แวะเซี่ยงไฮ้ ไปนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง

สมัครพันทิปมาพักหนึ่งแล้ว อยากลองโพสต์อะไรบ้าง แต่ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร เลยไปขอเรื่องของเพื่อนมาแชร์ค่ะ เพราะเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังสนใจและอยากนั่งอยู่เลย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-----------------------------------------------------
ปลายเดือนที่แล้วมีโอกาสเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ แว่บแรกที่ได้เห็นใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็รู้สึกว่าความเจริญไม่ค่อยต่างจากเมืองใหญ่ ๆ ในแถบยุโรปหรืออเมริกาเลย จะต่างก็แค่ผู้คนที่หน้าตาแบบเรา ๆ  




เซี่ยงไฮ้แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเมืองเก่ากับฝั่งเมืองใหม่ มีแม่น้ำคั่นกลาง เหมือน ๆ กับฝั่งกรุงเทพฯ กับฝั่งธนบุรีบ้านเรานั่นเอง โดยทั้งสองฝั่งมีความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมอย่างชัดเจน

การเดินทางระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ ก็มีเส้นทางรถยนต์เข้าอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำ ทำให้เห็นวิศวกรรมการก่อสร้างที่ล้ำหน้าของจีน



ฝั่งเมืองเก่าจะมีกลิ่นอายความเก๋าอยู่ (นึกถึงซีรี่ส์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้) เป็นฝั่งที่ตั้งของที่อยู่อาศัย เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง รวมทั้งคอนโดรุ่นเก่า เป็นเสน่ห์เร้าใจเรามาก เห็นแล้วนึกย้อนไปถึงยุค 60s - 70s







ตอนนั่งรถผ่านย่านต่าง ๆ ในฝั่งเมืองเก่านี้ ก็ได้เจอะเจอกับ Street Fashion ของแท้แบบแปลกตาตรึงใจ ทั้งเสื้อผ้าทั่วไปและชุดชั้นในทั้งส่วนบนและส่วนล่างของบุรุษและสตรี ที่แขวนตากแดดเรียงรายอยู่ริมถนนอย่างไม่แคร์สายตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ตากกันตั้งแต่หน้าบ้านยันป้ายรถเมล เห็นครั้งแรกก็รู้สึกตะลึงพรึงเพริด นึกในใจว่า “เฮ้ย ตากกันอย่างนี้เลยรึ” คนเดินถนนก็รอดทั้งกางเกงในและยกทรงกันอย่างเฉยชา นี่ถ้าเป็นบ้านเรา คงได้มีของขลังเสื่อมกันมั่งหละ ^^ แต่พอนั่งรถผ่านมาเรื่อย ๆ ก็จะชินตาไปเอง เพราะมีอยู่ทุกที่ทุกมุมตึกก็ว่าได้ พอชินแล้ว ก็อาจจะรู้สึกว่า เออ ก็เกร๋ไกร๋ไปอีกแบบเนอะ หาดูไม่ได้ในบ้านเรา ^^




แต่หากข้ามฟากมาฝั่งเมืองใหม่ ก็จะเหมือนอยู่คนละโลกเลย ฝั่งนี้มีการวางผังเมืองที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ไม่ต่างกับเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปหรืออเมริกา มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมู่ตึก อาคารออฟฟิศสมัยใหม่ สูงเสียดฟ้า ต้องเงยหน้าตั้งฉากเพื่อให้เห็นความงดงามของยอดตึก ฝั่งนี้จะไม่เห็นที่พักอาศัยเลย ถูกออกแบบให้เป็นย่านธุรกิจสมัยใหม่โดยเฉพาะ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฝั่งนี้เพิ่งถูกพัฒนาเมื่อประมาณ 20 กว่าปีมานี้เอง จึงสามารถวางผังเมืองอย่างเป็นระบบระเบียบได้ตามปรารถนา




