เหงียน มินห์ กัง เปิดใจคุยกับ FFT ถึง 12 ปีที่ทุ่มเทความรักและชื่นชมฟุตบอลไทย จนถูกสังคมฟุตบอลเวียดนามตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ
ที่สนามเตือง นัทห์ เมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียดนาม หากกวาดมองเผินๆ หนุ่มแว่นวัย 27 ที่สวมเสื้อช้างศึกสีน้ำเงินของทีมชาติไทย ชูธงไตรรงค์เข้าไปเชียร์แข้งสาวไทยในการแข่งขันฟุตบอลหญิง เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ อาจไม่แตกต่างจากแฟนฟุตบอลไทยทั่วไปที่ติดตามเชียร์ทีมบ้านเกิด
แต่เหงียน มินห์ กัง ไม่ใช่คนไทย
หนุ่มนักทดสอบซอฟท์แวร์ของบริษัทในเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ เป็นชาวเวียดนามโดยกำเนิด แต่มินห์ กัง ยืนยันว่าหัวใจมีแต่ฟุตบอลไทยมาตลอด 12 ปี
จุดเริ่มต้น
ปี 2003 ซีเกมส์ครั้งที่ 22 ที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เหงียน มินห์ กัง เป็นหนึ่งในแฟนฟุตบอลชาวเวียดนามที่ซื้อตั๋วเข้าสนามไปชมกีฬาที่ได้ชื่อว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทีมชาติไทยและเวียดนามเจ้าภาพ ต้องโคจรมาพบกันตั้งแต่นัดแรกของการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์
ท่ามกลางแฟนฟุตบอลชาวเวียดนามที่เข้ามาชมการแข่งขันจนเต็มความจุของสนามมาย ดินห์ ส่งเสียงให้กำลังใจทีมชาติ "เวียดนาม เวียดนาม....." พร้อมกับตะโกนโห่ฮา เป่าปากเยาะเย้ยนักเตะทีมชาติไทย บรรยากาศในสนามร้อนแรงไม่ต่างกับที่แฟนฟุตบอลดาวทองเรียกว่านรกของทีมเยือน เหงียน มินห์ กัง ในวัย 15 ปีได้แต่ยืนมองด้วยความเศร้าใจที่กีฬาฟุตบอลที่ควรจะเป็นกีฬาลูกผู้ชายบนผืนหญ้ากลับกลายเป็นโอกาสให้ผู้ชมแสดงความดุดันและไม่เป็นมิตร ทีมชาติเวียดนามที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะทีมชาติไทย
"ผมรู้สึกสงสารแฟนฟุตบอลชาวไทยกลุ่มเล็กๆ ที่ตามมาเชียร์ทีมรักในสนาม ผมไม่ชอบทัศนคติของแฟนฟุตบอลเวียดนามที่มีต่อทีมชาติไทย แม้จะเป็นเพื่อนร่วมชาติของผมเองแต่ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่หลังจากผมได้เห็นนักเตะไทยที่ไม่หวั่นไหวกับความกดดัน พวกเขาไม่กลัวที่จะต้องเล่นในสนามกีฬานรก ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มเชียร์ทีมชาติไทย และในซีเกมส์ครั้งนั้นทีมชาติไทยก็คว้าเหรียญทองด้วยการเอาชนะเวียดนามในนัดชิงชนะเลิศจากประตูชัยสุดสวยของณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์"
นับแต่นั้นมา เหงียน มินห์ กัง ก็หลงเสน่ห์ลูกหนังไทยและใช้เวลาตลอด 12 ปีศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย ฟุตบอลไทยและทีมชาติไทย ยิ่งได้รู้จักความคิด วิถีชีวิตของคนไทยที่แตกต่างกับเวียดนามบ้านเกิด ก็ยิ่งหลงใหลฟุตบอลไทยมากขึ้น
"ผมไม่เคยอยากให้ทีมชาติไทยกับเวียดนามต้องมาพบกันหรอก ผมเชียร์ทีมชาติไทยเพราะความชอบ แต่แฟนฟุตบอลเวียดนามถึงกับเรียกผมว่า 'คนทรยศ' ซึ่งถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้วเขาก็พูดถูกนะ เพราะบางครั้งผมก็ยังรู้สึกผิดว่าทำไมไม่เชียร์ทีมชาติของตัวเอง" เหงียน มินห์ กัง กล่าว
