จากเรื่องจริงในปี 1974 เมื่อชายหนุ่มชาวฝรั่งเศส ฟิลิปป์ เปอติต์ นักกายกรรมเปิดหมวกข้างถนน กับความฝันที่จะเดินบนเส้นลวดที่ขึงระหว่างตึกแฝดเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ที่กำลังจะสร้างเสร็จ แต่จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยการฝึกฝน การวางแผน การคำนวนและออกแบบทางวิทยาศาสตร์ และอุปสรรค์ที่อาจมาโดยไม่คาดคิด ตลอดจนต้องอาศัยความกล้า เอาชนะความกลัวที่จะก้าวออกไปยืนบนเส้นลวดที่ขึงบนความสูงที่สูงที่สุดในโลก หนำซ้ำยังเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายอีกด้วย
ผลงานล่าสุดของโรเบิร์ต เซเมคิส ที่ทำออกมาให้คนที่กลัวความสูงหวาดเสียว หวิวๆ และหายใจไม่ทั่วท้องไปตามๆกัน จากเนื้อหาเดียวกันกับ Man on Wire เจ้าของรางวัลออสการ์ สารคดียอดเยี่ยมในปี 2009 แต่เอามาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ และทำออกมาให้ลุ้น ให้ทึ่ง ให้อึ้ง ให้เสียว ได้มากกว่า เพราะเป็นการผสมผสานทั้งเทคนิคพิเศษที่สมจริง การเล่าเรื่อง การกำกับ การแสดง และการดัดแปลงเรื่องราวให้ดูสนุก ตื่นเต้น มีที่มาที่ไปมากขึ้น แม้หนังจะใช้รูปแบบการเล่าเรื่อง แบบเป็นตัวละครพูดกับกล้องตรงๆ แล้วจึงตัดให้เห็นภาพของเรื่องที่กำลังเล่า ซึ่งเป็นลักษณะการเล่าเรื่องแบบสารคดีก็ตาม
โดน 1: การแสดงของโจเซฟ กอร์ดอน ลิวอิส ซึ่งมีหลายมิติ ทั้งทางกายภาพ ที่ต้องมีทั้งความคล่องตัวและสมจริงในการเล่นกายกรรมหลากหลายชนิด และบุคลิคหน้าตาสำเนียง ที่ต้องกลายเป็นคนฝรั่งเศส และทางด้านจิตใจ ที่จะต้องแสดงความนิ่ง สมาธิ เชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังทำ ความยินดีกับความสำเร็จ ปนกับความปลาบปลื้มใจ และขอบคุณคนที่ได้ดูโชว์ของเขา รางวัลการแสดงปลายปีนี้ จองที่นั่งล่วงหน้าให้เขาได้ 1 ที่ไว้เลย
โดน 2: การกำกับภาพที่ผสมผสานกับเทคนิคพิเศษเกิดเป็นภาพนิวยอร์คในมุมสูงได้อย่างสมจริง การเคลื่อนกล้องผ่านด้านบนของตัวละครที่กำลังอยู่บนเส้นลวด การใช้ภาพแทนสายตาตัวละครขณะมองตึกเวิล์ดเทรดเซนเตอร์ ช่วยตอกย้ำถึงความสูงของตึก ช่วยเพิ่มความลุ้น และหวาดเสียวให้กับหนัง โดยไม่ต้องมีแอ็กชั่นอื่นๆเลย
โดน 3: การกำกับของโรเบิร์ต เซเมคิส จากอดีตผู้กำกับที่บ้าพลัง โชว์เทคนิคพิเศษในหนังมาตลอด มาเป็นผู้กำกับที่ใช้เทคนิคพิเศษที่ช่วยสร้างความสมจริงให้หนังดูแนบเนียนยิ่งขึ้นในผลงานระยะหลัง ในขณะเดียวกัน ก็เป็นผู้กำกับที่เล่าเรื่องได้เก่ง กำกับอารมณ์คนดูได้ดีอีกด้วย ซึ่งส่วนตัว ยกให้งานชิ้นนี้อยู่ในระดับเดียวกับงานอย่าง Contact หรือ Back to the Future เลยทีเดียว (เหนือกว่า Forrest Gump, What Lie Beneath, Cast Away, Who Framed Roger Rabbit, Polar Express, etc)
โดน 4: นักแสดงสมทบ ผู้ร่วมก่อการกับพระเอกทั้งหลาย บทเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่เล่นได้เข้าขากันทุกคน รวมถึงเบน คิงส์ลีย์ ที่เป็นนักแสดงที่พอคุ้นตาบ้าง ในขณะที่คนอื่นๆไม่รู้จักเลย แต่การที่ใช้นักแสดงที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักมาเล่น สิ่งที่ตามมาคือคนดูเชื่อถือในตัวละคร และเดาเรื่องราวไม่ถูก ว่าใครจะทำอะไรผิดพลาดตรงไหน