เราไปเซี่ยงไฮ้ในช่วงที่ใกล้วันหยุดยาวฉลองวันชาติประจำปี ผู้คนอาจจะเริ่มลางานกันบ้างแล้ว จึงไม่ค่อยได้สัมผัสกับการจราจรอันหนาแน่นคับคั่งดั่งคำร่ำลือเท่าใดนัก ที่พบเจอ ก็ติดขัดสาหัสแบบไม่ต่างจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรบ้านเราสักเท่าไร แต่ที่ต่างกันมากเห็นจะเป็นตรงที่ เซี่ยงไฮ้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีระบบรถโดยสารสาธารณะที่ดีที่สุดในประเทศจีน



มีทั้งแท็กซี่ รถเมลโดยสารที่ผู้คนนั่ง-ยืนแบบสบาย ๆ ไม่เบียดเสียด และขนส่งแบบรางที่มีทั้งรถไฟใต้ดินธรรมดาอย่าง MRT บ้านเรา รถไฟฟ้าพลังแม่เหล็กหรือ Maglev ที่เป็นรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดโลก ไปจนถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างเมือง




ไหน ๆ ก็มาถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว เมืองที่มีรถไฟพลังแม่เหล็กที่ขึ้นชื่อ พวกเราก็อยากสัมผัสประสบการณ์ความเร็วสูงสุดในโลกกันสักหน่อย แต่ด้วยเวลาที่ไม่ลงตัว เราจึงต้องเปลี่ยนแผนไปขึ้นรถไฟหัวกระสุนหรือรถไฟฟ้าความเร็วสูงแทน ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะมีแนวโน้มว่าประเทศไทยอาจจะนำโครงการนี้มาทำในไม่ช้าไม่นาน (ถ้าไม่ได้ฝันไป ^^)




ด้วยความที่มีเวลาจำกัด จึงโดยสารได้แค่ในระยะสั้น ๆ คณะเราขึ้นจากสถานีหงเฉียว ในเขตมหานครเซี่ยงไฮ้ ไปยังเมืองหังโจว ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของจีน หรือที่รู้จักกันว่าเป็นสวรรค์บนดิน อยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ราว ๆ 190 กิโลเมตร นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปไม่ทันถึงชั่วโมง จอดแค่สองสถานีก็ถึง











พวกเราโชคดีหน่อยที่มีคนจัดการเรื่องตั๋วและเลือกที่นั่งให้ จึงได้ใช้บริการชั้นดีที่สุด (ที่นั่นเรียกว่า ชั้น Business) หรือเทียบกับชั้นที่เรียกว่า First Class ในบ้านเรา ซึ่งเมื่อขึ้นรถมาก็รู้สึกว่าอลังการกว่าที่คิด ห้องโดยสารกว้าง จำนวนที่นั่งน้อย เบาะหนังกว้างขวาง มีที่ด้านหน้าให้เหยียดขาได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเตะที่นั่งของคนข้างหน้า มีปุ่มปรับเอนนอน ที่วางของพับเก็บได้ พร้อมจอมอนิเตอร์ทีวีส่วนตัว เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับนักธุรกิจหรือคนที่ต้องการพักผ่อนจริง ๆ โดยเก้าอี้นั่งยังสามารถปรับหมุนเข้าหากันได้ หากมาเป็นหมู่คณะก็ปรับให้หันหน้ามาคุยกันหรือเจรจาธุรกิจการค้าได้อย่างใกล้ชิด





นอกจากนี้ยังมีพนักงานบริการเครื่องดื่มเหมือนแอร์โฮสเตสบนเครื่องบิน มีห้องน้ำที่กว้างกว่าบนเครื่องบินนิดนึง แต่ที่ดีกว่าเครื่องบินอย่างเห็นได้ชัดคือ พื้นที่ที่สามารถเดินไปหากันได้อย่างสบาย ไม่ต้องนั่งคุดคู้อยู่แต่ที่เก้าอี้ของตัวเอง แถมได้ชมวิวทิวทัศน์ข้างทางอย่างไม่น่าเบื่ออีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินทางไกล ๆ ที่ใช้ระยะเวลานาน





