อุ ทั ย ธ า นี จั ง ห วั ด นี้ ต้ อ ง ตั้ ง ใ จ ไ ป
เ พ ร า ะ . . อุ ทั ย ไ ม่ ใ ช่ ท า ง ผ่ า น
บ้านสวนจันทิตา [บ้านต้นไม้-ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองพระชนกจักรี หรือ อุทัยธานีที่คนไทยคุ้นเคย]
หมายเหตุ : กระทู้แรกในพันทิป
กาลครั้งแปดเก้าสิงหาห้าแปด
ตื่นเต้นกับการเขียนรีวิวในพันทิปพอควร พิมพ์ไปลบไป พิมพ์ไปลบไปใครเป็นบ้างคะ
มา...มาถึงจุดเริ่มต้นของทริปนี้ กับคำถาม "ทำไมต้องอุทัยธานี" อะพี่?
อุทัย นอกจากขนมปังสังขยาเจ้าดังละยังมีอะไรดังอีกหรอ?
พี่ที่เป็นต้นคิด รีบบอกสโลแกน การเดินทางพักผ่อนครั้งนี้ว่า "จุดหมายไม่มี ทุกนาทีไร้ค่า" ...
เอ...ฟังดูชิลล์ดีนะ ไปก็ไป...
เพราะสโลแกนพี่เค้าแท้ๆ ทำให้มีคนตกร่องปล่องชิ้นไปกันถึง 8 คน
ไปอุทัย!!! ไปพักไหนดี? ภาพที่เรามโนไว้สำหรับจังหวัดเล็กๆ และไม่ได้เป็นจังหวัดทางผ่าน เหมือนนครสวรรค์ กำแพงเพชร ที่ใครๆอยากจะมาแวะพักรายทางก่อนจะมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือสู่จุดหมายปลายทางเชียงราย เชียงใหม่ ... ฯลฯ
ฉะนั้นที่พักที่อุทัยฯ คงจะมีให้เลือกไม่มากนัก ถ้าไม่โรงแรมใหญ่ๆประจำจังหวัด ก็คงเป็นที่พักทั่วๆไป อย่างนั้นมั้ง (งานมโนล้วนๆค่าา)
แต่...มันไม่ใช่เลย มันไม่ใช่เลย (เพลงประกอบต้องมา) นอกจากอุทัยเป็นจังหวัดที่ต้องตั้งใจไปเที่ยวแล้ว ยังมีสถานที่พักที่พวกเราตั้งใจไปพักโดยเฉพาะด้วยนะคะ
นั่นก็คือ,,,,,,,,ที่
บ้านสวนจันทิตา
เราได้ติดต่อที่พักไปกับคุณป้าจัน (เจ้าของบ้าน) ทำการจอง 4 ห้อง ซึ่งเสียงตามสายที่ป้าจัน ตอบกลับมาคือได้ค่ะได้ ว่างอยู่พอดี เดี๋ยวปิดโฮมสเตย์ให้เลย เพราะเรามีแค่ 4 หลังพอดี 555 (ลืมบอกไปว่าเราไปกันตรงกับ เสาร์ที่สองของเดือนสิงหาค่ะ)
พอทราบว่ามีแค่กรุ๊ปเราไป ก็เลยขอส่วนลดกับคุณป้าจันนิดหน่อย แกบอกราคาลดไม่ได้นะคะ แต่จะแถมเป็นผลไม้ปลอดสารพิษให้ได้ทานกันทั้งวัน ... ใจดีจริงๆ ค่าาา
หลังจากจองที่พักกันเรียบร้อย เราก็ตั้งหน้าตั้งตานับวันจะได้ไปเที่ยวกันแบบ "จุดหมายไม่มี ทุกนาทีไร้ค่า"
... ละวันนั้นก็มาถึง
....เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 8 โมง
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไป จนถึงบางประอิน แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านอ่างทอง สิงห์บุรี และทางแยกไป อ. ตากฟ้าราว 25 กม. จะพบทางแยกเข้า จ. ชัยนาท ให่เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 (ถ. พหลโยธิน) ไปอีกราว 10 กม. ถึงตัวเมืองชัยนาท แต่ถ้าจะไปตัวเมืองอุทัยฯ ก็ไม่ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ให้ขับไปตามทางสายเอเชียจนสุดทาง แล้วไปต่อตามทางหลวงหมายเลข 1 อีกราว 4 กม. ก็จะถึงตัวเมืองอุทัยฯ รวมระยะทางทาง 219 กม.
