ทริปนี้ตั้งชื่อว่า ไม่บ้าแต่กล้าโดด เอ๊ะ! กระโดดอะไร "กระโดดเครื่องบิน" คร้าบบบบบ พี่น้อง
ที่เรียกว่า
SKY DIVING
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตอบโจทก์ตัวเองอย่างดี ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต อยากทำอะไรบ้าง อะไรที่ทำแล้วคุ้ม ก็ต้องเอาให้สุดๆ
ไม่ต้องบ้า แต่ต้องกล้าลอง
มา มา ไปชมภาพประสบการณ์สุดเสียวนี้ ทำไปได้ไง
Sky Diving คือ การกระโดดออกจากเครื่องบิน ด้วยความเร็วสูงเตรียมโหม่งโลก และ ก่อนที่คุณจะได้สัมผัส ความกลัวก่อนตาย เชือกจะกระตุกพร้อมรัดคอ 555 ไม่ใช่ๆ อันนี้เล่ามาให้กลัวกันเท่านั้น
ความจริงมีอยู่ว่า ... ตามมาฟังทีละสเต็ป...
วางแพลนไว้นาน เตรียมการอย่างดี วันหยุดนี้ ชั้นจะต้องกระโดดเครื่องบินให้ได้ พร้อมเตรียมเงินจำนวนมาก 555 สำหรับการเสี่ยงชีวิตให้ได้มาซึ่งประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมได้ ตลอดชีวิต
Sky Diving Tandem Jumpเป็นการกระโดดร่มแทนดั๊ม แบบคู่ของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน
"แบบเรา" คู่กับครูฝึกโดยจะมีสายรัดติดตัวกับนักกระโดดร่มที่เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์โดดแบบการันตีความตายมาหลายครั้ง จนมัจจุราชให้โล่ ครูฝึกเป็นผู้ควบคุมร่มให้และสอนวีธีการบังคับร่มเบื้องต้น สอนให้ร่อนลงพื้นแบบไม่เจ็บตัว ในท่าที่ปลอดภัยที่สุด
การโดดร่มเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง ให้ทำใจไว้ว่า การกระโดด ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกครั้ง เพราะครั้งที่คุณกระโดดอาจเจออุบัติเหตุได้ทุกรูปแบบ หากคุณต้องเสียชีวิต คุณก็ต้องยอมรับว่าคุณจะต้องตายเพราะตัวคุณเลือกเอง
เมือง Durban ประเทศ South Africa
ตื่นเช้ามาด้วยความตื่นเต้น เช้าวันนั้น อากาศดีเหมือนเดิม ค่อนข้างร้อน นัดรถเอาไว้แล้ว แต่เช้าเลย เพื่อไปให้ทันการโดดเครื่องบินรอบเช้า
นั่งรถชมวิว 2 ข้างทาง วิวสวยตลอดทาง ดูไปคล้ายๆประเทศไทยในเรื่องสีเขียว และ คอนทราสของแสง
แต่ถนนหนทางที่นี่ยังไงก็ชนะขาดในเรื่องของความสะอาด แม้กระทั่งในเมือง หรือ นอกเมือง
บ้านเมืองที่นี่สร้างแปลกๆ เป็นกระท่อมกลมๆ เตี้ยๆ แค่ชั้นเดียว มาจากการดีไซน์แบบหมู่บ้านอัฟริกา เพื่อป้องกันความร้อนจัด ในฤดูร้อน
เป็นบ้านแบบชาวพื้นเมือง
นั่งรถไปคุยกับคนขับรถไปตลอดทาง พร้อมนับเงินที่เตรียมเอาไปจ่ายค่ากระโดดร่ม หมื่นกว่าบาท แบบตาละห้อย
เงิน Africa เรียกว่า แรนด์ มีแบงค์ 5 แบบ เป็นรูปสัตว์คู่ขวัญของประเทศ ที่คนอัฟริกาเรียกกันว่า Big 5
ได้แก่ แรด ช้าง สิงโต ควายป่า และเสือดาว ใครได้เห็นครบทั้ง 5 จะโชคดีมาก
( ใครได้ครอบครองไว้จะดีกว่ามาก หมายถึงเงินนะ อยากมีแบงค์เสือดาวหลายๆใบ )
คนขับรถคุยสนุกดี บอกว่าตัวเองเป็นคนชาว ซูลู หรือชาวพื้นเมือง อัฟริกา พร้อมทั้งเอาคู่มือภาษาแบบง่ายมาให้อ่าน
คุยไปคุยมา อ้าว!คนขับกับเรา เกิดวันเดียวกันเล้ย เป็นเนื้อคู่...