รถไฟขบวนที่เรานั่ง วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วคงที่แบบนี้ตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ที่ 280 – 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่นิ่มและนิ่งมากทีเดียว ไม่โคลงเคลง ไม่สะเทือน ลองทดสอบด้วยการเอาขวดน้ำวางไว้ เพื่อดูอาการสั่นสะเทือน แทบไม่พบเลย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ส่วนตัวแล้ว เรายกสองนิ้วโป้งให้ thumbs up เลยนะกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงหัวกระสุนเนี่ย เลิศอ่ะขอบอก นี่ถ้ารัฐบาลเมืองไทยเปิดโหวตว่าจะให้สร้างหรือไม่ให้สร้าง เราเชียร์สุดฤทธิ์ให้สร้างแน่นอนที่สุดเลย เราว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงเนี่ยเหมาะกับคนไทย เพราะเป็นพวกนักเดินทาง ชอบเดินทาง ไม่ว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือคนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่เดียว







เราว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงสบายกว่าเครื่องบิน เดินยืดเส้นยืดสายระหว่างการเดินทางได้ มีทิวทัศน์ข้างนอกให้มอง มีความนิ่มและความนิ่งในการเดินรถดีกว่ารถทัวร์ รถไฟธรรมดา และเครื่องบิน เพราะไม่มีปัญหาเรื่องการโคลงเคลง ระยะเบรค การตกหลุมอากาศ ความเสียวตอนออกตัวและหยุดตัว ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าล้อจะกระแทกพื้นแรง ปัญหาเรื่องความกดอากาศก็น้อยกว่าเครื่องบิน ไม่ต้องกังวลเรื่องหูอื้อหรืออาการปวดหู ความเงียบก็แซงหน้า

ที่สำคัญคือความปลอดภัยสูงกว่าการเดินทางโดยรถยนต์และเครื่องบิน

จุดเด่นที่สุดคือเรื่องของความตรงต่อเวลา เป๊ะมาก (แต่อันนี้พอมาเมืองไทยแล้วจะยังเป๊ะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าทั่วโลกเค้าเป๊ะกันหมด เมืองไทยจะแหกคอกอยู่ที่เดียว ก็ให้มันรู้ไป ^^)




ด้านราคาเราก็ไม่รู้ว่าพอเมืองไทยมาทำแล้วจะเป็นยังไง แต่ก็คิดว่าไม่น่าและไม่ควรจะสูง เพื่อให้คนส่วนใหญ่มีสิทธิใช้บริการได้ แถมยังต้องแข่งขันกับทั้งเครื่องบิน รถทัวร์ และรถไฟธรรมดา

ที่แน่ ๆ ในจีนราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าความเร็วสูงไม่สูงจนแตะต้องไม่ถึง เป็นราคาที่คนส่วนใหญ่จ่ายได้ เพราะรัฐบาลถือว่าเป็นระบบขนส่งเพื่อประชาชนจึงควบคุมราคาให้เหมาะสมและไม่มีนโยบายขึ้นราคา ได้ฟังคนที่นั่นเล่าอย่างนี้แล้วรู้สึกดีว่า รัฐบาลของเขาห่วงใยประชาชนอย่างจริงจัง ใช้เงินลงทุนสูงกับสาธารณูปโภคชั้นสูง แต่คิดราคาไม่แพงและไม่คาดหวังผลกำไรสูงกลับมา อยากให้เมืองไทยคิดได้แบบนี้บ้างจัง เราจะได้มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงกันซะที



[ราคาตั๋ว 219.5 หยวน ขึ้นจากสถานีหงเฉียว ไปลงสถานีหังโจว ตรงที่เป็น XXXXX นั่นคือชื่อผู้โดยสาร ตรง QR Code นั่น เมื่อเอาไปส่องกับเครื่องอ่าน QR Code แล้วจะเห็นรายละเอียดของเที่ยวโดยสารทั้งหมด ตลอดจนแผนที่ที่จะพาเราไปยังประตูทางขึ้นรถไฟด้วย สะดวกและไฮเทคสุด ๆ อ้ะ]

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่