ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะว่า อยู่ๆก็อยากไปกาญจนบุรี
แรกๆเลยคือหาที่พัก เราอยากได้แบบ แพพักตามรีวิวต่างๆ
แต่เสียใจมาก คือเต็มหมด ยันสิ้นปี บางที่ยันต้นปีหน้าเลยทีเดียว
ไปๆมาเลยหาที่พักบ้านเป็นหลัง หาไปหามา จึงได้มารู้จักที่นี่ "สวนธารรีสอร์ท"
สวนธารรีสอร์ท จากที่ดูรีวิวอันน้อยนิดบนเว็บต่างๆ
ทำให้รู้ว่ามีน้ำตกอยู่ภายในรีสอร์ท และมีบ้านพักเป็นหลังๆ แบบที่เราต้องการ
ดังนั้นเราเลยเลือกที่นี่ โดยค่าพัก 2000 บาทต่อคืน
ต่อจากนนั้นจึงเริ่มหารถ ซึ่งเราไปกัน 9 คน ดังนั้นต้องไปรถตู้ ฮ่าๆ
ก็เริ่มหาจากในพันทิปนี่ละ ไปๆมาๆก็เจอเจ้าที่สนใจ เลยลองติดต่อไป
ก็ได้มาในราคาต่อวันที่ 1800 บาท
(ขอบพระคุณพี่คนขับด้วย เพราะพวกเราแวะบ่อยหลายที่ พี่เขาไม่บ่นเลย)
แผนการเดินทางคร่าวๆกัน โดยจุดมุ่งหมายเราอยู่ที่ อ.ไทรโยค นี่คือแพลนของเรา
วันเดินทางเราออกจาก กทม. ประมาณ เจ็ดโมงกว่าๆ
เราถึงกาญ ประมาณสิบโมงหน่อยๆ ด้วยความที่แวะปั๊มบ่อย เลยถึงช้า
แพลนแรกคือ ไปวัดถ้ำเสือ ซึ่ง คนเยอะมาก
ทางขึ้นไปวัดจะมีอยู่สองทางนั้นคือ 1.ขึ้นโดยรถราง (ไม่รู้เค้าเรียกไร เราเรียกว่ารถราง)
ซึ่งมีความหวาดเสียวอยู่เหมือนกัน ค่าตั่วขึ้น 10 บาท รวมทั้งขึ้นและลง
แน่นอนว่า เราเลือกขึ้นทางนี้ เพราะแต่ละคนในทริปก็อายุเยอะๆกันละ ฮ่าๆๆๆ
ทางที่ 2.เดินค่ะ เดินไปเลยย ตามบันได ซึ่งน่าจะเหนื่อยกว่าจะขึ้นไปถึง
วิวข้างบนวัดค่ะ
เราออกจากวัดประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง ก็เดินทางไปยังถ้ำกระแซต่อค่ะ
ระหว่างเดินทาง เราก็คิดกันว่าจะไปกินข้าวแถวนั้น
ไปๆมาๆ ก็ได้มากินข้าวที่นี่ค่ะ "สวนไทรโยค"
บรรยากาศบอกเลยว่า สวยงามมากจริงๆ มีเครื่องเล่นต่างๆให้ด้วย
ซึ่งสวนไทรโยคนี้จะอยู่ติดกับทางรถไฟสายมรณะเลยค่ะ
วิวสวยมาก เราบรรยายไม่ถูก ชมรูปเอาละกันนะคะ
อาหารที่เราทาน หมดไปประมาณ 1600 บาทค่ะ อาหารประมาณ 8-9 อย่าง ค่ะ
แต่ละจานบอกเลยว่า ใหญ่มาก เครื่องเยอะ
รูปนี้อาหารยังมาไม่หมด แต่ถ่ายก่อน เดี๋ยวไม่ได้ถ่าย เนื่องจากแต่ละคนหิวจัดมาก
