบริษัทย่านอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ในกระเป๋ามีเอกสารสำคัญและมีเงินอยู่ประมาณ หกพันเศษ จากนั้นมีคนเก็บได้ครับ เอามาคืนเฉพาะเอกสารและบอกว่าเงินในกระเป๋าไม่มี น่าจะมีใครเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วหยิบเอาเงินไป ความจริงเรื่องนี้มันน่าจะจบตรงที่ได้เอกสารคืนแล้ว เรื่องเงินคงต้องทำใจ แต่เงินมันก็ไม่น้อยนะครับสำหรับมนุษย์เงินเดือนปากกัดตีนถีบ คนเราถ้ามีโอกาสก็อยากรู้ครับว่าใครเอาเงินของเราไป น้องเค้าจึงไปเปิดดูกล้องวงจรปิดของบริษัทที่ส่องไปทางด้านหน้าบริเวณที่เกิดเหตุพอดี และเห็นชัดเจนว่ามีคนกำลังหยิบกระเป๋าสตางค์ไป จากนั้นก็ปั่นจักรยานออกไปจนสุดมุมกล้อง น้องเค้าจึงไปติดต่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนวัดอ้อมน้อยซึ่งจะเห็นผู้ต้องสงสัยยังคงปั่นจักรยานต่อไปและหยุดรถเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในซอยข้างวัดอ้อมน้อย เธอหายไปสักพักแล้วเดินออกมาจากนั้นก็ปั่นจักรยานออกมาอีกรอบ หลังจากเหตุการณ์ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดนี้ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์มาถึงฝ่ายบุคคลของบริษัทว่ามีพนักงานทำกระเป๋าสตางค์ตกอยู่ ให้มาติดต่อรับคืนได้ซึ่งปรากฏว่าสถานที่ที่ให้ไปรับคืนคือบ้านหลังดังกล่าวที่เกิดเหตุขึ้นตามที่ได้ดูในกล้องวงจรปิด แต่อย่างไรก็ตาม ทางผู้ที่เก็บได้ก็ไม่ยอมรับว่าได้หยิบเงินในกระเป๋าจำนวนดังกล่าวไปตามที่เราได้กล่าวหา น้องเค้าก็สอบถามจากเพื่อนบ้านละแวกนั้นถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกสงสัยว่าน่าจะหยิบเงินในกระเป๋าจำนวนดังกล่าวไปก็พอทราบได้ว่า ผู้หญิงที่ปั่นจักรยานตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดนั้นน่าจะเป็นคนเดียวกับป้าของหญิงสาวเจ้าของบ้านที่มาติดต่อให้ไปรับเอกสารและกระเป๋าคืน ทั้งนี้จากการสอบถามพูดคุย ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของบ้านซึ่งน่าจะเป็นหลานนั้นอ้างว่าตนเองเป็นคนเก็บได้บริเวณหน้าโรงงานไทยการ์เม้นซึ่งอยู่เลยบริษัทที่ผมทำงานไปประมาณ 500 เมตร โดยขัดกับภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดซึ่งเห็นชัดเจนว่าคนที่เก็บได้คือผู้หญิงที่ปั่นจักรยานที่เราคาดว่าน่าจะเป็นป้าของหญิงสาวที่อ้างว่าตนเองเป็นคนเก็บได้ นอกจากนี้ภาพในกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของเธอยังสามารถบ่งบอกได้อีกว่า ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดเหตุจนถึงขณะนั้นไม่พบว่าเธอได้เดินทางเข้าออกจากบ้านเลยแม้แต่นิด มีเพียงป้าคนที่ปั่นจักรยานเท่านั้นที่แวะเข้าไปหาในบ้านหลังดังกล่าวในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ อันที่จริงมันก็ไม่แปลกที่คนเก็บได้จะอยากได้เงินและจะคืนให้เฉพาะเอกสาร ใช่ไหมครับแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าผิด คนเป็นเจ้าของเงินก็เสียดาย เงินไม่ใช่น้อยนะ น้องเค้าเลยไปแจ้งความยัง สภ. ของพื้นที่ที่รับผิดชอบ (ที่ไหนน่าจะพอทราบกัน) พร้อมกับนำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดไปแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ผมพูดเลยว่าภาพในกล้องวงจรปิดค่อนข้างจะชัดมาก เมื่อเทียบกับกล้องวงจรปิดของ กทม. ที่ใช้ตามจับกุมตัวผู้วางระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ (ขออนุญาตพาดพิง) แต่ตำรวจกลับพูดแค่ว่า เอกสารก็ได้คืนแล้ว จะแจ้งความเอาอะไร เงินมันหายไปแล้ว ภาพในกล้องก็เห็นไม่ชัด มันเห็นหน้าไม่ชัดจะไปจับเค้าก็ไม่ได้ ร้อยเวรเลยทำให้แค่ลงบันทึกประจำวัน แล้วให้กลับบ้าน
เรื่องมีแค่นี้ครับ ที่ผมสงสัยคือ
1. ร้อยเวรพูดออกมาได้อย่างไรว่า “เอกสารก็ได้คืนแล้วนิ่ จะแจ้งความเอาอะไร” (แต่น้ำเสียงโอเคนะ ไม่ถือว่าพูดจากวนประสาทข้อนี้ไม่ขอตำหนิ) คุณถูกปลูกฝังมาให้ทำงานกันแบบนี้หรือครับ ตำรวจประเทศไทย
2. “เห็นหน้าไม่ชัด จะไปจับเขาได้ยังไง” ผมว่าบุคคลที่ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนในกล้องวงจรปิด ถือเป็นผู้ต้องสงสัยซึ่งต้องถูกเรียกมาให้ปากคำและจับเท็จจากคำให้การได้ไม่ยากถ้าร้อยเวรผู้นั้นมีจิตสาธารณะ และสำนึกในหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดี เพราะถ้าเป็นเงินของลูกเมียคุณหาย และมีหลักฐานขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ปล่อยปละละเลยแบบนี้ หรือคดีแบบนี้ มันไม่ใช่คดีระดับชาติซึ่งทำไปก็โชว์ผลงานไม่ได้ หรือย่างไร.....
อันที่จริงเงินหาย เข้าใจอยู่ว่าต้องทำใจเพราะยากที่จะได้คืน แต่ที่ข้องใจคือ ตำรวจ ทำไมถึงนิ่งเฉย ทั้งๆ ที่ หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ อยากให้ใส่ใจช่วยเหลือเรื่องคดีความของผู้น้อยบ้างนะครับ อย่าเอาแต่ตั้งด่าน คุณบริโภคเงินที่มาจากภาษีของพวกเราทั้งสิ้น
หรือโดยปกติแล้วในกฎหมายระบุว่าการดำเนินคดีลักษณะนี้ไม่สามารถทำได้ หรือผมผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัย ผมไม่ทราบเรื่องข้อกฎหมายยิบย่อยจริงๆ ครับแค่สงสัยว่า ทำไม แค่นั้นเอง