สวัสดีค่ะทุกคน
วันนี้อีฟมารีวิวรองพื้นรุ่นใหม่จาก Dior ค่ะ
นั่นคือ DIORSKIN NUDE AIR นั่นเองงง
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่เคยใช้รองพื้น Dior เลย ขวดนี้เป็นขวดแรก จะได้ใจไปมั้ย มาดูกันค่า
รูปร่างขวด จะเป็นขวดแก้ว มีน้ำหนัก ดูหะรูหะรา
ฝาขวดจะเป็นตัวบีบๆนะคะ
ด้านหน้า และด้านหลังของขวด
อีฟใช้เบอร์ 010 นะค๊า
ที่ฝาขวดเค้าจะเป็น Dropper แบบนี้ค่ะ
ข้อควรระวังคือ อย่าพลิก Dropper ขึ้นมาค่ะ
นึกถึงหน้า อ.สอนเคมี ตอนเรียนม.ปลาย อินี่โดนด่าแทบตาย พลิก Dropper ไปมา ฮ่าๆๆๆ
เดี๋ยวยางเสื่อม เดี๋ยวสารมันมีอะไรเจือปน เดี๋ยวสารลงไปตกค้างตรงยางที่บีบๆ บลาๆๆ เพราะฉะนั้นระวังด้วยค่ะ
เนื้อรองพื้นเค้าหยดลงไปปุ๊ปปป รองพื้นจะแผ่กระจายตัวออกเลยค่าา
เนื้อพิกเมนท์สีแน่นมากกกกแต่เนียน บาง ไปกับผิว
คือเนื้อมันเนียนและกลมกลืนกลายเป็นผิวเราไปเลย ตรงจุดนี้ทำได้ดีมากๆค่ะ
คืออยากให้ไปลองงง
ค่อยๆเกลี่ยเนื้อรองพื้น จะเห็นว่าเนื้อรองพื้นจะมีความฉ่ำอยู่ด้วย
คือมันเหมือนจะมันนะ แต่พอเกลี่ยแล้วแห้งเลย
เกลี่ยแล้ว แห้งไว้มาก กลืนไปกับผิวเลย
ตอนแรกเราซื้อมาผิด ซื้อเบอร์ 020 มา ปรากฏว่ามันเข้มไปเยอะเลยค่ะ
สงสัยวันที่ไปลอง เราคงปัด Bronzer ที่กรามหนักไปหน่อย ฮ่าๆๆๆ
ไฟในห้างไฟเหลืองด้วย เห้ออ เหนื่อยจิต
รุ่งขึ้นทนไม่ไหว ไปซื้อใหม่เลย หงุดหงิดมาก หงุดหงิดจนคนรอบข้างหงุดหงิดไปด้วย เจอของที่ชอบแต่ใช้ไม่ได้ คิดดู
พอไปซื้อใหม่ ควักตังมาจะจ่ายแระ ของหมดจ้าา #ล้องห้ายยยยยย
หงุดหงิดเลเวล99 แต่ไม่กี่วันต่อมาก็ไปตำมาจนได้ ฮ่าๆๆๆ #รมย์ดีดี๊ดีแระ
นี่มีเบอร์ 020 มาให้ดู
นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเข้มขนาดนี้ซื้อมาได้ไง ฮ่าๆๆ
ที่เค้าว่าความรักทำให้คนตาบอดคงจะจริง
เดี๋ยวจะทาบนหนังหน้าบ้าง
หน้าสด มีรอยสิวประปราย ทั้งสิวเล็กสิวใหญ่สิวน้อยใหญ่
รอยแผลเป็นที่หน้าผาก ไม่ใช่ Harry แต่เป็นรอยสิวที่ไม่หายสักที
เกลี่ยรองพื้นลงไป
เนื้อสัมผัส : เนื้อรองพื้นเซรั่ม ทาลงไปบนผิวแล้วซึมเนียน บางเบา
กลืนไปกับผิวเลย ตัวนี้ไม่หนักหน้า ให้ความสบายกับผิวมากๆ เหมือนเราทาครีมบำรุง
ณ จุดนี้พูดเลยว่า smooth as silk เลยทีเดียว
ในภาพ อีฟทา 1 ชั้น
ก็สามารถปกปิดรอยเล็กๆจุ๋มหริมได้ แต่รอยโหดยังเอาไม่อยู่