ใช้เวลาไม่นาน ฟาดเรียบเลยจ๊ะ
เอาละมาดูรูปวิวทิวทัศน์กันต่อกันต่อ
ที่เป็นหลังคาสีแดงนั้นคือ ร้านอาหารที่เรากินกันค่ะ
บรรยากาศรอบๆ
สวนไทรโยคจะอยู่ตรงข้ามเลยกับ บ้านริมแควแพริมน้ำค่ะ
แพที่เห็นคือ แพของบ้านริวแควแพริมน้ำค่ะ จากรูปจะแอบเห็นทางรถไฟด้วย (อิจฉามาก)
(แพของสวนไทรโยคก็มีนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา)
จากนั้นเราก็เดินขึ้นไปข้างบนค่ะ เพื่อเดินไปยังถ้ำกระแซ
ซึ่งเราจะเดินตรงทางรถไฟเลย หวิวมาก ไม่แนะนำสำหรับคนกลัวความสูงค่ะ
วิวมองจากข้างบนค่ะ
ทางที่เราจะเดินไปยังถ้ำกระแซ
หวาดเสียวจริงๆนะ
มองกลับไปยังทางที่เดินมา
ระหว่างเดินก็มีฝนตกมาเล็กน้อย
เราใช้เวลาเดินตามทางรถไฟมายังถ้ำกระแซประมาณ 10 นาที (ประมาณนี้มั้งคะ ฮ่าๆ จำไม่ได้)
ในที่สุดก็ถึง ถ้ำกระแซ
กว่าจะถึงได้ บอกเลยว่า แอบขาสั่น คิดในใจว่า "ตรูตายๆแน่ เดินมาแล้วต้องเดินกลับไปทางเดิม ไม่อยากเดินเลย"
และแล้วสวรรค์ก็มาโปรด ยังไม่ทันไหว้พระเสร็จ รถไฟมาพอดีและกำลังจะออกจาก "สถานีถ้ำกระแซ" ค่า
ในตอนนั้น รีบวิ่งขึ้นรถไฟสิคะ รออะไร ฮ่าๆๆ
โดยไม่รู้ว่ารถไฟจะไปจอดที่ไหน แต่ก็คิดว่า ไม่อยากเดินกลับไปทางเดิม หนูเสียวว
ไม่อยากจะบอก รถไฟฟรีด้วยนะ >< ช่างโชคดีจริงๆ
และแล้วน้องฝนก็ตกลงมา เทลงมาแรงมาก ระหว่างนั่งรถไฟ
ถือเป็นโชคดีของเราอีกครั้งที่ได้นั่ง ไม่งั้นคงต้องเปียกกันเป็นแถวแน่ๆ
แต่เอ๊ะ รถไฟเค้าจะจอดที่สวนไทรโยคหรือเปล่า ไอ่เราก็ไม่รู้ เห็นรถไฟจะออกวิ่งขึ้นอย่างเดียว
บอกเลยลุ้นมากว่าเค้าจะจอดไหม แต่แล้วก็จอดค่า จอดที่สวนไทรโยค ต้นทางที่เราเดินมา โล่งอกไปที
ต่อจากนั้น เราก็เดินทางไปยังน้ำตกไทรโยคน้อยค่า คิดไว้ว่าจะไปเล่นน้ำที่นั้น
แต่บอกเลย ผิดหวังมาก T^T เพราะน้ำน้อยสมชื่อจริงๆค่ะ
เลยเริ่มคิดกันว่าจะทำยังไงดี ไปไทรโยคใหญ่ดีไหม แต่นี่เกือบห้าโมงละนะ
ทำไงๆๆ จนในที่สุด มีมติว่า ในรีสอร์ทเรามีน้ำตกนี่นา ไปเล่นที่นั้นก็ได้
จากนั้นก็เดินทางไป ยังที่พัก ที่มีชื่อว่า "สวนธารรีสอร์ท"
"สวนธาร รีสอร์ท"
นี่คือบ้านพักของเราค่ะ
