นิยายออนไลน์ รูมเมทร้ายกับยัยน่ารัก เกริ่นนำ+บทที่ 1

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเราน๊า เอ่อออ..แล้วถ้าเรามีข้อผิดพลาดประการใด หรือไม่ชอบใจอะไรในการแต่งนิยายเรื่องนี้ คอมเม้นบอกได้เลยนะค๊า รอพูดคุยและคอมเม้นจากทุกๆ คนอยู่นะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ มีอะไรแนะนำด้วยจ้า

-----------------------------------------------------------


แนะนำตัวละครหลัก

     1. เกี๊ยว     สาววัย 24 ปีที่พ่อ และแม่หวงมากกกกก ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนกับใคร เพื่อนก็มีไม่มากแถมยังเรียนหญิงล้วนมาตั้งแต่เด็ก และด้วยที่บ้านเป็นร้านขายของชำทำให้เมื่อเรียนมหาวิทยาลัยจบ เธอก็กลับมาช่วยทำงานที่บ้านกว่า 2 ปี แต่ในท้ายที่สุดเธอก็คิดได้ว่าควรที่จะเริ่มทำตามความฝันตัวเองได้แล้ว ด้วยการเข้าไปหางานทำที่กรุงเทพฯ! ทำให้ต้องพบเจอกับเรื่องวุ่นวายใจ
     2. พีท      หนุ่มกะล่อน กวนประสาท สายเจ้าชู้วัย 26 ปี ประกอบอาชีพเป็นเทรนเนอร์หนุ่มที่สาวๆ ตอมอยู่ที่ฟิตเนสชื่อดัง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเค้าเองนั้นล่ะเป็นเจ้าของ ซึ่งฐานะก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ แต่เพราะขี้เกียจทำความสะอาดห้องคอนโดของตัวเองทำให้ประกาศหารูมเมท เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านก็เท่านั้นล่ะ
     3. กร      หนุ่มอบอุ่น สุภาพบุรุษ ขี้เล่น วัย 24 ปี ผู้ที่ทุ่มเทให้กับงานเพื่อตามความฝันของตัวเองอย่างจริงจัง นอกจากนั้นแล้วยังเป็นคนรักเดียวใจเดียว เมื่อรักใครแล้วก็จะทุ่มเทอย่างมากเช่นเดียวกัน

-----------------------------------------------------------


บทที่ 1: สาวร้านชำ

         ตั้งแต่เล็กยันโตฉันก็นั่งอยู่ตรงเนี้ยจดตัวเลขยิ๊กๆ ขายของให้กับคนในหมู่บ้าน หน้าเดิมๆ ที่เดิมๆ เบื่อจะแย่ นี่อายุก็ปาเข้าไป 24 แล้วยังต้องนั่งทำบัญชีให้กับที่บ้าน ทั้งๆ ที่เรียนมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของบัญชี หรือการค้าขายเลยแม้แต่นิดเดียว
         ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวคนจีน ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวที่เกิดมาจากความรักของป๊า และแม่ที่แสนจะหวงฉัน การออกนอกบ้านเพื่อไปเที่ยวเตร็ดเตร่กับเพื่อนๆ นั้นก็เพิ่งจะได้รับอนุญาติเมื่อตอนเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็อย่าหวังว่าจะได้ไปค้างนอกบ้านเชียวนะ พ่อฉันตามรับส่ง ตามดูทุกฝีก้าวเลยก็ว่าได้ ที่มาบ่นเนี้ยไม่ใช่ว่าฉันไม่รักพวกท่านนะ แต่ฉันอยากรู้จักคำว่าอิสระบ้างก็เท่านั้นเอง
         และนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะหางานผ่านทางอินเทอร์เน็ต ฉันจะย้ายออกไปจากที่นี่ ที่บ้านที่มีแต่ความน่าเบื่อจำเจ เข้าสู่เมื่อหลวง หรือกรุงเทพฯ เพื่อสานต่อความฝันการเป็น กราฟฟิคดีไซน์ ที่มีชื่อเสียงให้ได้
         “เกี๊ยวลูก! เดี๋ยวเจ็กบู๊จะมารับของที่สั่งไว้ เตรียมของ และทำบัญชีของเจ็กเค้าด้วย”
         “ค่ะแม่” ยังไม่ทันขาดเสียงบ่นในใจของฉัน แม่สุดที่รักของฉันก็ตะโกนออกมาสั่งงานเป็นที่เรียบร้อย ฉันต้องรีบปิดหน้าเว็บการค้นหางานอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าที่บ้านรู้ว่าฉันต้องการจะทำอะไรมีหวังไม่มีทางได้ไปแน่นอน เกือบซวยแล้วเรา
    