นั่งรถเกือบ ชั่งโมงทีเดียว ออกมานอกเมือง เพราะสถานที่สำหรับการโดด ต้องเป็นทุ่งหญ้ามีพื้นที่กว้างไว้ร่อนลง
ยิ่งใกล้ ก็ยิ่งตื่นเต้น เบสแค้มป์ที่เราจะต้องโดดร่มอยู่ข้างหน้านี้แล้ว
เข้ามาข้างใน มีลานกว้าง พนักงานคอยเก็บร่ม ที่อาจมีการโดดมาแล้วรอบเช้า
เจอแล้ว เครื่องบินที่ จะพาเราขึ้นไปเหิรฟ้า
เข้าไปใกล้ๆ เครื่องบินดูไม่ใหญ่เท่าไหร่
แค่เนี้ย...อะนะ ที่จะพาเราขึ้นไประดับความสูง 9,000 - 13,000 ฟีต หรือประมาณ 3-4 กิโลเมตร
ก่อนมา ศึกษาไว้นิดนึงว่า การมาทำกิจกรรมนี้ควรใส่เสื้อผ้ากระชับ รองเท้าปกปิดหุ้มส้นให้ดี เช่น ผ้าใบ
ส่วนเสื้อผ้าอาจไม่ต้องกังวลมาก เพราะเค้าต้องให้เราใส่ชุดฟอร์ม ที่เหมาะกับการกระโดดอยู่ดี
SM คืออะไรไม่รู้ แต่คิดว่า น่าจะเป็นชื่อย่อของเจ้าของเสื้อตัวจริง
ชะแว้บ... เสร็จแล้ว น่ารักมากๆ เหมือนโปรมาเอง
สงสัยล่ะสิ ใครถ่ายรูปให้??? มันจะเป็นใครไปไม่ได้อีก นอกจาก คนขับรถของเรานั่นเอง
ขอย้ำว่า การกระโดดร่มมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจึงต้องมีการดูวีดีโอคร่าวๆ การปฏิบัติตัวเบื้องต้น การลงสู่พื้น และสำคัญที่สุด
เซนต์เอกสารก่อนเริ่มกระโดด
หากเกิดความผิดพลาด ถึงขั้นเสียชีวิตจากการโหม่งโลก
บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นการรนหาที่ตายของคุณเอง
มองฟ้าแล้วถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมแล้วนะ
พร้อม
ครูฝึกบอกอย่าไปกลัวเลยเธอ ถ้าตาย...ไม่ตายคนนเดียวหรอก ชั้นอยู่นี่
เราไต่ไปสูงขึ้นๆๆ อากาศเย็นลงเรื่อยๆจนเริ่มหนาว
เมื่อมาถึงความสูงที่ได้ระดับ หอบังคับการกับนักบินจะส่งสัญญาณบอกครูฝึกว่า ให้โยนเด็กเธอลงไปได้แล้ว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่การกระโดดครั้งแรกออกจากเครื่องบิน แต่ เป็นวินาทีที่เห็นคนอื่นกระโดดลงไปก่อน
ปล.ไอ้หมอนี่ ไม่กรี๊ดเลยสักแอะ อาจเพราะมันเป็นผู้ชายมันเลยไม่กรี้ด
ในที่สุดเราก็ไม่รอด ครูฝึกจับมานั่งหย่อนขาข้างเครื่องบิน ให้รู้สึกชิน จะบ้าเรอะ!!!