ร้องเพลงในรถกันไป ประมาณ 35 เพลงก็ถึงจังหวัด อุทัยแล้วววววววว คริคริ ขณะนั้นจำได้ว่าประมาณ 10 โมงเองมั้ง ขับมากันไม่ถึงสองชั่วโมงเองจ้า เร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ
ทางเข้าที่พักจะอยู่ก่อนถึงตัวเมือง จะเป็นซอยเล็กๆ ขับช้าๆ ระวังเลยซอยกันนะคะ
แผนที่ดูในเวบได้ค่ะ
https://www.facebook.com/bansuanchantita
ถ่าาาาด๊าาาาาาาา.....ที่นี่ คือ "บ้านสวนจันทิตา"
บ้านในสวน สวนในบ้าน ถ้าได้ลองไปถึงที่พักแล้วเราจะแยกไม่ออกเลยทีเดียว
บ้านไม้ดิบๆสี่หลัง ที่ไล่ระดับสูงต่ำ ไม่เท่ากัน มีทางเดินเป็นพื้นไม้เชื่อมถึงกัน จากหลังที่ 1 ถึง หลังที่ 4 แทรกไปด้วยต้นไม้ใหญ่เล็ก ไม้ดอกไม้ประดับ ที่คุณลุงสานและคุณป้าจันปลูกไว้เเองกับมือ ร่มรื่นและรุ้สึกสดชื่นมากเลยทีเดียว
ไปถึงไม่พูดพร่ำทำเพลง สวัสดีคุณป้าจันทิตา และคุณลุงสาน ละขอตัวไปชักภาพอย่างรวดเร็ว
กดชัตเตอร์ไป ว๊าวววว ไป ทำไมมีบ้านพักแบบนี้ซ่อนอยู่ที่ อุทัยด้วยเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ!!
ของตกแต่งกระจุ๊ก กระจิ๊ก กระถาง แจกัน บ้านนก ทุกอย่างทำจากวัสดุธรรมชาติล้วนๆ รักษ์โลกสุดๆ
หญ้าเขียวขจี (ก็ยังจะตื่นเต้นถ่าย .. แหมะ ลองเดินบนพรมหญ้าด้วยเท้าเปล่าดู แล้วจะรู้สึกว่ามันคือหญ้าวิเศษ นวดๆ นิ่มๆ)
บ้านในสวน สวนในบ้าน แยกไม่ออกจริง จริ๊งงงง (เสียงสูงแบบจริงใจนะ)
ลานกิจกรรมของพวกเราในค่ำคืนนี้
มาดูภายในห้องพักกันบ้างดีกว่า .. เราได้อยู่บ้านหลังที่สูงที่สุด อารมณ์เหมือนนอนอยู่บนบ้านต้นไม้เลยค่าาา ฟินนนเฟร่อ (ติดนางแบบประจำทริปด้วยจ้า)
ฟังก์ชั่น แบ่ง 4 ส่วน ตามโครงสร้างรูปเครื่องหมาย + ด้านบนทิศเหนือคือห้องนอน ที่ยกพื้นสูงขึ้นมาหนึ่งระดับ ด้านขวาทิศตะวันออกคือห้องน้ำ ด้านซ้ายทิศตะวันตกคือห้องนั่งเล่น ส่วนด้านล่างทิศใต้คือระเบียงรับแขกหน้าบ้าน ค่ะ
ห้องน้ำ ประตูเลื่อนเป็นบานไม้ (หนักมากกก) มีห้องอาบน้ำเป็นตู้กระจกใสแยกไว้กันพื้นเปียกด้วยนะคะ ส่วนวิวตอนอาบน้ำนี่แบบธรรมชาติสุดๆ ไม่ต้องง้อ wall paper เลย ทำธุระส่วนตัวไป มองต้นกล้วยไป เพลินนนมาก
ห้องนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่นๆ นั่งพื้น รอบบ้านมีบานกระจกใส ทำให้เราได้นั่งสังเคราะห์แสงธรรมชาติได้จากในห้องพักเลย
ห้องรับแขกหน้าระเบียงบ้าน บ้านใคร บ้านมัน ด้วยนะ จะนั่งห้อยขาตรงบันได หรือจะไขว่ห้างตรงม้านั่งที่ระเบียงก็ชิลล์สุดๆ