บ้านพักของเราค่อนข้างเก่า รีสอร์ทเงียบมากๆ เหมือนไม่มีคนพักเลย
แอบน่ากลัวเหมือนกัน เพราะมันเก่าและเงียบ แต่บรรยากาศดีมากค่ะ สำหรับเรานะ แต่คนในทริปเราไม่รู้ว่าคิดไง ฮ่าๆๆ
ส่วนตัวเราคิดว่า ถ้าเขาปรับปรุงที่พักให้ดี และดูแลสถานที่หน่อย
เราคิดว่า มันจะสวยงามมากเลยทีเดียว สำหรับที่นี่
เย็นนี้เรากินอาหารกันที่รีสอร์ทค่ะ ราคาจำไม่ได้น่าจะประมาณพันนิดๆ
รสชาติอาหาร ก็พอประมาณทั่วๆไป เฉยๆ
กลับมาเข้าเรื่อง เราไปถึงที่พักก็จัดแจง เก็บของและก็เดินไปยังน้ำตกค่ะ
สอบถามพี่ๆที่ทำงานที่นั้น เขาบอกว่าเดินไปไม่ไกลไม่ใกล้ หลังรีสอร์ทเลย
เราก็เดินตามทางเข้าไปค่ะ ป่าไม้ทั้งนั้น ร่มรื่น แต่ก็น่ากลัว หน่อยๆเพราะไม่มีใครนอกจากพวกเรา
ตามทางเดินค่ะ
และในที่สุดเราก็มาถึง น้ำตกค่ะ
น้ำตกพอเล่นได้ค่ะ น้ำเยอะดี แต่ว่าต้นไม้เยอะ หญ้าเยอะ เหมือนไม่ค่อยมีใครมา
ถือว่าธรรมชาติเลยทีเดียว ฮ่าๆ แต่ก็เล่นค่ะ มาถึงนี่แล้ว
ถึงจะแอบผิดหวังไปหน่อย แต่ก็ยังสนุกอยู่ไม่น้อยค่ะ
มาดูบรรยากาศรอบๆรีสอร์ทกันดีกว่าค่ะ จะเห็นว่าบรรยากาศดี เสียแต่ว่าโทรมไปนิด T^T
อยากให้ปรับปรุงที่พักจริงๆค่ะ เพราะ บรรยากาศดีมากจริงๆ
ข้างที่พักของเราจะมีลำธารไหลค่ะ ตอนกลางคืนหลับสบายเพราะมีเสียงน้ำให้ฟังทั้งคืน
รอบๆรีสอร์ทค่ะ จะมีลำธารไหลเล็กๆไหลเป็นสายเลยค่ะ
เช้าวันที่ 2 เราออกจากรีสอร์ทประมาณ 9 โมง นี่คือแพลนของเราวันนี้
เราออกเดินทางไปถ้ำดาวดึงส์ ซึ่งเราไปเช้า จึงเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไป
จนท. จะเป็นคนนำทางเราขึ้นถ้ำ ซึ่ง จนท.บอกว่า เดินขึ้นไปไม่ไกล ประมาณกิโลนึง
ทางเดินจะชันและลื่นมาก เพราะฝนตกไปเมื่อวาน ให้เดินระวังๆ
กว่าจะเดินขึ้นไปถึง บอกเลยว่าระยะทางมากกว่า 1 กิโล แน่ๆ เหนื่อยมาก ฮ่าๆๆๆ
ถึงแล้ววนะ
ปากทางเข้าถ้ำ มุดได้ทีละคน
อยากจะบอกว่าทางลงถ้ำลื่นมาก และจะสารภาพว่า จขกท. ลื่นก้นกระแทกเหมือนกัน
ใครจะไปหารองเท้าพื้นยางดีๆนะ ทรงตัวให้ดี ไม่งั้น ก้นกระแทกเหมือน จขกท. แน่ๆ
ภายในถ้ำสวยงามค่ะ หินงอกหินย้อย จนท. ก็จะแนะนำหินต่างๆให้ เราฟังค่ะ