เพื่อเตรียมตัวโดดน่ะ
มืออยู่ในท่าเตรียมพร้อม คือประกบกันไว้โอบรอบตัว คนเราอาจกลัวได้จนเผลอไปปลดเชือกครูฝึก ( อันนี้คิดเอง )
ระหว่างที่มองลมพัดรองเท้าเพลินๆคิดว่า ลมข้างบนนี้แรงดีจริงๆน้า รองเท้าจะปลิวมั้ยน้า
....ครูฝึกก็....กระโดดออกไปแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่....
ก ร ี๊ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด
เสียง....กรี๊ด....เรานี่สิ ยาวที่สุด ดังที่สุดในชีวิตนี้
ระยะเวลาจริงๆในการดิ่งลงมา ใช้เวลาแค่ 15 - 20 วินาทีเท่านั้นเอง
แต่ทำไมรู้สึกเหมือนลอยอยู่นาน กรี๊ดแล้ว กรี๊ดอีก นิ่งแล้ว เเอ๊คท่าแล้ว หุบยิ้มแล้ว ก็ไม่ถึงสึกที
รู้สึกว่า ขยับเข้าใกล้โลก มากขึ้นๆ ใกล้ขึ้น ในแบบที่ใจไม่ดี
ดังนั้น... พรึ่บ!!!...
ครูฝึกกระตุกเชือกรัดคอ ( เชือกรัดจริงๆ จนจุก )
แอบมองขึ้นข้างบนเพื่อดูความใหญ่ของร่ม เห็นร่มกางกี่อันไม่รู้ รู้แต่เชือกรัดคอนะคะครู
คาดว่าอันนี้พี่แกถ่ายหน้าตัวเอง เพื่ออยากเป็นที่จดจำของเราว่าครั้งนึงแกเคยรัดคอเราปางตาย
ครูฝึกสอนเราบังคับทิศทางของร่ม ไปซ้ายไปขวา ตามแรงลม เพื่อร่อนช้าๆลงสู่พื้นดิน
เมื่อครูฝึกเห็นว่า เราเริ่มบังคับออกนอกเส้นทาง ( โดยพยายามอย่างยิ่งที่จะพาร่ม กลับมาให้ถึงประเทศไทย )
ครูฝึกจึงยึดร่มคืน และพาร่อนสู่ ประเทศแอฟริกาอีกครั้ง
ร่อนลงเรื่อยๆ เราต้องยกขาไว้ในแนวราบ เพื่อการลงจอดแบบปลอดภัย หากเอา สองขาคู่ลง เอาอาจกระแทกอย่างแรงจนขาหักได้
ก้นเราย่อมรับความเจ็บได้ดีกว่ากระดูกหัก
เมื่อถึงพื้นจะมีพนักงานมาคอยรับ
จบแล้วค่า ตกถึงพื้นอย่างปลอดภัย เราก็ลากันตรงนี้แล้วรีบไปเกาะกลุ่ม กะไอ้หนุ่มที่โดดลงมาก่อนเมื่อกี้ และเมาท์กันด้วยความเมามันกับประสบการณ์ที่จะจำกันไปจนตาย
ความสวยงามขณะดิ่งลงพื้นโลกวันนั้นบอกเลยว่า ผ่านมา 4 ปีแล้ว แต่ไม่เคยลืมเลย มันติดตา ความรู้สึกลมที่พัดปะทะหน้าอย่างแรง ยังจำได้ทุกความรู้สึกเลย
แว่บหนึ่งของความคิด ชีวิตนี้ คุ้มแล้วสินะ จะมีใครสักกี่คนที่มีโอกาสได้เลือกทำในสิ่งที่คนอีกหลายคนไม่กล้าทำ
แต่การตัดสินใจทุกอย่างมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นคิดให้ดีๆก่อนทำนะคะ
เพื่อนๆยังมีเวลาตัดสินใจอีกนานนะ เพราะคุณยายวัย 82 ยังมาใช้บริการเลย
ไม่แน่ใจป่านนี้คุณยายเป็นยังไง แต่ดูสีหน้าคุณยายขณะกระโดดวันนั้น รู้สึกว่าคุณยายคงคิดแบบเดียวกัน ชีวิตชั้น
โคตรคุ้มเลยว่ะ
[CR] Sky Diving ดิ่งพสุธาที่ South Africa
ที่เรียกว่า
SKY DIVING
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตอบโจทก์ตัวเองอย่างดี ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต อยากทำอะไรบ้าง อะไรที่ทำแล้วคุ้ม ก็ต้องเอาให้สุดๆ
ไม่ต้องบ้า แต่ต้องกล้าลอง
มา มา ไปชมภาพประสบการณ์สุดเสียวนี้ ทำไปได้ไง
Sky Diving คือ การกระโดดออกจากเครื่องบิน ด้วยความเร็วสูงเตรียมโหม่งโลก และ ก่อนที่คุณจะได้สัมผัส ความกลัวก่อนตาย เชือกจะกระตุกพร้อมรัดคอ 555 ไม่ใช่ๆ อันนี้เล่ามาให้กลัวกันเท่านั้น
ความจริงมีอยู่ว่า ... ตามมาฟังทีละสเต็ป...