ลงบันไดสวยๆ จ้าาา (ไม่ได้ขออนุญาตนางแบบ ไม่ได้เซนเซอร์หน้า คิดว่านางน่าจะโอเคนะ)
มองไปทางไหนก็ เขียวรื่นรมณ์มากกกก หายใจสุดปอด ไม่ต้องกั๊กเล้ยยย สดชื่นนนนอะ
ราคา ---- ราคาก็ไม่ถูก ไม่แพง แลกกับการมาพักผ่อนอย่างสุดแสนจะสบายใต้ร่มเงาต้นไม้และเสียงนกเสียงกาและไก่ขัน
2,000 บาท ต่อหลัง พักได้ 2 คน (เตียงเสริมเพิ่มเงินจ้ะ) พร้อมอาหารเช้าค่ะ (ข้าวต้ม ชา กาแฟ)
โทรไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ใน FB นะคะ
มาถึงในส่วนสุดท้ายของการรีวิวที่พักละค่ะ ต้องขอขอบคุณคุณลุงสาน คุณป้าจัน ที่ดูแลและมาพูดคุยกับพวกเราแบบเป็นกันเองมาก เช้ามาหลังทำข้าวต้มให้ทานก็มานั่งเสวนากันเรื่องของการตกแต่ง ออกแบบบ้านสวนจันทิตาที่ลูกๆเป็นคนออกแบบและควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง เพื่อให้พ่อกับแม่ ดูแล หลังเกษียณ ซึ่งคุณป้าจัน ก็เป็นศิษย์เก่า ม.เกษตร เวลาว่างก็สอนพิเศษภาษาอังกฤษเด็กๆ แถวนั้น น่าอิจฉาเด็กๆ มีสถานที่เรียนใกล้ชิดธรรมชาติมาก นอกจากนั้นยังแนะนำที่เที่ยว ที่กิน เด็ดๆ จังหวัดอุทัย ให้พวกเราด้วย
ขอบคุณหัวหน้าเผ่าที่ทำให้ทริปนี้บังเกิด [พี่ชวะกะซัง และชาวคณะที่ร่วมกันเดินทางไปสโลววว์ไล๊ฟ์ (สาระ)] กินอิ่ม นอนอิ่ม แถมปิดท้ายด้วยการไปช็อปปิ้งบุญในวิหารแก้ววัดท่าซุง (วัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) เป็นวิหารที่สวยงามไม่รู้จะบรรยายหรือถ่ายรูปยังไงให้สวยเหมือนกับภาพที่ตาเราเห็น ถ้าใครยังไม่เคยไปกราบสักการะ แนะนำว่าต้องไปจริงๆ ค่ะ
ปล.ไว้ว่างๆ จะมาอัพเดทสถานที่ที่เราไปแวะเที่ยวมาเป็นของแถมของการเดินทางครั้งนี้อีกครั้ง เพราะเราไม่ได้แพลนอะไรกันก่อนไปเลยนอกจากที่พักจริงๆ ตามสโลแกน "จุดหมายไม่มี ทุกนาทีไร้ค่า" เลยได้แต่ใช้ชีวิตช้าช้า ไม่รีบ ไม่เร้า อยากแวะไหนแวะ อยากกินไหนกิน ไหลๆ ไปค่ะ
ปล.ปล. ภาพถ่ายไร้การปรับแต่งใดๆ นอกจากย่อไฟล์ภาพและใส่ลายน้ำเท่านั้น วางใจได้ว่าภาพที่จะไปเห็นกันจริงๆก็จะเป็นสีธรรมชาติตามนี้เลยค่าา
อุ ทั ย ธ า นี จั ง ห วั ด นี้ ต้ อ ง ตั้ ง ใ จ ไ ป
เ พ ร า ะ . . . อุ ทั ย ไ ม่ ใ ช่ ท า ง ผ่ า น
[CR] บ้านสวนจันทิตา [บ้านต้นไม้-ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองพระมหาชนก]
มา...มาถึงจุดเริ่มต้นของทริปนี้ กับคำถาม "ทำไมต้องอุทัยธานี" อะพี่?