"แต่ฟุตบอลคือกีฬา และผมควรจะมีอิสระที่จะเลือกเชียร์ใครก็ได้โดยไม่จำกัดว่าต้องยึดกับชาตินิยมหรือความจงรักภักดีกับทีมชาติ ผมจึงเลือกที่จะชอบและเชียร์ทีมชาติไทย ถึงแม้บางครั้งจะโดนหาว่า 'กาก' ก็เถอะ"
แม้ความชื่นชอบและชื่นชมทีมชาติไทยจะแน่นอก แต่มินห์ กัง กล่าวว่าครั้งแรกที่เพื่อนและครอบครัวทราบว่าเชียร์ทีมชาติไทยก็ต่างพากันตกใจ
"ตอนแรกทุกคนพากันตกใจมากแล้วก็โวยวายกันใหญ่ แต่ผมก็พยายามอธิบาย แล้วก็เลยทำเป็นเมินๆ ไม่สนใจ จนตอนนี้ผมกับทีมชาติไทยก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับครอบครัวแล้วล่ะ แต่สำหรับแฟนฟุตบอลเวียดนามคนอื่นๆ ตามเว็บไซต์ฟุตบอลเวียดนามยังพากันเรียกผมว่ายูดาห์ ยังเป็นคนทรยศของฟุตบอลเวียดนามอยู่เลย"
"แต่ผมนี่เป็นกรณีพิเศษนะ อย่าเลียนแบบผมจะดีกว่า......." มินห์ กัง กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะแบบไทยๆ
เชียร์ด้วยใจ
ตลอดเวลา 12 ปี เหงียน มินห์ กัง พยายาามศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศไทยจนสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้เล็กน้อย รวมถึงยังติดตามเชียร์ทีมชาติไทยทั้งฟุตบอลชายและหญิงทั้งทางอินเตอร์เน็ตและเดินทางไปชมเกมถึงขอบสนาม
"ผมเป็นสมาชิกของกลุ่มแฟนฟุตบอลในเฟซบุค เชียร์ไทยพาวเวอร์ เพื่อติดตามข่าวสารทีมชาติไทย และติดต่อกับเพื่อนแฟนฟุตบอลชาวไทยที่ช่วยส่งลิงค์ดูฟุตบอลไทยมาให้ติดตามทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นไทยรัฐทีวีหรือ True4U"
"ส่วนตัวผมเป็นแฟนทีมเมืองทองยูไนเต็ด และเริ่มดูฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกช่วงปี 2010 เพราะตอนนี้เคเบิ้ลทีวีที่บ้านผมมีช่องทรูวิชันส์ 2 ที่ถ่ายทอดฟุตบอล แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ก็เลยต้องดูฟุตบอลไทยลีกจาก True4U ทางอินเตอร์เน็ตแทน"
"ผมชอบปิยะพล บรรเทา และมาริโอ ยูรอฟสกี้ ของเมืองทอง และก็ชอบธีราทร บุญมาทัน ของบุรีรัมย์ และชนาธิป สรงกระสินธ์ ของบีอีซี เทโร ด้วยครับ แต่จริงๆ แล้วเวลาดูฟุตบอลผมชอบที่จะดูสไตล์การเล่นของทีมมากกว่าจะชอบนักเตะคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษนะ"
คนทรยศของฟุตบอลเวียดนาม
เมื่อถูกถามถึงทีมชาติเวียดนาม และฉายา 'บาร์เซโลนา อาเซียน' มินห์ กัง หยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบช้าๆ
"ผมคิดว่ามันคือเซลฟี่ของเวียนดนาม เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่สไตล์การเล่นของเวียดนามจะคล้ายๆ ระบบติกิ-ตาก้า เคาะบอล ต่อบอลกันไปเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญคือต่อบอลสวยแต่ยิงไม่ได้นี่ก็ไม่มีประโยชน์นะ"