         3 วันต่อมา..
         นี่ก็ 3 วันผ่านไปแล้วกับการส่งใบสมัคร และประวัติส่วนตัวฉันให้กับทางบริษัทที่ฉันสนใจ ซึ่งก็ยังไม่มีผลตอบกลับมาเลย หรือฉันต้องกินแห้วอีกเนี้ย ต้องกลับไปนั่งหลบๆ ซ่อนๆ หางานอีกแล้ว
         “เกี๊ยว โทรศัพท์ดัง ไม่รับหรือไงลูก”
         “อะ อ้าว ค่ะป๊า” ฉันสะดุ้งสุดตัวผลจากการนั่งเหม่อคิดเรื่องงาน ลืมฟังเสียงโทรศัพท์ไปเลย ฉันกดรับโทรศัพท์ขณะที่กำลังร่วมโต๊ะอาหารเย็นอยู่กับป๊า และแม่ของฉัน
         “สวัสดีค่ะ เกี๊ยวพูดค่ะ”
         “เอ่อ ใช่คุณ กิตตินภา ชัยวงศ์ มั้ยคะ พี่พิมพ์นิดา โทรมาจากบริษัท ดีไซน์สตรอม นะคะไม่ทราบว่าสะดวกพูดสายมั้ยคะ”
         “ห่ะ ขะขอโทษค่ะ สักครู่นะคะ” แค่ได้ยินชื่อบริษัทปลายสายฉันก็ลุกพรวดขึ้นมาแล้ว ทั้งป๊า และแม่ของฉันต่างมองมาที่ฉัน แย่แล้วยัยเกี๊ยวเอ้ยยย
         “ขอโทษนะคะ ป๊า แม่ พอดีอาจารย์ที่มอโทรมาหา” ฉันใช้นิ้วอุดช่องสปีคเกอร์ไว้ไม่ให้พี่พิมพ์นิดา ได้ยินคำโกหกของฉันก่อนที่จะขอตัวเดินออกมาคุยโทรศัพท์ที่หน้าบ้าน
         “สะดวกคุยค่ะ หนูกิตตินภาพูดสายค่ะ”
         “ค่ะตามที่น้องได้แนบประวัติ และส่งใบสมัครมา คือพอดีทางบริษัทเราสนใจในประวัติของน้องค่ะ และกำลังขาดคนด้วย เห็นว่าอยู่ต่างจังหวัด ไม่ทราบว่าน้องจะสะดวกย้ายเข้ามาทำงานใน กรุงเทพฯ ได้มั้ยคะ”
         “สะดวกค่ะพี่ แล้วเรื่องการสัมภารษณ์…”
         “คุณนิกร เจ้าของบริษัทจะทำการสัมภารษณ์น้องผ่านทาง เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนะคะ เพราะเข้าใจในความลำบากของการเดินทาง”
         “ขอบคุณค่ะพี่ พี่นัดเวลามาได้เลยค่ะ” ในที่สุดก็มีคนสนใจโปรไฟล์การทำงานของฉัน ก่อนวางสายฉันได้จัดแจงการนัดสัมภารษณ์กับคุณนิกรเจ้าของบริษัทเรียบร้อย และได้รู้รายละเอียดของทางบริษัทว่าเป็นบริษัทเล็กๆ ที่ทำงานจะออกแนวเป็นออฟฟิตในบ้านมีเจ้าของเป็นผู้รับงาน ภายในบริษัทมีคนทำงานรวมกันไม่ถึง 10 คน แต่นี่แหละเป็นก้าวแรกที่ฉันต้องการ ความฝันการทำงานด้านการออกแบบ และการออกไปจากสถานที่เดิมๆ นี้

         การสัมภารษณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ได้งาน เพื่อนๆ ฉันที่รู้เรื่องก็ต่างคิดว่าจะเป็นไปได้ยังไงที่ป๊า และแม่ของฉันจะปล่อยฉันออกจากบ้าน แต่แน่ล่ะไม่มีใครจะรู้ใจ ป๊า และแม่เท่าฉันหรอก ถ้าบอกว่าจะไปยังไงพวกท่านคงไม่ให้ แต่ถ้าฉันเตรียมทุกอย่างไว้แล้วพวกท่านต้องไม่กล้าขัดแน่นอน ว่าแล้ววันนี้ฉันจะทำการหาที่พัก
         แต่เรื่องที่พักนี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มีปัญหาสำหรับฉันมาก ไม่ใช่อะไรนะตัวเงินที่ฉันได้ตกลงรับงานไปเนี้ย เป็นค่าแรงขันต่ำ 15000 บาท ซึ่งต่อไปฉันต้องเลี้ยงดูตัวเอง ค่าเช่าห้อง เงินที่จะเก็บอีก บลาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดหรือเปล่า ที่คิดจะจากที่บ้านแสนสบายนี้ไป แต่เมื่อนึกถึงอนาคต และความอิสระแล้ว นี่คงเป็นทางเดียว เป็นใบเบิกทางเดียวของฉัน
         ฉันเลื่อนดูรายการห้องเช่าบริเวณใกล้ๆ กับที่ทำงานของฉันล้วนแต่ราคา 5000 ขึ้นไปทั้งนั้น นี่ยังไม่รวมค่าน้ำค่าไฟนะ คุณพระ! แล้วฉันจะเหลือกินเหลือใช้เหลือเก็บเท่าไหร่เนี้ย ฉันหาแล้วหาเล่าก็ยังไม่เห็นห้องเช่าที่ดูปลอดภัย ราคาถูก และใกล้ที่ทำงานเลย สงสัยต้องดูใหม่พรุ่งนี้ ไม่เป็นไรนะ ยังมีเวลาอีก 3 วัน = = (ประชด!)
    
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                           comment:
รับสมัครรูมเมท จะเป็นชาย หรือหญิงก็ได้ครับ
ค่าไฟ-น้ำหารครึ่ง ค่าห้องคิด 2500 บาท
คอนโด xxxxx อยู่ใกล้รถไฟฟ้าxxxxxx
สนใจโทรคุยรายละเอียด 08x-xxxxxxx

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


         เอ๊ะ! นั้นมันแถวๆ ที่ฉันทำงานนิ เป็นคอนโด 2 ห้องนอนด้วยแค่ 2500 บาทเอง ราคามันน่าสนใจมาก ส่วนเรื่องรูมเมทเป็นผู้ชาย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่ต้องไม่ให้ป๊า กับแม่รู้เรื่องนี้เท่านั้นล่ะ ว่าแล้วลองโทรคุยดีกว่า
         “ตรู๊ดดด ๆๆ…” ฉันทำการต่อสายด้วยใจตุ่มๆ ต่อมๆ
         “สวัสดีครับ”
         “สวัสดีค่ะ เอ่อ..ที่ประกาศหารูมเมทในเว็บหอพักใช่มั้ยคะ”
         “ครับ ตอนนี้ห้องอีกห้องก็ว่างอยู่ไม่ทราบว่าสนใจมั้ยครับ”
         “คือ…...ก็สนใจ แต่ติดที่…”
         “ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่อันตราย และไม่มีทางยุ่งกับรูมเมทตัวเองแน่นอน”
         “เอ่อค่ะ แต่จะรู้ได้ยังไง”
         “ฟังแค่วิธีการพูด และน้ำเสียงคุณก็ไม่ใช่สเปกผมแล้วล่ะ”
         เอ่อ ไอ้ผู้ชายคนนี้มันจะหลงตัวเองเกินไปและ มั่นใจอะไรอย่างนั้นย่ะ ฉันถือว่าเป็นคนสวยติดอันดับในมหาวิทยาลัยเลยนะ แล้วอีกอย่างด้วยความที่ฉันเกิด และเรียนในจังหวัดทางภาคเหนือมาตลอดทำให้ฉันมีผิวขาวจนเพื่อนๆ ยังอิจฉาเลย แต่ก็ดีล่ะถ้านายนั้นมั่นใจขนาดนั้น แล้วฉันก็ไม่มีทางเลือก...
         “ตกลงค่ะ แล้วยังไงขอรายละเอียดภาพถ่ายที่อยู่ และการเดินทางจากสนามบิน อีกสามวันจะย้ายเข้าค่ะ”
         “ตามนั้นแหละครับ ผมแค่หาคนมาช่วยค่าผ่อนคอนโดไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคุณ หรือแตะต้องคุณแน่นอน ยังไงเดี๋ยวเรามาทำสัญญา และคุยกันที่นี่ได้เลยครับ”
         “ค่ะ ตกลงตามนั้น” ฉันคงต้องลองเสี่ยงสักตั้งก่อนล่ะกัน