รองพื้นตัวนี้บิวท์ได้
อีฟเคยบิวท์มากสุด 3 ชั้นเพื่อปิดรอยสิว โอเลยทีเดียว ไม่ต้องใช้คอนซิลเลอร์
ให้ลุคงานผิวๆ โกลวๆ ถึงจะมีแผลเป็นแต่ก็บิวท์ปกปิดได้ ไม่ดูเค้ก ไม่ดูปลอม ไม่แตกระแหง
ส่วนใต้ตา ไม่มีอะไรเอาอยู่ ทาคอนซิลเลอร์เถอะ จะได้จบเร็วๆ ฮ่าๆๆ
วิธีการทา : ใช้นิ้วเกลี่ยได้ ไม่เป็นคราบ คนทารองพื้นไม่เก่งก็ทาได้
อีฟชอบใช้กับแปรง Duo fiber มันยิ่งให้ความบางเบา เนียนกลืนไปกับผิวมากๆ
ฟรินนนนนมากกก
แล้วอีกอย่างคือ อีฟว่ารองพื้นตัวนี้ไม่ต้องใช้ primer อะไรให้วุ่นวายก็ได้
มันเป็นเนื้อเซรั่ม อีฟว่าให้มันซึมไปกับผิวอะดีที่สุด มันจะให้งานผิวธรรมชาติ และงานโกลวว
อำพรางรูขุมขนได้พอประมาณ แต่เราไม่ได้ซีเรียสไรมาก ไม่ได้อยากได้งานพลาสติกขนาดนั้น
อยากได้งานสบายผิวมากกว่า
แต่งหน้าเสร็จแล้วเป็นงิ
มันได้งานฉ่ำ และเฮลท์ตี้ เหมือนเป็นผิวเราจริงๆ
ส่วนตัวคิดว่า เหมาะกับคนที่ผิวแห้ง / ผิวผสม เราผสมค่อนมันไปทางมันก็ยังใช้ได้
ส่วนคนผิวมันมากกกกอาจจะต้องใช้เบสที่คุมมันก่อน
แต่เราว่ามันก็จะเสีย Finish look ที่ได้ความฉ่ำวาวแต่ไม่มันเมือก ดูผิวดี๊ดีไปอ่ะ บอกไม่ถูก
ก็ต้องยยอมแลกกันเนาะ
ข้อเสียนิดดนึง เราว่าเบอร์นี้มันติดติ่งชมพูไปหน่อย
คือ ออกกล้องแล้วมันเห็น แต่ถ้ามองตาเปล่าก็ไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้น (เราเป็นโรคจิตกับสี ขออภัย)
ส่วนวันนั้นเราออกไป event ไปแช่ออนเซ็นร้อนๆท่ามกลางอากาศที่ร้อนยิ่งกว่า
ร้อนมากก เหงื่อแตกพลั่กๆเป็นน้ำป่าไหลหลาก แช่บ่อน้ำร้อน มาต่อบ่อน้ำเย็น
มาต่อห้องสตรีม ไอน้ำพวยพุ่ง มาต่ออาบน้ำโซดา
แล้วก้อาบน้ำแล้วอาบน้ำอีก เปื่อยตั้งแต่หัวจรดหาง
เหยยยยย
รองพื้นถามว่าหลุดมั้ย
หลุดสิคะ (ขนตาอิชั้นยังหลุดแทบปลิวไปกะน้ำ)
แต่ไม่ได้หลุดจนเกลี้ยงนะ หลุดประมาณ 30-40%
พออีฟขึ้นมาก็ซับหน้าและใช้แป้งผสมรองพื้นเติมค่ะ
และกลับบ้านมาก็ได้ลุคนี้
จะเห็นว่าหน้ามันนะ แต่ไม่ได้มันย่อง
แล้วรองพื้นก็ยังอยู่จ้า รอยสิวอาจจะพุ่งออกมาบ้าง ก็ตามรองพื้นที่หลุดไป
โดยรวมแล้วพอใจมากๆๆเลย
รองพื้นตัวนี้อีฟใช้แต่งหน้าไปงานบวชด้วย
ไปรำหน้านาค ร้อน เหงื่อแตกไหลริน ไม่รู้ว่าเอาหัวไปจุ่มชักโครกหรือว่าเปียกจากเหงื่อ
กลับบ้านมา eyeliner นี่แพนด้าไปแระเรียบร้อย
แต่รองพื้นนี่ยังแน่นอยู่เลย โห้ยยย ไม่ดีก็ไม่รู้ว่าอะไรจะดี ฮ่าๆๆ