ในส่วนของความรู้สึกเป็นอริกันของเวียดนามและทีมชาติไทย หนุ่มเวียดหัวใจฟุตบอลไทยกล่าวว่า "ผมคิดว่าที่แฟนฟุตบอลเวียดนามรู้สึกไม่ชอบทีมชาติไทย เพราะว่าเวียดนามมักจะแพ้ทีมชาติไทยบ่อยๆ ในหลายๆ รายการที่ต้องแข่งกัน การที่เอาชนะไทยได้จึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เวียดนามมีความสุขมาก"
และบางครั้งความรู้สึกรุนแรงที่เกมฟุตบอลก็ต่อเนื่องออกมาถึงแฟนฟุตบอลด้วย เหมือนที่มินห์ กัง เคยได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเองในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน 2015 ที่โฮจิมินห์ ซิตี้ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เหงียน มินห์ กัง ซื้อตั๋วเข้าไปให้กำลังใจนักเตะสาวไทยและมาดามแป้งทุกนัด จนผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงไทยเคยกล่าวชื่นชมไว้ผ่านหน้าเพจ Madame Pang
"วันนั้นผมเตรียมธงไตรรงค์ใส่กระเป๋าไปเชียร์ฟุตบอล" มินห์ กังเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในเกมที่ทีมชาติไทยพบกับเวียดนามเจ้าภาพ
"ผมอยากจะไปนั่งเชียร์กับแฟนบอลไทย แต่ตรงนั้นเป็นมุมที่วิวไม่ค่อยดีเพราะพวกเขานั่งอยู่ข้างหลังประตู ผมจึงเลือกที่จะไปนั่งที่ช่วงกลางอัฒจรรย์ แต่ขยับขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้สูงๆ ห่างจากแฟนฟุตบอลคนอื่นๆ แล้วก็เริ่มโบกธงไตรรงค์เชียร์ทีมชาติไทย"
"โชคดีที่วันนั้นไม่มีใครนั่งข้างๆ ผม แต่เมื่อนิสา ร่มเย็น ยิง 2 ประตู ผมก็เผลอลุกขึ้นตะโกนด้วยความดีใจ คนอื่นๆ หันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ โกรธๆ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น"
"หลังเกมนั้น แฟนฟุตบอลเวียดนามบางคนคิดว่าผมเป็นคนไทย เขาเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษว่า "คืนนี้แกได้เล่นชกมวยแน่ๆ" ผมจึงตอบไปเป็นภาษาอังกฤษว่า "ไม่หรอก แค่เชียร์ตามเกมฟุตบอล แต่พี่เล่นโวนินาม*ด้วยนี่"
และแม้จะต้องเจอกับจังหวะหวาดเสียวแบบนี้บ่อยๆ แต่เหงียน มินห์ กัง คนทรยศของฟุตบอลเวียดนาม ก็ยังคงรักฟุตบอลไทยไม่เปลี่ยนแปลง
"ผมอยากบอกว่า ฟุตบอลไทยเป็นฟุตบอลที่น่าตื่นเต้นและมีชื่อเสียงในหมู่แฟนฟุตบอลต่างชาติ มารยาทฟุตบอลแบบไทยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวต่างชาติ อย่าง สเวน เบย์ริช เพื่อนชาวเยอรมันของผมคนหนึ่งก็รู้จักกันผ่านฟุตบอลไทยที่เขาชื่นชอบ จนสร้างเว็บไซต์ฟุตบอลไทย
http://www.thai-fussball.com/en/ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารฟุตบอลไทย"
นี่ คือ เรื่องราวของ เหงียน มินห์ กัง... และในวันที่ ช้างศึกไทย บุกไปเยือน ทัพดาวทอง เวียดนาม ถึง หมิ ดิงห์ สเตเดี้ยม... เขาก็พร้อมเชียร์ไทย ทั้งที่ใจเป็นเหงียนต่อไป
เครดิต:
http://www.fourfourtwo.com/th/features/khnaithyhruueeplaa-ehngiiyn-minh-kang-hnumewiiydnaamphuuhlngesnhchaangsuek#:lFGnqH-vDyajvw
https://www.facebook.com/FourFourTwoTH?fref=ts