วางแพลนไว้นาน เตรียมการอย่างดี วันหยุดนี้ ชั้นจะต้องกระโดดเครื่องบินให้ได้ พร้อมเตรียมเงินจำนวนมาก 555 สำหรับการเสี่ยงชีวิตให้ได้มาซึ่งประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมได้ ตลอดชีวิต
Sky Diving Tandem Jumpเป็นการกระโดดร่มแทนดั๊ม แบบคู่ของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน
"แบบเรา" คู่กับครูฝึกโดยจะมีสายรัดติดตัวกับนักกระโดดร่มที่เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์โดดแบบการันตีความตายมาหลายครั้ง จนมัจจุราชให้โล่ ครูฝึกเป็นผู้ควบคุมร่มให้และสอนวีธีการบังคับร่มเบื้องต้น สอนให้ร่อนลงพื้นแบบไม่เจ็บตัว ในท่าที่ปลอดภัยที่สุด
การโดดร่มเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง ให้ทำใจไว้ว่า การกระโดด ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกครั้ง เพราะครั้งที่คุณกระโดดอาจเจออุบัติเหตุได้ทุกรูปแบบ หากคุณต้องเสียชีวิต คุณก็ต้องยอมรับว่าคุณจะต้องตายเพราะตัวคุณเลือกเอง
เมือง Durban ประเทศ South Africa
ตื่นเช้ามาด้วยความตื่นเต้น เช้าวันนั้น อากาศดีเหมือนเดิม ค่อนข้างร้อน นัดรถเอาไว้แล้ว แต่เช้าเลย เพื่อไปให้ทันการโดดเครื่องบินรอบเช้า
นั่งรถชมวิว 2 ข้างทาง วิวสวยตลอดทาง ดูไปคล้ายๆประเทศไทยในเรื่องสีเขียว และ คอนทราสของแสง
แต่ถนนหนทางที่นี่ยังไงก็ชนะขาดในเรื่องของความสะอาด แม้กระทั่งในเมือง หรือ นอกเมือง
บ้านเมืองที่นี่สร้างแปลกๆ เป็นกระท่อมกลมๆ เตี้ยๆ แค่ชั้นเดียว มาจากการดีไซน์แบบหมู่บ้านอัฟริกา เพื่อป้องกันความร้อนจัด ในฤดูร้อน
เป็นบ้านแบบชาวพื้นเมือง
นั่งรถไปคุยกับคนขับรถไปตลอดทาง พร้อมนับเงินที่เตรียมเอาไปจ่ายค่ากระโดดร่ม หมื่นกว่าบาท แบบตาละห้อย
เงิน Africa เรียกว่า แรนด์ มีแบงค์ 5 แบบ เป็นรูปสัตว์คู่ขวัญของประเทศ ที่คนอัฟริกาเรียกกันว่า Big 5
ได้แก่ แรด ช้าง สิงโต ควายป่า และเสือดาว ใครได้เห็นครบทั้ง 5 จะโชคดีมาก
( ใครได้ครอบครองไว้จะดีกว่ามาก หมายถึงเงินนะ อยากมีแบงค์เสือดาวหลายๆใบ )
คนขับรถคุยสนุกดี บอกว่าตัวเองเป็นคนชาว ซูลู หรือชาวพื้นเมือง อัฟริกา พร้อมทั้งเอาคู่มือภาษาแบบง่ายมาให้อ่าน
คุยไปคุยมา อ้าว!คนขับกับเรา เกิดวันเดียวกันเล้ย เป็นเนื้อคู่...