โดน5: หนังเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ดูสนุก ลุ้น ไม่เฉพาะฉากไต่เชือก แต่กับฉากทั่วๆไป ก็ยังดูสนุก
โดน 6: การดูหนังเรื่องนี้ในระบบ IMAX 3D ยิ่งเพิ่มความน่าดูให้กับหนังขึ้นไปอีก ด้วยภาพที่ดูยิ่งใหญ่ขึ้น ลึกขึ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับหนัง IMAX ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานและเน้นความสูง ความยิ่งใหญ่เหมือนกัน อย่าง Everest ปรากฏว่า The Walk กินขาดทั้งด้านเนื้อหา การถ่ายทำ หรือการใช้ประโยชน์จาก IMAX ได้อย่างเต็มที่ (ทั้งสองเรื่อง รวมกับหนังที่ควรดู IMAX เรื่องอื่นๆ เช่น Jurassic World ทำให้รู้สึกว่าปีนี้ หนัง IMAX 3D มาแรงจริงๆ
โดน 7: นอกเหนือจากความตื่นเต้นแล้ว หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังที่บอกรักนิวยอร์ค และตึกเวิล์ดเทรด เซนเตอร์ได้อย่างงดงาม โดยการให้เห็นภาพตึกตั้งแต่หลังสร้างเสร็จใหม่ๆ และหลังการเดินบนเส้นลวดที่ทำให้ตึกนี้งดงาม มีชื่อเสียง และเป็นที่รักของคนทั่วโลก และการให้เห็นภาพตึกในหลายๆมุม (ซึ่งเป็นฉากและเทคนิคพิเศษล้วนๆ เนื่องจากปัจจุบัน ตึกเหลือเพียงแต่ชื่อภายหลังเหตุการณ์ 911) รวมถึงการจับภาพตึกแฝดสองตึกยืนผงาดคู่กัน เป็นการบอกรักและอำลาตึกแฝดอย่างสวยงาม
ติดตามอ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเจ้าของกระทู้ได้ที่
https://m.facebook.com/MovieReviewByPong?refsrc=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F
รีวิวหนัง The Walk: ยิ่งสูงยิ่งเห็น..ยิ่งสูงยิ่งมองได้ไกล (สปอยด์เท่าตัวอย่างหนัง)
ผลงานล่าสุดของโรเบิร์ต เซเมคิส ที่ทำออกมาให้คนที่กลัวความสูงหวาดเสียว หวิวๆ และหายใจไม่ทั่วท้องไปตามๆกัน จากเนื้อหาเดียวกันกับ Man on Wire เจ้าของรางวัลออสการ์ สารคดียอดเยี่ยมในปี 2009 แต่เอามาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ และทำออกมาให้ลุ้น ให้ทึ่ง ให้อึ้ง ให้เสียว ได้มากกว่า เพราะเป็นการผสมผสานทั้งเทคนิคพิเศษที่สมจริง การเล่าเรื่อง การกำกับ การแสดง และการดัดแปลงเรื่องราวให้ดูสนุก ตื่นเต้น มีที่มาที่ไปมากขึ้น แม้หนังจะใช้รูปแบบการเล่าเรื่อง แบบเป็นตัวละครพูดกับกล้องตรงๆ แล้วจึงตัดให้เห็นภาพของเรื่องที่กำลังเล่า ซึ่งเป็นลักษณะการเล่าเรื่องแบบสารคดีก็ตาม
โดน 1: การแสดงของโจเซฟ กอร์ดอน ลิวอิส ซึ่งมีหลายมิติ ทั้งทางกายภาพ ที่ต้องมีทั้งความคล่องตัวและสมจริงในการเล่นกายกรรมหลากหลายชนิด และบุคลิคหน้าตาสำเนียง ที่ต้องกลายเป็นคนฝรั่งเศส และทางด้านจิตใจ ที่จะต้องแสดงความนิ่ง สมาธิ เชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังทำ ความยินดีกับความสำเร็จ ปนกับความปลาบปลื้มใจ และขอบคุณคนที่ได้ดูโชว์ของเขา รางวัลการแสดงปลายปีนี้ จองที่นั่งล่วงหน้าให้เขาได้ 1 ที่ไว้เลย