คนไทยหรือเปล่า! เหงียน มินห์ กัง หนุ่มเวียดนามผู้หลงเสน่ห์ช้างศึก
เหงียน มินห์ กัง เปิดใจคุยกับ FFT ถึง 12 ปีที่ทุ่มเทความรักและชื่นชมฟุตบอลไทย จนถูกสังคมฟุตบอลเวียดนามตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ
ที่สนามเตือง นัทห์ เมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียดนาม หากกวาดมองเผินๆ หนุ่มแว่นวัย 27 ที่สวมเสื้อช้างศึกสีน้ำเงินของทีมชาติไทย ชูธงไตรรงค์เข้าไปเชียร์แข้งสาวไทยในการแข่งขันฟุตบอลหญิง เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ อาจไม่แตกต่างจากแฟนฟุตบอลไทยทั่วไปที่ติดตามเชียร์ทีมบ้านเกิด
แต่เหงียน มินห์ กัง ไม่ใช่คนไทย
หนุ่มนักทดสอบซอฟท์แวร์ของบริษัทในเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ เป็นชาวเวียดนามโดยกำเนิด แต่มินห์ กัง ยืนยันว่าหัวใจมีแต่ฟุตบอลไทยมาตลอด 12 ปี
จุดเริ่มต้น
ปี 2003 ซีเกมส์ครั้งที่ 22 ที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เหงียน มินห์ กัง เป็นหนึ่งในแฟนฟุตบอลชาวเวียดนามที่ซื้อตั๋วเข้าสนามไปชมกีฬาที่ได้ชื่อว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทีมชาติไทยและเวียดนามเจ้าภาพ ต้องโคจรมาพบกันตั้งแต่นัดแรกของการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์
ท่ามกลางแฟนฟุตบอลชาวเวียดนามที่เข้ามาชมการแข่งขันจนเต็มความจุของสนามมาย ดินห์ ส่งเสียงให้กำลังใจทีมชาติ "เวียดนาม เวียดนาม....." พร้อมกับตะโกนโห่ฮา เป่าปากเยาะเย้ยนักเตะทีมชาติไทย บรรยากาศในสนามร้อนแรงไม่ต่างกับที่แฟนฟุตบอลดาวทองเรียกว่านรกของทีมเยือน เหงียน มินห์ กัง ในวัย 15 ปีได้แต่ยืนมองด้วยความเศร้าใจที่กีฬาฟุตบอลที่ควรจะเป็นกีฬาลูกผู้ชายบนผืนหญ้ากลับกลายเป็นโอกาสให้ผู้ชมแสดงความดุดันและไม่เป็นมิตร ทีมชาติเวียดนามที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะทีมชาติไทย
"ผมรู้สึกสงสารแฟนฟุตบอลชาวไทยกลุ่มเล็กๆ ที่ตามมาเชียร์ทีมรักในสนาม ผมไม่ชอบทัศนคติของแฟนฟุตบอลเวียดนามที่มีต่อทีมชาติไทย แม้จะเป็นเพื่อนร่วมชาติของผมเองแต่ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่หลังจากผมได้เห็นนักเตะไทยที่ไม่หวั่นไหวกับความกดดัน พวกเขาไม่กลัวที่จะต้องเล่นในสนามกีฬานรก ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มเชียร์ทีมชาติไทย และในซีเกมส์ครั้งนั้นทีมชาติไทยก็คว้าเหรียญทองด้วยการเอาชนะเวียดนามในนัดชิงชนะเลิศจากประตูชัยสุดสวยของณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์"
นับแต่นั้นมา เหงียน มินห์ กัง ก็หลงเสน่ห์ลูกหนังไทยและใช้เวลาตลอด 12 ปีศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย ฟุตบอลไทยและทีมชาติไทย ยิ่งได้รู้จักความคิด วิถีชีวิตของคนไทยที่แตกต่างกับเวียดนามบ้านเกิด ก็ยิ่งหลงใหลฟุตบอลไทยมากขึ้น