นั่งรถเกือบ ชั่งโมงทีเดียว ออกมานอกเมือง เพราะสถานที่สำหรับการโดด ต้องเป็นทุ่งหญ้ามีพื้นที่กว้างไว้ร่อนลง
ยิ่งใกล้ ก็ยิ่งตื่นเต้น เบสแค้มป์ที่เราจะต้องโดดร่มอยู่ข้างหน้านี้แล้ว
เข้ามาข้างใน มีลานกว้าง พนักงานคอยเก็บร่ม ที่อาจมีการโดดมาแล้วรอบเช้า
เจอแล้ว เครื่องบินที่ จะพาเราขึ้นไปเหิรฟ้า
เข้าไปใกล้ๆ เครื่องบินดูไม่ใหญ่เท่าไหร่
แค่เนี้ย...อะนะ ที่จะพาเราขึ้นไประดับความสูง 9,000 - 13,000 ฟีต หรือประมาณ 3-4 กิโลเมตร
ก่อนมา ศึกษาไว้นิดนึงว่า การมาทำกิจกรรมนี้ควรใส่เสื้อผ้ากระชับ รองเท้าปกปิดหุ้มส้นให้ดี เช่น ผ้าใบ
ส่วนเสื้อผ้าอาจไม่ต้องกังวลมาก เพราะเค้าต้องให้เราใส่ชุดฟอร์ม ที่เหมาะกับการกระโดดอยู่ดี
SM คืออะไรไม่รู้ แต่คิดว่า น่าจะเป็นชื่อย่อของเจ้าของเสื้อตัวจริง
ชะแว้บ... เสร็จแล้ว น่ารักมากๆ เหมือนโปรมาเอง
สงสัยล่ะสิ ใครถ่ายรูปให้??? มันจะเป็นใครไปไม่ได้อีก นอกจาก คนขับรถของเรานั่นเอง
ขอย้ำว่า การกระโดดร่มมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจึงต้องมีการดูวีดีโอคร่าวๆ การปฏิบัติตัวเบื้องต้น การลงสู่พื้น และสำคัญที่สุด
เซนต์เอกสารก่อนเริ่มกระโดด
หากเกิดความผิดพลาด ถึงขั้นเสียชีวิตจากการโหม่งโลก
บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นการรนหาที่ตายของคุณเอง
มองฟ้าแล้วถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมแล้วนะ
พร้อม
ครูฝึกบอกอย่าไปกลัวเลยเธอ ถ้าตาย...ไม่ตายคนนเดียวหรอก ชั้นอยู่นี่
เราไต่ไปสูงขึ้นๆๆ อากาศเย็นลงเรื่อยๆจนเริ่มหนาว
เมื่อมาถึงความสูงที่ได้ระดับ หอบังคับการกับนักบินจะส่งสัญญาณบอกครูฝึกว่า ให้โยนเด็กเธอลงไปได้แล้ว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่การกระโดดครั้งแรกออกจากเครื่องบิน แต่ เป็นวินาทีที่เห็นคนอื่นกระโดดลงไปก่อน
ปล.ไอ้หมอนี่ ไม่กรี๊ดเลยสักแอะ อาจเพราะมันเป็นผู้ชายมันเลยไม่กรี้ด
ในที่สุดเราก็ไม่รอด ครูฝึกจับมานั่งหย่อนขาข้างเครื่องบิน ให้รู้สึกชิน จะบ้าเรอะ!!!
