[CR] Review : Dior Diorskin Nude Air Serum Foundation

สวัสดีค้าบบ ไม่ได้เข้ามาตั้งกระทู้รีวิวซะตั้งนาน ปกติก็ตามอ่านรีวิวชาวบ้านนี่แหละครับ

วันก่อนรองพื้นหมดพอดี เลยได้ฤกษ์ซื้อของใหม่ ซึ่งจากการอ่านรีวิวของชาวบ้านมาอย่างหนัก เลยตัดสินใจจะซื้อรองพื้นตัวนี้

เป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลยครับ




Dior Nude Air Serum Foundation

Dior นี่เข้าใจเลือกคำให้บ่งบอกถึงผลิตภัณฑ์นะครับ แค่ชื่อก็รู้เลยว่าพอทาแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร

Nude = เปลือยเปล่า
Air = เบาบางเหมือนอากาศ
Serum = บำรุง



พอรวมกันเลยกลายเป็น “รองพื้นที่ทาแล้วได้งานผิวธรรมชาติ เนื้อเบาเหมือนไม่ได้ทาอะไร และบำรุงผิวไปด้วย”
อู้ววววว แรงมากเลยทีเดียว

สำหรับเราแล้วรองพื้นตัวนี้ ถือเป็นรองพื้นที่ให้งานธรรมชาติที่ให้ผิวสวยที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่เคยใช้รองพื้นมาหลายแบรนด์เลยล่ะ


Dior Diorskin Nude Air Serum Foundation
เจ้ารองพื้นตัวนี้มาในรองพื้นขวดแก้ค่อนข้างหนัก พร้อมดรอปเปอร์ติดออกมา ซึ่งเราเองคิดว่าการใช้ dropper ถือว่าเหมาะกับเจ้าตัวเนื้อรองพื้นตัวนี้มาก เนื่องจากมันเหลวมาก เหมือนน้ำเลยล่ะ ถึงแม้การใช้งานจะดูยุ่งยากกว่าหัวปั๊มก็ตาม แต่เจ้า dropper ของรองพื้นตัวนี้ให้ปริมาณการใช้ที่พอเหมาะทีเดียว



สำหรับเฉดสี เราว่า Dior เป็นแบรนด์ที่ทำเฉดสีรองพื้นออกมาค่อนข้างน้อย ตั้งแต่อดีตตัวโปรดของเรา Dior Skin Nude / Dior Skin Forever มาจนถึงตัวนี้ ทำสีออกมาเพียงแค่ 8 เฉดเท่านั้นเองครับ แต่ยังโชคดีที่สี 021 ยังเข้ากับสีผิวของเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งค่อนข้างง่ายสำหรับเรามาก เพราะรองพื้น dior สี 021 เราใช้มาตั้งแต่ skin nude และ skin forever ซึ่งสีที่ทาก็ไม่เพี้ยนไปจากที่เคยใช้แต่อย่างไรคับ



รองพื้นตัวนี้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม สำหรับเรา เนื้อออกไปทางน้ำมันบางๆมากกว่าจะรู้สึกถึงความเย็นซาบซ่าของแอลกอฮอล์แบบเจ้าอื่นๆ ส่วนน้ำหอมเราว่าไม่แรงมากกว่า chanel ยังแรงกว่าเลย แต่กลิ่นน้ำหอมของ dior มันค่อนข้างแปลกๆบอกไม่ถูก ถามเพื่อนหลายๆคน บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ แต่สำหรับเราใส่มาก็ดีแล้ว เพราะเคยใช้รองพื้นที่ไม่ผสมน้ำหอม กลิ่นออกไปทางน้ำมันมากๆ



เนื้อสัมผัสของรองพื้นทำออกมาได้แปลกไม่เหมือนใครจริงๆ เป็นการเบลนด์ส่วนผสมของน้ำมันและเม็ดสีเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งพอเราทารองพื้น ความร้อนจากผิวจะทำให้น้ำมันระเหยออกในทันที ทิ้งไว้เพียงเม็ดสีไว้บนผิว