อุทัย นอกจากขนมปังสังขยาเจ้าดังละยังมีอะไรดังอีกหรอ?
พี่ที่เป็นต้นคิด รีบบอกสโลแกน การเดินทางพักผ่อนครั้งนี้ว่า "จุดหมายไม่มี ทุกนาทีไร้ค่า" ...
เอ...ฟังดูชิลล์ดีนะ ไปก็ไป...
เพราะสโลแกนพี่เค้าแท้ๆ ทำให้มีคนตกร่องปล่องชิ้นไปกันถึง 8 คน
ไปอุทัย!!! ไปพักไหนดี? ภาพที่เรามโนไว้สำหรับจังหวัดเล็กๆ และไม่ได้เป็นจังหวัดทางผ่าน เหมือนนครสวรรค์ กำแพงเพชร ที่ใครๆอยากจะมาแวะพักรายทางก่อนจะมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือสู่จุดหมายปลายทางเชียงราย เชียงใหม่ ... ฯลฯ
ฉะนั้นที่พักที่อุทัยฯ คงจะมีให้เลือกไม่มากนัก ถ้าไม่โรงแรมใหญ่ๆประจำจังหวัด ก็คงเป็นที่พักทั่วๆไป อย่างนั้นมั้ง (งานมโนล้วนๆค่าา)
แต่...มันไม่ใช่เลย มันไม่ใช่เลย (เพลงประกอบต้องมา) นอกจากอุทัยเป็นจังหวัดที่ต้องตั้งใจไปเที่ยวแล้ว ยังมีสถานที่พักที่พวกเราตั้งใจไปพักโดยเฉพาะด้วยนะคะ
นั่นก็คือ,,,,,,,,ที่ บ้านสวนจันทิตา
เราได้ติดต่อที่พักไปกับคุณป้าจัน (เจ้าของบ้าน) ทำการจอง 4 ห้อง ซึ่งเสียงตามสายที่ป้าจัน ตอบกลับมาคือได้ค่ะได้ ว่างอยู่พอดี เดี๋ยวปิดโฮมสเตย์ให้เลย เพราะเรามีแค่ 4 หลังพอดี 555 (ลืมบอกไปว่าเราไปกันตรงกับ เสาร์ที่สองของเดือนสิงหาค่ะ)
พอทราบว่ามีแค่กรุ๊ปเราไป ก็เลยขอส่วนลดกับคุณป้าจันนิดหน่อย แกบอกราคาลดไม่ได้นะคะ แต่จะแถมเป็นผลไม้ปลอดสารพิษให้ได้ทานกันทั้งวัน ... ใจดีจริงๆ ค่าาา
หลังจากจองที่พักกันเรียบร้อย เราก็ตั้งหน้าตั้งตานับวันจะได้ไปเที่ยวกันแบบ "จุดหมายไม่มี ทุกนาทีไร้ค่า"
... ละวันนั้นก็มาถึง
....เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 8 โมง
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไป จนถึงบางประอิน แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านอ่างทอง สิงห์บุรี และทางแยกไป อ. ตากฟ้าราว 25 กม. จะพบทางแยกเข้า จ. ชัยนาท ให่เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 (ถ. พหลโยธิน) ไปอีกราว 10 กม. ถึงตัวเมืองชัยนาท แต่ถ้าจะไปตัวเมืองอุทัยฯ ก็ไม่ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ให้ขับไปตามทางสายเอเชียจนสุดทาง แล้วไปต่อตามทางหลวงหมายเลข 1 อีกราว 4 กม. ก็จะถึงตัวเมืองอุทัยฯ รวมระยะทางทาง 219 กม.