"ผมไม่เคยอยากให้ทีมชาติไทยกับเวียดนามต้องมาพบกันหรอก ผมเชียร์ทีมชาติไทยเพราะความชอบ แต่แฟนฟุตบอลเวียดนามถึงกับเรียกผมว่า 'คนทรยศ' ซึ่งถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้วเขาก็พูดถูกนะ เพราะบางครั้งผมก็ยังรู้สึกผิดว่าทำไมไม่เชียร์ทีมชาติของตัวเอง" เหงียน มินห์ กัง กล่าว
"แต่ฟุตบอลคือกีฬา และผมควรจะมีอิสระที่จะเลือกเชียร์ใครก็ได้โดยไม่จำกัดว่าต้องยึดกับชาตินิยมหรือความจงรักภักดีกับทีมชาติ ผมจึงเลือกที่จะชอบและเชียร์ทีมชาติไทย ถึงแม้บางครั้งจะโดนหาว่า 'กาก' ก็เถอะ"
แม้ความชื่นชอบและชื่นชมทีมชาติไทยจะแน่นอก แต่มินห์ กัง กล่าวว่าครั้งแรกที่เพื่อนและครอบครัวทราบว่าเชียร์ทีมชาติไทยก็ต่างพากันตกใจ
"ตอนแรกทุกคนพากันตกใจมากแล้วก็โวยวายกันใหญ่ แต่ผมก็พยายามอธิบาย แล้วก็เลยทำเป็นเมินๆ ไม่สนใจ จนตอนนี้ผมกับทีมชาติไทยก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับครอบครัวแล้วล่ะ แต่สำหรับแฟนฟุตบอลเวียดนามคนอื่นๆ ตามเว็บไซต์ฟุตบอลเวียดนามยังพากันเรียกผมว่ายูดาห์ ยังเป็นคนทรยศของฟุตบอลเวียดนามอยู่เลย"
"แต่ผมนี่เป็นกรณีพิเศษนะ อย่าเลียนแบบผมจะดีกว่า......." มินห์ กัง กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะแบบไทยๆ
เชียร์ด้วยใจ
ตลอดเวลา 12 ปี เหงียน มินห์ กัง พยายาามศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศไทยจนสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้เล็กน้อย รวมถึงยังติดตามเชียร์ทีมชาติไทยทั้งฟุตบอลชายและหญิงทั้งทางอินเตอร์เน็ตและเดินทางไปชมเกมถึงขอบสนาม
"ผมเป็นสมาชิกของกลุ่มแฟนฟุตบอลในเฟซบุค เชียร์ไทยพาวเวอร์ เพื่อติดตามข่าวสารทีมชาติไทย และติดต่อกับเพื่อนแฟนฟุตบอลชาวไทยที่ช่วยส่งลิงค์ดูฟุตบอลไทยมาให้ติดตามทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นไทยรัฐทีวีหรือ True4U"
"ส่วนตัวผมเป็นแฟนทีมเมืองทองยูไนเต็ด และเริ่มดูฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกช่วงปี 2010 เพราะตอนนี้เคเบิ้ลทีวีที่บ้านผมมีช่องทรูวิชันส์ 2 ที่ถ่ายทอดฟุตบอล แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ก็เลยต้องดูฟุตบอลไทยลีกจาก True4U ทางอินเตอร์เน็ตแทน"
"ผมชอบปิยะพล บรรเทา และมาริโอ ยูรอฟสกี้ ของเมืองทอง และก็ชอบธีราทร บุญมาทัน ของบุรีรัมย์ และชนาธิป สรงกระสินธ์ ของบีอีซี เทโร ด้วยครับ แต่จริงๆ แล้วเวลาดูฟุตบอลผมชอบที่จะดูสไตล์การเล่นของทีมมากกว่าจะชอบนักเตะคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษนะ"
คนทรยศของฟุตบอลเวียดนาม
เมื่อถูกถามถึงทีมชาติเวียดนาม และฉายา 'บาร์เซโลนา อาเซียน' มินห์ กัง หยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบช้าๆ
"ผมคิดว่ามันคือเซลฟี่ของเวียนดนาม เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่สไตล์การเล่นของเวียดนามจะคล้ายๆ ระบบติกิ-ตาก้า เคาะบอล ต่อบอลกันไปเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญคือต่อบอลสวยแต่ยิงไม่ได้นี่ก็ไม่มีประโยชน์นะ"