ราคาค่าตัวของน้องนาง 2200 บาท
อีฟได้ลด 10% จาก mid-night sale เหลือ 1980 บาท
ความคุ้มค่า สำหรับเรา คุ้มค่า ของที่ซื้อมาแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าราคาเท่าไหร่คือคุ้มค่า
แต่ถ้าของ 200 บาท ซื้อมาแล้วไม่ชอบ ไม่ได้ใช้ วางทิ้งไว้ให้ปลวกกินอร่อยๆ ของสิ่งนั้นคือแพงและไม่คุ้มสำหรับเรา
ยังไงวันนี้ก็ต้องไปก่อนนะค๊า
แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้าจ้า
บายยย
ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะค๊า
เยิฟฟฟ ยูววว
รีวิวนี้เป็นความรู้สึกและผลลัพธ์ส่วนตัวล้วนๆค่ะ
บางคนใช้แล้วอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนเราก็ได้
ก่อนซื้ออะไรทุกครั้งไปลองจนมั่นใจก่อน ขนาดเราลองก่อนแล้วยังพลาดได้เลย
ด้วยรักและหวังดี
❤ Talk to me ❤
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้www.facebook.com/EvefeeBeautyBox
[CR] ..Review.. รองพื้น DIORSKIN NUDE AIR รุ่นใหม่ ล่าสุด!!
วันนี้อีฟมารีวิวรองพื้นรุ่นใหม่จาก Dior ค่ะ
นั่นคือ DIORSKIN NUDE AIR นั่นเองงง
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่เคยใช้รองพื้น Dior เลย ขวดนี้เป็นขวดแรก จะได้ใจไปมั้ย มาดูกันค่า
รูปร่างขวด จะเป็นขวดแก้ว มีน้ำหนัก ดูหะรูหะรา
ฝาขวดจะเป็นตัวบีบๆนะคะ
ด้านหน้า และด้านหลังของขวด
อีฟใช้เบอร์ 010 นะค๊า
ที่ฝาขวดเค้าจะเป็น Dropper แบบนี้ค่ะ
ข้อควรระวังคือ อย่าพลิก Dropper ขึ้นมาค่ะ
นึกถึงหน้า อ.สอนเคมี ตอนเรียนม.ปลาย อินี่โดนด่าแทบตาย พลิก Dropper ไปมา ฮ่าๆๆๆ
เดี๋ยวยางเสื่อม เดี๋ยวสารมันมีอะไรเจือปน เดี๋ยวสารลงไปตกค้างตรงยางที่บีบๆ บลาๆๆ เพราะฉะนั้นระวังด้วยค่ะ
เนื้อรองพื้นเค้าหยดลงไปปุ๊ปปป รองพื้นจะแผ่กระจายตัวออกเลยค่าา
เนื้อพิกเมนท์สีแน่นมากกกกแต่เนียน บาง ไปกับผิว
คือเนื้อมันเนียนและกลมกลืนกลายเป็นผิวเราไปเลย ตรงจุดนี้ทำได้ดีมากๆค่ะ
คืออยากให้ไปลองงง
ค่อยๆเกลี่ยเนื้อรองพื้น จะเห็นว่าเนื้อรองพื้นจะมีความฉ่ำอยู่ด้วย
คือมันเหมือนจะมันนะ แต่พอเกลี่ยแล้วแห้งเลย
เกลี่ยแล้ว แห้งไว้มาก กลืนไปกับผิวเลย
ตอนแรกเราซื้อมาผิด ซื้อเบอร์ 020 มา ปรากฏว่ามันเข้มไปเยอะเลยค่ะ
สงสัยวันที่ไปลอง เราคงปัด Bronzer ที่กรามหนักไปหน่อย ฮ่าๆๆๆ