ร้องเพลงในรถกันไป ประมาณ 35 เพลงก็ถึงจังหวัด อุทัยแล้วววววววว คริคริ ขณะนั้นจำได้ว่าประมาณ 10 โมงเองมั้ง ขับมากันไม่ถึงสองชั่วโมงเองจ้า เร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ
ทางเข้าที่พักจะอยู่ก่อนถึงตัวเมือง จะเป็นซอยเล็กๆ ขับช้าๆ ระวังเลยซอยกันนะคะ
แผนที่ดูในเวบได้ค่ะ https://www.facebook.com/bansuanchantita
ถ่าาาาด๊าาาาาาาา.....ที่นี่ คือ "บ้านสวนจันทิตา"
บ้านในสวน สวนในบ้าน ถ้าได้ลองไปถึงที่พักแล้วเราจะแยกไม่ออกเลยทีเดียว
บ้านไม้ดิบๆสี่หลัง ที่ไล่ระดับสูงต่ำ ไม่เท่ากัน มีทางเดินเป็นพื้นไม้เชื่อมถึงกัน จากหลังที่ 1 ถึง หลังที่ 4 แทรกไปด้วยต้นไม้ใหญ่เล็ก ไม้ดอกไม้ประดับ ที่คุณลุงสานและคุณป้าจันปลูกไว้เเองกับมือ ร่มรื่นและรุ้สึกสดชื่นมากเลยทีเดียว
ไปถึงไม่พูดพร่ำทำเพลง สวัสดีคุณป้าจันทิตา และคุณลุงสาน ละขอตัวไปชักภาพอย่างรวดเร็ว
กดชัตเตอร์ไป ว๊าวววว ไป ทำไมมีบ้านพักแบบนี้ซ่อนอยู่ที่ อุทัยด้วยเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ!!
ของตกแต่งกระจุ๊ก กระจิ๊ก กระถาง แจกัน บ้านนก ทุกอย่างทำจากวัสดุธรรมชาติล้วนๆ รักษ์โลกสุดๆ
หญ้าเขียวขจี (ก็ยังจะตื่นเต้นถ่าย .. แหมะ ลองเดินบนพรมหญ้าด้วยเท้าเปล่าดู แล้วจะรู้สึกว่ามันคือหญ้าวิเศษ นวดๆ นิ่มๆ)
บ้านในสวน สวนในบ้าน แยกไม่ออกจริง จริ๊งงงง (เสียงสูงแบบจริงใจนะ)
ลานกิจกรรมของพวกเราในค่ำคืนนี้
มาดูภายในห้องพักกันบ้างดีกว่า .. เราได้อยู่บ้านหลังที่สูงที่สุด อารมณ์เหมือนนอนอยู่บนบ้านต้นไม้เลยค่าาา ฟินนนเฟร่อ (ติดนางแบบประจำทริปด้วยจ้า)
ฟังก์ชั่น แบ่ง 4 ส่วน ตามโครงสร้างรูปเครื่องหมาย + ด้านบนทิศเหนือคือห้องนอน ที่ยกพื้นสูงขึ้นมาหนึ่งระดับ ด้านขวาทิศตะวันออกคือห้องน้ำ ด้านซ้ายทิศตะวันตกคือห้องนั่งเล่น ส่วนด้านล่างทิศใต้คือระเบียงรับแขกหน้าบ้าน ค่ะ
ห้องน้ำ ประตูเลื่อนเป็นบานไม้ (หนักมากกก) มีห้องอาบน้ำเป็นตู้กระจกใสแยกไว้กันพื้นเปียกด้วยนะคะ ส่วนวิวตอนอาบน้ำนี่แบบธรรมชาติสุดๆ ไม่ต้องง้อ wall paper เลย ทำธุระส่วนตัวไป มองต้นกล้วยไป เพลินนนมาก