มีค้างคาวด้วยนะจิบอกให้
จากนั้นก็เดินกลับไปที่รถค่ะ ทางเดินลื่นมาก แนะนำรองเท้าพื้นดีๆเช่นกันค่ะ
จขกท. นอกจากจะลื่นในถ้ำแล้วยังลื่นตามทางลงอีกด้วย T^T
[CR] ทริปนี้ที่...กาญจนบุรี 2วัน 1คืน
แรกๆเลยคือหาที่พัก เราอยากได้แบบ แพพักตามรีวิวต่างๆ
แต่เสียใจมาก คือเต็มหมด ยันสิ้นปี บางที่ยันต้นปีหน้าเลยทีเดียว
ไปๆมาเลยหาที่พักบ้านเป็นหลัง หาไปหามา จึงได้มารู้จักที่นี่ "สวนธารรีสอร์ท"
สวนธารรีสอร์ท จากที่ดูรีวิวอันน้อยนิดบนเว็บต่างๆ
ทำให้รู้ว่ามีน้ำตกอยู่ภายในรีสอร์ท และมีบ้านพักเป็นหลังๆ แบบที่เราต้องการ
ดังนั้นเราเลยเลือกที่นี่ โดยค่าพัก 2000 บาทต่อคืน
ต่อจากนนั้นจึงเริ่มหารถ ซึ่งเราไปกัน 9 คน ดังนั้นต้องไปรถตู้ ฮ่าๆ
ก็เริ่มหาจากในพันทิปนี่ละ ไปๆมาๆก็เจอเจ้าที่สนใจ เลยลองติดต่อไป
ก็ได้มาในราคาต่อวันที่ 1800 บาท
(ขอบพระคุณพี่คนขับด้วย เพราะพวกเราแวะบ่อยหลายที่ พี่เขาไม่บ่นเลย)
วันเดินทางเราออกจาก กทม. ประมาณ เจ็ดโมงกว่าๆ
เราถึงกาญ ประมาณสิบโมงหน่อยๆ ด้วยความที่แวะปั๊มบ่อย เลยถึงช้า
แพลนแรกคือ ไปวัดถ้ำเสือ ซึ่ง คนเยอะมาก
ทางขึ้นไปวัดจะมีอยู่สองทางนั้นคือ 1.ขึ้นโดยรถราง (ไม่รู้เค้าเรียกไร เราเรียกว่ารถราง)
ซึ่งมีความหวาดเสียวอยู่เหมือนกัน ค่าตั่วขึ้น 10 บาท รวมทั้งขึ้นและลง
แน่นอนว่า เราเลือกขึ้นทางนี้ เพราะแต่ละคนในทริปก็อายุเยอะๆกันละ ฮ่าๆๆๆ
ทางที่ 2.เดินค่ะ เดินไปเลยย ตามบันได ซึ่งน่าจะเหนื่อยกว่าจะขึ้นไปถึง
วิวข้างบนวัดค่ะ
เราออกจากวัดประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง ก็เดินทางไปยังถ้ำกระแซต่อค่ะ
ระหว่างเดินทาง เราก็คิดกันว่าจะไปกินข้าวแถวนั้น
ไปๆมาๆ ก็ได้มากินข้าวที่นี่ค่ะ "สวนไทรโยค"
บรรยากาศบอกเลยว่า สวยงามมากจริงๆ มีเครื่องเล่นต่างๆให้ด้วย
ซึ่งสวนไทรโยคนี้จะอยู่ติดกับทางรถไฟสายมรณะเลยค่ะ
วิวสวยมาก เราบรรยายไม่ถูก ชมรูปเอาละกันนะคะ
อาหารที่เราทาน หมดไปประมาณ 1600 บาทค่ะ อาหารประมาณ 8-9 อย่าง ค่ะ
แต่ละจานบอกเลยว่า ใหญ่มาก เครื่องเยอะ