ในส่วนของความรู้สึกเป็นอริกันของเวียดนามและทีมชาติไทย หนุ่มเวียดหัวใจฟุตบอลไทยกล่าวว่า "ผมคิดว่าที่แฟนฟุตบอลเวียดนามรู้สึกไม่ชอบทีมชาติไทย เพราะว่าเวียดนามมักจะแพ้ทีมชาติไทยบ่อยๆ ในหลายๆ รายการที่ต้องแข่งกัน การที่เอาชนะไทยได้จึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เวียดนามมีความสุขมาก"
และบางครั้งความรู้สึกรุนแรงที่เกมฟุตบอลก็ต่อเนื่องออกมาถึงแฟนฟุตบอลด้วย เหมือนที่มินห์ กัง เคยได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเองในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน 2015 ที่โฮจิมินห์ ซิตี้ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เหงียน มินห์ กัง ซื้อตั๋วเข้าไปให้กำลังใจนักเตะสาวไทยและมาดามแป้งทุกนัด จนผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงไทยเคยกล่าวชื่นชมไว้ผ่านหน้าเพจ Madame Pang
"วันนั้นผมเตรียมธงไตรรงค์ใส่กระเป๋าไปเชียร์ฟุตบอล" มินห์ กังเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในเกมที่ทีมชาติไทยพบกับเวียดนามเจ้าภาพ
"ผมอยากจะไปนั่งเชียร์กับแฟนบอลไทย แต่ตรงนั้นเป็นมุมที่วิวไม่ค่อยดีเพราะพวกเขานั่งอยู่ข้างหลังประตู ผมจึงเลือกที่จะไปนั่งที่ช่วงกลางอัฒจรรย์ แต่ขยับขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้สูงๆ ห่างจากแฟนฟุตบอลคนอื่นๆ แล้วก็เริ่มโบกธงไตรรงค์เชียร์ทีมชาติไทย"
"โชคดีที่วันนั้นไม่มีใครนั่งข้างๆ ผม แต่เมื่อนิสา ร่มเย็น ยิง 2 ประตู ผมก็เผลอลุกขึ้นตะโกนด้วยความดีใจ คนอื่นๆ หันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ โกรธๆ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น"
"หลังเกมนั้น แฟนฟุตบอลเวียดนามบางคนคิดว่าผมเป็นคนไทย เขาเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษว่า "คืนนี้แกได้เล่นชกมวยแน่ๆ" ผมจึงตอบไปเป็นภาษาอังกฤษว่า "ไม่หรอก แค่เชียร์ตามเกมฟุตบอล แต่พี่เล่นโวนินาม*ด้วยนี่"
และแม้จะต้องเจอกับจังหวะหวาดเสียวแบบนี้บ่อยๆ แต่เหงียน มินห์ กัง คนทรยศของฟุตบอลเวียดนาม ก็ยังคงรักฟุตบอลไทยไม่เปลี่ยนแปลง
"ผมอยากบอกว่า ฟุตบอลไทยเป็นฟุตบอลที่น่าตื่นเต้นและมีชื่อเสียงในหมู่แฟนฟุตบอลต่างชาติ มารยาทฟุตบอลแบบไทยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวต่างชาติ อย่าง สเวน เบย์ริช เพื่อนชาวเยอรมันของผมคนหนึ่งก็รู้จักกันผ่านฟุตบอลไทยที่เขาชื่นชอบ จนสร้างเว็บไซต์ฟุตบอลไทย http://www.thai-fussball.com/en/ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารฟุตบอลไทย"
นี่ คือ เรื่องราวของ เหงียน มินห์ กัง... และในวันที่ ช้างศึกไทย บุกไปเยือน ทัพดาวทอง เวียดนาม ถึง หมิ ดิงห์ สเตเดี้ยม... เขาก็พร้อมเชียร์ไทย ทั้งที่ใจเป็นเหงียนต่อไป
เครดิต:
http://www.fourfourtwo.com/th/features/khnaithyhruueeplaa-ehngiiyn-minh-kang-hnumewiiydnaamphuuhlngesnhchaangsuek#:lFGnqH-vDyajvw
https://www.facebook.com/FourFourTwoTH?fref=ts