เพื่อเตรียมตัวโดดน่ะ
มืออยู่ในท่าเตรียมพร้อม คือประกบกันไว้โอบรอบตัว คนเราอาจกลัวได้จนเผลอไปปลดเชือกครูฝึก ( อันนี้คิดเอง )
ระหว่างที่มองลมพัดรองเท้าเพลินๆคิดว่า ลมข้างบนนี้แรงดีจริงๆน้า รองเท้าจะปลิวมั้ยน้า
....ครูฝึกก็....กระโดดออกไปแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่....
ก ร ี๊ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด
เสียง....กรี๊ด....เรานี่สิ ยาวที่สุด ดังที่สุดในชีวิตนี้
ระยะเวลาจริงๆในการดิ่งลงมา ใช้เวลาแค่ 15 - 20 วินาทีเท่านั้นเอง
แต่ทำไมรู้สึกเหมือนลอยอยู่นาน กรี๊ดแล้ว กรี๊ดอีก นิ่งแล้ว เเอ๊คท่าแล้ว หุบยิ้มแล้ว ก็ไม่ถึงสึกที
รู้สึกว่า ขยับเข้าใกล้โลก มากขึ้นๆ ใกล้ขึ้น ในแบบที่ใจไม่ดี
ดังนั้น... พรึ่บ!!!...
ครูฝึกกระตุกเชือกรัดคอ ( เชือกรัดจริงๆ จนจุก )
แอบมองขึ้นข้างบนเพื่อดูความใหญ่ของร่ม เห็นร่มกางกี่อันไม่รู้ รู้แต่เชือกรัดคอนะคะครู
คาดว่าอันนี้พี่แกถ่ายหน้าตัวเอง เพื่ออยากเป็นที่จดจำของเราว่าครั้งนึงแกเคยรัดคอเราปางตาย
ครูฝึกสอนเราบังคับทิศทางของร่ม ไปซ้ายไปขวา ตามแรงลม เพื่อร่อนช้าๆลงสู่พื้นดิน
เมื่อครูฝึกเห็นว่า เราเริ่มบังคับออกนอกเส้นทาง ( โดยพยายามอย่างยิ่งที่จะพาร่ม กลับมาให้ถึงประเทศไทย )
ครูฝึกจึงยึดร่มคืน และพาร่อนสู่ ประเทศแอฟริกาอีกครั้ง
ร่อนลงเรื่อยๆ เราต้องยกขาไว้ในแนวราบ เพื่อการลงจอดแบบปลอดภัย หากเอา สองขาคู่ลง เอาอาจกระแทกอย่างแรงจนขาหักได้
ก้นเราย่อมรับความเจ็บได้ดีกว่ากระดูกหัก
เมื่อถึงพื้นจะมีพนักงานมาคอยรับ
จบแล้วค่า ตกถึงพื้นอย่างปลอดภัย เราก็ลากันตรงนี้แล้วรีบไปเกาะกลุ่ม กะไอ้หนุ่มที่โดดลงมาก่อนเมื่อกี้ และเมาท์กันด้วยความเมามันกับประสบการณ์ที่จะจำกันไปจนตาย
ความสวยงามขณะดิ่งลงพื้นโลกวันนั้นบอกเลยว่า ผ่านมา 4 ปีแล้ว แต่ไม่เคยลืมเลย มันติดตา ความรู้สึกลมที่พัดปะทะหน้าอย่างแรง ยังจำได้ทุกความรู้สึกเลย
แว่บหนึ่งของความคิด ชีวิตนี้ คุ้มแล้วสินะ จะมีใครสักกี่คนที่มีโอกาสได้เลือกทำในสิ่งที่คนอีกหลายคนไม่กล้าทำ
แต่การตัดสินใจทุกอย่างมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นคิดให้ดีๆก่อนทำนะคะ
เพื่อนๆยังมีเวลาตัดสินใจอีกนานนะ เพราะคุณยายวัย 82 ยังมาใช้บริการเลย
ไม่แน่ใจป่านนี้คุณยายเป็นยังไง แต่ดูสีหน้าคุณยายขณะกระโดดวันนั้น รู้สึกว่าคุณยายคงคิดแบบเดียวกัน ชีวิตชั้น
โคตรคุ้มเลยว่ะ