รูปนี้อาหารยังมาไม่หมด แต่ถ่ายก่อน เดี๋ยวไม่ได้ถ่าย เนื่องจากแต่ละคนหิวจัดมาก
ใช้เวลาไม่นาน ฟาดเรียบเลยจ๊ะ
เอาละมาดูรูปวิวทิวทัศน์กันต่อกันต่อ
ที่เป็นหลังคาสีแดงนั้นคือ ร้านอาหารที่เรากินกันค่ะ
บรรยากาศรอบๆ
สวนไทรโยคจะอยู่ตรงข้ามเลยกับ บ้านริมแควแพริมน้ำค่ะ
แพที่เห็นคือ แพของบ้านริวแควแพริมน้ำค่ะ จากรูปจะแอบเห็นทางรถไฟด้วย (อิจฉามาก)
(แพของสวนไทรโยคก็มีนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา)
จากนั้นเราก็เดินขึ้นไปข้างบนค่ะ เพื่อเดินไปยังถ้ำกระแซ
ซึ่งเราจะเดินตรงทางรถไฟเลย หวิวมาก ไม่แนะนำสำหรับคนกลัวความสูงค่ะ
วิวมองจากข้างบนค่ะ
ทางที่เราจะเดินไปยังถ้ำกระแซ
หวาดเสียวจริงๆนะ
มองกลับไปยังทางที่เดินมา
ระหว่างเดินก็มีฝนตกมาเล็กน้อย
เราใช้เวลาเดินตามทางรถไฟมายังถ้ำกระแซประมาณ 10 นาที (ประมาณนี้มั้งคะ ฮ่าๆ จำไม่ได้)
ในที่สุดก็ถึง ถ้ำกระแซ
กว่าจะถึงได้ บอกเลยว่า แอบขาสั่น คิดในใจว่า "ตรูตายๆแน่ เดินมาแล้วต้องเดินกลับไปทางเดิม ไม่อยากเดินเลย"
และแล้วสวรรค์ก็มาโปรด ยังไม่ทันไหว้พระเสร็จ รถไฟมาพอดีและกำลังจะออกจาก "สถานีถ้ำกระแซ" ค่า
ในตอนนั้น รีบวิ่งขึ้นรถไฟสิคะ รออะไร ฮ่าๆๆ
โดยไม่รู้ว่ารถไฟจะไปจอดที่ไหน แต่ก็คิดว่า ไม่อยากเดินกลับไปทางเดิม หนูเสียวว
ไม่อยากจะบอก รถไฟฟรีด้วยนะ >< ช่างโชคดีจริงๆ
และแล้วน้องฝนก็ตกลงมา เทลงมาแรงมาก ระหว่างนั่งรถไฟ
ถือเป็นโชคดีของเราอีกครั้งที่ได้นั่ง ไม่งั้นคงต้องเปียกกันเป็นแถวแน่ๆ
แต่เอ๊ะ รถไฟเค้าจะจอดที่สวนไทรโยคหรือเปล่า ไอ่เราก็ไม่รู้ เห็นรถไฟจะออกวิ่งขึ้นอย่างเดียว
บอกเลยลุ้นมากว่าเค้าจะจอดไหม แต่แล้วก็จอดค่า จอดที่สวนไทรโยค ต้นทางที่เราเดินมา โล่งอกไปที
แต่บอกเลย ผิดหวังมาก T^T เพราะน้ำน้อยสมชื่อจริงๆค่ะ
เลยเริ่มคิดกันว่าจะทำยังไงดี ไปไทรโยคใหญ่ดีไหม แต่นี่เกือบห้าโมงละนะ
ทำไงๆๆ จนในที่สุด มีมติว่า ในรีสอร์ทเรามีน้ำตกนี่นา ไปเล่นที่นั้นก็ได้
จากนั้นก็เดินทางไป ยังที่พัก ที่มีชื่อว่า "สวนธารรีสอร์ท"
นี่คือบ้านพักของเราค่ะ
บ้านพักของเราค่อนข้างเก่า รีสอร์ทเงียบมากๆ เหมือนไม่มีคนพักเลย