โดน 2: การกำกับภาพที่ผสมผสานกับเทคนิคพิเศษเกิดเป็นภาพนิวยอร์คในมุมสูงได้อย่างสมจริง การเคลื่อนกล้องผ่านด้านบนของตัวละครที่กำลังอยู่บนเส้นลวด การใช้ภาพแทนสายตาตัวละครขณะมองตึกเวิล์ดเทรดเซนเตอร์ ช่วยตอกย้ำถึงความสูงของตึก ช่วยเพิ่มความลุ้น และหวาดเสียวให้กับหนัง โดยไม่ต้องมีแอ็กชั่นอื่นๆเลย
โดน 3: การกำกับของโรเบิร์ต เซเมคิส จากอดีตผู้กำกับที่บ้าพลัง โชว์เทคนิคพิเศษในหนังมาตลอด มาเป็นผู้กำกับที่ใช้เทคนิคพิเศษที่ช่วยสร้างความสมจริงให้หนังดูแนบเนียนยิ่งขึ้นในผลงานระยะหลัง ในขณะเดียวกัน ก็เป็นผู้กำกับที่เล่าเรื่องได้เก่ง กำกับอารมณ์คนดูได้ดีอีกด้วย ซึ่งส่วนตัว ยกให้งานชิ้นนี้อยู่ในระดับเดียวกับงานอย่าง Contact หรือ Back to the Future เลยทีเดียว (เหนือกว่า Forrest Gump, What Lie Beneath, Cast Away, Who Framed Roger Rabbit, Polar Express, etc)
โดน 4: นักแสดงสมทบ ผู้ร่วมก่อการกับพระเอกทั้งหลาย บทเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่เล่นได้เข้าขากันทุกคน รวมถึงเบน คิงส์ลีย์ ที่เป็นนักแสดงที่พอคุ้นตาบ้าง ในขณะที่คนอื่นๆไม่รู้จักเลย แต่การที่ใช้นักแสดงที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักมาเล่น สิ่งที่ตามมาคือคนดูเชื่อถือในตัวละคร และเดาเรื่องราวไม่ถูก ว่าใครจะทำอะไรผิดพลาดตรงไหน
โดน5: หนังเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ดูสนุก ลุ้น ไม่เฉพาะฉากไต่เชือก แต่กับฉากทั่วๆไป ก็ยังดูสนุก
โดน 6: การดูหนังเรื่องนี้ในระบบ IMAX 3D ยิ่งเพิ่มความน่าดูให้กับหนังขึ้นไปอีก ด้วยภาพที่ดูยิ่งใหญ่ขึ้น ลึกขึ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับหนัง IMAX ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานและเน้นความสูง ความยิ่งใหญ่เหมือนกัน อย่าง Everest ปรากฏว่า The Walk กินขาดทั้งด้านเนื้อหา การถ่ายทำ หรือการใช้ประโยชน์จาก IMAX ได้อย่างเต็มที่ (ทั้งสองเรื่อง รวมกับหนังที่ควรดู IMAX เรื่องอื่นๆ เช่น Jurassic World ทำให้รู้สึกว่าปีนี้ หนัง IMAX 3D มาแรงจริงๆ
โดน 7: นอกเหนือจากความตื่นเต้นแล้ว หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังที่บอกรักนิวยอร์ค และตึกเวิล์ดเทรด เซนเตอร์ได้อย่างงดงาม โดยการให้เห็นภาพตึกตั้งแต่หลังสร้างเสร็จใหม่ๆ และหลังการเดินบนเส้นลวดที่ทำให้ตึกนี้งดงาม มีชื่อเสียง และเป็นที่รักของคนทั่วโลก และการให้เห็นภาพตึกในหลายๆมุม (ซึ่งเป็นฉากและเทคนิคพิเศษล้วนๆ เนื่องจากปัจจุบัน ตึกเหลือเพียงแต่ชื่อภายหลังเหตุการณ์ 911) รวมถึงการจับภาพตึกแฝดสองตึกยืนผงาดคู่กัน เป็นการบอกรักและอำลาตึกแฝดอย่างสวยงาม
ติดตามอ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเจ้าของกระทู้ได้ที่ https://m.facebook.com/MovieReviewByPong?refsrc=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F