         ถึงวันที่ต้องออกเดินทาง ฉันสะพายกระเป๊าเป้ ส่วนป๊าก็ลากกระเป๊าเดินทางตามฉันมาพร้อมกับแม่ที่เดินข้างๆ ป๊า โดยที่ปากแม่ยังไม่หยุดบ่นเลยตั้งแต่รู้เรื่องราว
         “นี่มันมีที่ไหนบอกแม่ก่อนจะไป 1 คืน บ้าไปแล้ว”
         “โถ่ แม่อย่าว่าเกี๊ยวเลยถ้าบอกก่อนเกี๊ยวก็ไม่ได้ไปอยู่ดี”
         “เออๆ อะไรก็ว่าแม่ๆ ป๊าแกก็บ้าไปด้วยไม่พูดอะไรสักคำลูกสาวจะไปทั้งที ห้ามก็ไม่ห้าม”
         “แม่อย่าว่าป๊าเลย สงสัยจะโกรธเกี๊ยวจนไม่อยากพูดกับเกี๊ยวแล้วล่ะมั้ง”
         ป๊าของฉันไม่ยอมพูดอะไรกับฉันอีกหลังจากที่ฉันบอกว่าฉันจะย้ายเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ซึ่งฉันก็เพิ่งบอกป๊าไปเมื่อคืน หรือก่อนที่จะไปเนี้ยแหละ แต่ฉันไม่ได้บอกเรื่องรูมเมทของฉันหรอกนะ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันกลุ้มใจ เพราะขนาดป๊ายังไม่รู้เรื่องของรูมเมทป๊ายังเงียบไปไม่คุยกับฉันเลย แล้วถ้ารู้นี่คงมีหวังเผาบ้านทิ้งแหง่ ฉันรู้ว่าทำเกินไป แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ป๊า และแม่คงไม่มีทางปล่อยฉันไปแน่นอน

         ในที่สุดเราก็เดินมาถึงหน้าประตูทางขึ้นเครื่องของฉัน ถึงเวลาที่เราต้องร่ำลากันจริงๆ แล้วสินะฉันรู้สึกเศร้าแปลกๆ จริงๆ
         “จะไปจริงๆ เหรอเกี๊ยวที่นู่นไม่มีใครซักผ้าให้เหมือนแม่นะ”
         “แม่เกี๊ยวโตแล้ว ทำได้ แม่อย่าร้องเลยนะ”
         “ถ้าลำบากก็กลับมานะเกี๊ยว แม่จะนั่งแก่รอแกอยู่บ้านเนี้ยล่ะ”
         “ไหนแม่เกี๊ยว แก่ตรงไหนไม่เห็นแก่เลย.. โอ๊ะ! ป๊า!”
         ฉันกำลังปลอบแม่ที่น้ำตาท่วมอยู่ แต่แล้วอยู่ๆ ตัวฉันก็ถูกเหวี่ยง ป๊าฉันคนที่เงียบตลอดการเดินทางมาส่งฉันวันนี้ จู่ๆ ก็ดึงตัวฉันเข้าไปกอดแน่น ฉันไม่เคยเห็นน้ำตาของป๊าฉันมาก่อนเลย ฉันทนกลั้นน้ำตาไม่ไหวแล้วจึงได้กอดป๊า และร้องไห้อยู่ตรงนั้นเช่นกัน
         “ป๊า เกี๊ยวขอโทษนะที่ทำแบบนี้ แต่เกี๊ยวอยากไปตามความฝันของเกี๊ยว”
         “ลูกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นล่ะ ป๊าเข้าใจ โทรหาแม่ กับป๊าบ้างนะ ป๊าจะคอยดูลูกอยู่ตรงนี้ โตแล้วนะลูกสาวพ่อ ที่พ่อเงียบไปเกี๊ยวก็ก็ไม่ต้องตกใจไปหรอก ป๊าแค่กำลังทำใจส่งลูกสาวป๊าอยู่ ป๊ารู้ว่ามันต้องมีวันนี้”

         ฉันยังคงกอดป๊า และแม่ร้องไห้อยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนที่จะขึ้นเครื่องเพื่อตามหาความฝันของฉัน การไปทำงานที่กรุงเทพฯ โดยที่ฉันยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองล่วงหน้า ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีด้วยเถอะ ยังไงป๊า กับแม่ก็เป็นกำลังใจให้เกี๊ยวด้วยนะ ><
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่