แอบน่ากลัวเหมือนกัน เพราะมันเก่าและเงียบ แต่บรรยากาศดีมากค่ะ สำหรับเรานะ แต่คนในทริปเราไม่รู้ว่าคิดไง ฮ่าๆๆ
ส่วนตัวเราคิดว่า ถ้าเขาปรับปรุงที่พักให้ดี และดูแลสถานที่หน่อย
เราคิดว่า มันจะสวยงามมากเลยทีเดียว สำหรับที่นี่
เย็นนี้เรากินอาหารกันที่รีสอร์ทค่ะ ราคาจำไม่ได้น่าจะประมาณพันนิดๆ
รสชาติอาหาร ก็พอประมาณทั่วๆไป เฉยๆ
สอบถามพี่ๆที่ทำงานที่นั้น เขาบอกว่าเดินไปไม่ไกลไม่ใกล้ หลังรีสอร์ทเลย
เราก็เดินตามทางเข้าไปค่ะ ป่าไม้ทั้งนั้น ร่มรื่น แต่ก็น่ากลัว หน่อยๆเพราะไม่มีใครนอกจากพวกเรา
ตามทางเดินค่ะ
และในที่สุดเราก็มาถึง น้ำตกค่ะ
น้ำตกพอเล่นได้ค่ะ น้ำเยอะดี แต่ว่าต้นไม้เยอะ หญ้าเยอะ เหมือนไม่ค่อยมีใครมา
ถือว่าธรรมชาติเลยทีเดียว ฮ่าๆ แต่ก็เล่นค่ะ มาถึงนี่แล้ว
ถึงจะแอบผิดหวังไปหน่อย แต่ก็ยังสนุกอยู่ไม่น้อยค่ะ
มาดูบรรยากาศรอบๆรีสอร์ทกันดีกว่าค่ะ จะเห็นว่าบรรยากาศดี เสียแต่ว่าโทรมไปนิด T^T
อยากให้ปรับปรุงที่พักจริงๆค่ะ เพราะ บรรยากาศดีมากจริงๆ
ข้างที่พักของเราจะมีลำธารไหลค่ะ ตอนกลางคืนหลับสบายเพราะมีเสียงน้ำให้ฟังทั้งคืน
รอบๆรีสอร์ทค่ะ จะมีลำธารไหลเล็กๆไหลเป็นสายเลยค่ะ
เราออกเดินทางไปถ้ำดาวดึงส์ ซึ่งเราไปเช้า จึงเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไป
จนท. จะเป็นคนนำทางเราขึ้นถ้ำ ซึ่ง จนท.บอกว่า เดินขึ้นไปไม่ไกล ประมาณกิโลนึง
ทางเดินจะชันและลื่นมาก เพราะฝนตกไปเมื่อวาน ให้เดินระวังๆ
กว่าจะเดินขึ้นไปถึง บอกเลยว่าระยะทางมากกว่า 1 กิโล แน่ๆ เหนื่อยมาก ฮ่าๆๆๆ
ถึงแล้ววนะ
ปากทางเข้าถ้ำ มุดได้ทีละคน
อยากจะบอกว่าทางลงถ้ำลื่นมาก และจะสารภาพว่า จขกท. ลื่นก้นกระแทกเหมือนกัน
ใครจะไปหารองเท้าพื้นยางดีๆนะ ทรงตัวให้ดี ไม่งั้น ก้นกระแทกเหมือน จขกท. แน่ๆ
ภายในถ้ำสวยงามค่ะ หินงอกหินย้อย จนท. ก็จะแนะนำหินต่างๆให้ เราฟังค่ะ
มีค้างคาวด้วยนะจิบอกให้
จากนั้นก็เดินกลับไปที่รถค่ะ ทางเดินลื่นมาก แนะนำรองเท้าพื้นดีๆเช่นกันค่ะ
จขกท. นอกจากจะลื่นในถ้ำแล้วยังลื่นตามทางลงอีกด้วย T^T