การใช้งาน ต้องบีบรองพื้นที่คาใน dropper ออกให้หมดก่อน จากนั้นก็ปิดฝาและเขย่า ขอย้ำว่า เขย่าแบบจริงจัง ซัก 5-6  ทีก็น่าจะพอ เพื่อให้ส่วนผสมของน้ำมันและเม็ดสีเข้ากัน

รองพื้นตัวนี้มี SPF 25 ให้ด้วย แต่ส่วนตัว เราว่าไม่เพียงพอต่อแดดเมืองไทย ก่อนไปใช้ชีวิตภายนอก กรุณาทากันแดดเถิดพี่น้อง ส่วนเรื่องการ flashback ของสารกันแดดกับแฟลช เรายังไม่เคยลองตัวนี้กับแฟลชมาก่อน ถ้าใครทดสอบแล้วมาบอกกันได้นะครับ


เนื้อรองพื้นตัวนี้เหลวมากครับ เหลวเหมือนน้ำเลย แต่จริงๆมันคือการเบลนด์อย่างลงตัวระหว่าง น้ำมัน แอลกอฮอล์ และเม็ดสี เนื้อบางเบา นุ่มและเนียนมาก ปกติ เราใช้ประมาน  8 หยด ก็ทาได้ทั่วทั้งไปหน้าแล้ว แต่ถ้าตรงไหนที่มีปัญหากว่าตรงอื่น ก็ใช้เพิ่มอีกแค่หยดเดียว เป็นรองพื้นที่เกลี่ยได้ง่ายและได้พื้นที่เยอะมาก มือใหม่หัดใช้รองพื้น สามารถเริ่มต้นกับตัวนี้ได้ง่ายๆครับ เพราะเกลี่ยง่ายไม่เป็นคราบและดูเนียนเสมอกัน ถึงจะเกลี่ยแบบรีบๆก็ตาม

ตัวนี้ใช้เกลี่ยง่ายมาก ถึงมากที่สุดครับ ใช้นิ้วมือก็เร็ว ใช้แปรงก็เร็วมาก สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิสที่มีเวลาช่วงเช้าจำกัดก่อนการพุ่งตัวไปทำงาน แนะนำว่าใช้เจ้าตัวนี้กับแปรงตระกูล kabuki ทั้งหลาย หรือ real technique buffing brush สามารถลงรองพื้นนี้ทั้งหน้าได้ภายในเวลา ไม่ถึง 10 วินาที แถมดูเนียนสวยด้วยครับ แต่ถ้าต้องการออกงานที่เนี้ยนกว่าเดิม สามารถใช้ฟองน้ำหรือ beauty blender แตะเนื้อรองพื้นและกดซ้ำอีกรอบนึง เราจะได้งานผิวที่เนียนสวยและธรรมชาติจนคนข้างๆดูไม่ออกเลยครับว่าทารองพื้นมา  สำหรับแปรงรองพื้นแบบหัวแบน foundation brush เรายังไม่เคยลอง ถ้าใครมีรบกวนบอกด้วยครับว่าผลการใช้เป็นอย่างไร

Finish ของผิวหลังทาจะเกือบๆ matt แต่ก็ไม่ matt ซะทีเดียว ยังมีความเงาอยู่บ้างเล็กน้อย นึกถึงผิวคนปกติที่เพิ่งล้างหน้ามาใหม่ๆครับ จะไม่เงา ไม่แมทซะทีเดียว  It is my skin but better!! เป็นงานผิวจริงๆ แต่ดูดีขึ้น เนียนขึ้น สีผิวสม่ำเสมอกันมากขึ้น



การปกปิดนั้น ผมว่าอยู่ระดับ sheer to medium นะ คือถ้าลงชั้นเดียวจะไม่ปกปิดมาก แต่ถ้าลง 2 ชั้นสามารถปกติรอยแดง รูขุมขน ได้ระดับที่ดีจนน่าพอใจเลยทีเดียว แต่ข้อดีของการลงรองพื้นตัวนี้คือ ถึงแม้จะลง 2 - 3  ชั้น ผิวก็ยังดูธรรมชาติมากอยู่ดี แต่สามารถปกติรอยแดง รอยสิวจางๆ ได้เกือบหมดเลยทีเดียว