ห้องนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่นๆ นั่งพื้น รอบบ้านมีบานกระจกใส ทำให้เราได้นั่งสังเคราะห์แสงธรรมชาติได้จากในห้องพักเลย
ห้องรับแขกหน้าระเบียงบ้าน บ้านใคร บ้านมัน ด้วยนะ จะนั่งห้อยขาตรงบันได หรือจะไขว่ห้างตรงม้านั่งที่ระเบียงก็ชิลล์สุดๆ
ลงบันไดสวยๆ จ้าาา (ไม่ได้ขออนุญาตนางแบบ ไม่ได้เซนเซอร์หน้า คิดว่านางน่าจะโอเคนะ)
มองไปทางไหนก็ เขียวรื่นรมณ์มากกกก หายใจสุดปอด ไม่ต้องกั๊กเล้ยยย สดชื่นนนนอะ
ราคา ---- ราคาก็ไม่ถูก ไม่แพง แลกกับการมาพักผ่อนอย่างสุดแสนจะสบายใต้ร่มเงาต้นไม้และเสียงนกเสียงกาและไก่ขัน
มาถึงในส่วนสุดท้ายของการรีวิวที่พักละค่ะ ต้องขอขอบคุณคุณลุงสาน คุณป้าจัน ที่ดูแลและมาพูดคุยกับพวกเราแบบเป็นกันเองมาก เช้ามาหลังทำข้าวต้มให้ทานก็มานั่งเสวนากันเรื่องของการตกแต่ง ออกแบบบ้านสวนจันทิตาที่ลูกๆเป็นคนออกแบบและควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง เพื่อให้พ่อกับแม่ ดูแล หลังเกษียณ ซึ่งคุณป้าจัน ก็เป็นศิษย์เก่า ม.เกษตร เวลาว่างก็สอนพิเศษภาษาอังกฤษเด็กๆ แถวนั้น น่าอิจฉาเด็กๆ มีสถานที่เรียนใกล้ชิดธรรมชาติมาก นอกจากนั้นยังแนะนำที่เที่ยว ที่กิน เด็ดๆ จังหวัดอุทัย ให้พวกเราด้วย
ขอบคุณหัวหน้าเผ่าที่ทำให้ทริปนี้บังเกิด [พี่ชวะกะซัง และชาวคณะที่ร่วมกันเดินทางไปสโลววว์ไล๊ฟ์ (สาระ)] กินอิ่ม นอนอิ่ม แถมปิดท้ายด้วยการไปช็อปปิ้งบุญในวิหารแก้ววัดท่าซุง (วัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) เป็นวิหารที่สวยงามไม่รู้จะบรรยายหรือถ่ายรูปยังไงให้สวยเหมือนกับภาพที่ตาเราเห็น ถ้าใครยังไม่เคยไปกราบสักการะ แนะนำว่าต้องไปจริงๆ ค่ะ
ปล.ไว้ว่างๆ จะมาอัพเดทสถานที่ที่เราไปแวะเที่ยวมาเป็นของแถมของการเดินทางครั้งนี้อีกครั้ง เพราะเราไม่ได้แพลนอะไรกันก่อนไปเลยนอกจากที่พักจริงๆ ตามสโลแกน "จุดหมายไม่มี ทุกนาทีไร้ค่า" เลยได้แต่ใช้ชีวิตช้าช้า ไม่รีบ ไม่เร้า อยากแวะไหนแวะ อยากกินไหนกิน ไหลๆ ไปค่ะ
ปล.ปล. ภาพถ่ายไร้การปรับแต่งใดๆ นอกจากย่อไฟล์ภาพและใส่ลายน้ำเท่านั้น วางใจได้ว่าภาพที่จะไปเห็นกันจริงๆก็จะเป็นสีธรรมชาติตามนี้เลยค่าา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น