การคุมมัน เราว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ใครจะเป็นมนุษย์หน้ามัน อาจจะต้องลงแป้งคุมความมันอย่างของลอร่า หรือ ตัวที่คุมมันดีกว่านี้ อาจะเป็นที่ผมเป็นคนหน้ามัน ผ่านไปซัก 2-3 ชม ตรงบริเวณ T-Zone เริ่มมันพอสมควรแล้ว ข้อเสียอีกอย่างนึงของรองพื้นตัวนี้คือ ใครที่มีรอยหลุมสิวเยอะ เจ้ารองพื้นตัวนี้จะไปเน้นให้รอยสิวชัดขึ้น ด้วยความที่เหลวเหมือนน้ำ พอมันเข้าไปในหลุมสิว เม็ดสีจะยิ่งชัดกว่าเดิม ก่อนทาลง primer ที่ช่วยกลบหลุมสิวด้วยนะครับ หรือ อาจจะต้องมองรองพื้นตัวอื่นที่เนื้อออกครีมมากกว่านะนี้จะได้ไม่ตกร่องหลุมสิวครับ

ข้อดีอีกอย่างของรองพื้นตัวนี้คือ สีไม่เข้มระหว่างวันครับ บ่ายแก่ๆ จนถึงเย็น สีก็ยังเหมือนตอนที่ทาใหม่ๆ ซึ่งน้อยแบรนด์นักที่จะทำแบบนี้ได้

ตามรูปด้านล่าง ก่อนอื่นผมล้างหน้าแล้วลงบำรุงตามปกตินะครับ จะเห็นได้ว่ามีรอยแดงจากสิวบ้างและรูขุมขนพอสมควร



ทารองพื้นทับไปก่อนชั้นแรกโดยที่ผมไม่ได้ใช้ primer หรือ make-up base ใดๆ เพื่อจะได้เห็นประสิทธิภาพของรองพื้นกันแบบชัดๆ จะเห็นได้ว่ารอยสิวกะรูขุมขนถูกเบลอไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งน่าประทับใจมากกับรองพื้นที่เหลวเหมือนน้ำขนาดนี้ ผิวดูเนียนเสมอกัน และดูละเอียดขึ้นด้วยครับ แถมยังดูเหมือนผิวจริงๆ ไม่รู้สึกหนักหน้า เหมือนเอาน้ำเปล่าทาหน้าเลยล่ะ !!!



ต่อไปลองลงรองพื้นทับรอบ 2 จะเห็นได้ว่าผิวดูเนียนเสมอกันมากกว่า รูขุมขนหายไปเกือบหมด แต่ในส่วนของหลุมสิว จะเห็นได้ว่ามีเม็ดสีไปคาอยู่ในรูพอสมควร ใครที่มีหลุมสิวเยอะต้องระวังในการใช้ด้วยครับ






สรุป
เป็นรองพื้นที่ให้งานผิวๆ ใช้ง่าย เกลี่ยง่าย ปกปิดในระดับที่น่าประทับใจ สามารถกลบพวกรอยปัญหาเล็กน้อยได้ และได้งานผิวที่ดูซอฟและเนียน ใช้แต่งออกเดท ไปหาแฟนที่ไม่ชอบคนแต่งหน้า ใช้หลอกเพื่อนว่าผิวดีแต่กำเนิด หรือกระทั่งใช้ออกงานกลางคืนให้ลุคสวยแบบธรรมชาติ ตื่นนอนมาผิวก็แบบนี้อ่ะ ไม่ได้แต่งหน้ามานะ
แต่ข้อเสียคือเฉดสีค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ และไปเน้นหลุมสิวให้ชัดขึ้นด้วยครับ


สำหรับวันนี้ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ
คราวหน้าผมเองก็เลือกรองพื้นที่จะเอามารีวิวไว้แล้ว ถ้ามีโอกาสจะมีรีวิวให้ใหม่นะครับ ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   DIORSKIN NUDE AIR
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่