ไฟในห้างไฟเหลืองด้วย เห้ออ เหนื่อยจิต
รุ่งขึ้นทนไม่ไหว ไปซื้อใหม่เลย หงุดหงิดมาก หงุดหงิดจนคนรอบข้างหงุดหงิดไปด้วย เจอของที่ชอบแต่ใช้ไม่ได้ คิดดู
พอไปซื้อใหม่ ควักตังมาจะจ่ายแระ ของหมดจ้าา #ล้องห้ายยยยยย
หงุดหงิดเลเวล99 แต่ไม่กี่วันต่อมาก็ไปตำมาจนได้ ฮ่าๆๆๆ #รมย์ดีดี๊ดีแระ
นี่มีเบอร์ 020 มาให้ดู
นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเข้มขนาดนี้ซื้อมาได้ไง ฮ่าๆๆ
ที่เค้าว่าความรักทำให้คนตาบอดคงจะจริง
เดี๋ยวจะทาบนหนังหน้าบ้าง
หน้าสด มีรอยสิวประปราย ทั้งสิวเล็กสิวใหญ่สิวน้อยใหญ่
รอยแผลเป็นที่หน้าผาก ไม่ใช่ Harry แต่เป็นรอยสิวที่ไม่หายสักที
เกลี่ยรองพื้นลงไป
เนื้อสัมผัส : เนื้อรองพื้นเซรั่ม ทาลงไปบนผิวแล้วซึมเนียน บางเบา
กลืนไปกับผิวเลย ตัวนี้ไม่หนักหน้า ให้ความสบายกับผิวมากๆ เหมือนเราทาครีมบำรุง
ณ จุดนี้พูดเลยว่า smooth as silk เลยทีเดียว
ในภาพ อีฟทา 1 ชั้น
ก็สามารถปกปิดรอยเล็กๆจุ๋มหริมได้ แต่รอยโหดยังเอาไม่อยู่
รองพื้นตัวนี้บิวท์ได้
อีฟเคยบิวท์มากสุด 3 ชั้นเพื่อปิดรอยสิว โอเลยทีเดียว ไม่ต้องใช้คอนซิลเลอร์
ให้ลุคงานผิวๆ โกลวๆ ถึงจะมีแผลเป็นแต่ก็บิวท์ปกปิดได้ ไม่ดูเค้ก ไม่ดูปลอม ไม่แตกระแหง
ส่วนใต้ตา ไม่มีอะไรเอาอยู่ ทาคอนซิลเลอร์เถอะ จะได้จบเร็วๆ ฮ่าๆๆ
วิธีการทา : ใช้นิ้วเกลี่ยได้ ไม่เป็นคราบ คนทารองพื้นไม่เก่งก็ทาได้
อีฟชอบใช้กับแปรง Duo fiber มันยิ่งให้ความบางเบา เนียนกลืนไปกับผิวมากๆ
ฟรินนนนนมากกก
แล้วอีกอย่างคือ อีฟว่ารองพื้นตัวนี้ไม่ต้องใช้ primer อะไรให้วุ่นวายก็ได้
มันเป็นเนื้อเซรั่ม อีฟว่าให้มันซึมไปกับผิวอะดีที่สุด มันจะให้งานผิวธรรมชาติ และงานโกลวว
อำพรางรูขุมขนได้พอประมาณ แต่เราไม่ได้ซีเรียสไรมาก ไม่ได้อยากได้งานพลาสติกขนาดนั้น
อยากได้งานสบายผิวมากกว่า
แต่งหน้าเสร็จแล้วเป็นงิ
มันได้งานฉ่ำ และเฮลท์ตี้ เหมือนเป็นผิวเราจริงๆ
ส่วนตัวคิดว่า เหมาะกับคนที่ผิวแห้ง / ผิวผสม เราผสมค่อนมันไปทางมันก็ยังใช้ได้
ส่วนคนผิวมันมากกกกอาจจะต้องใช้เบสที่คุมมันก่อน
แต่เราว่ามันก็จะเสีย Finish look ที่ได้ความฉ่ำวาวแต่ไม่มันเมือก ดูผิวดี๊ดีไปอ่ะ บอกไม่ถูก
ก็ต้องยยอมแลกกันเนาะ
ข้อเสียนิดดนึง เราว่าเบอร์นี้มันติดติ่งชมพูไปหน่อย
คือ ออกกล้องแล้วมันเห็น แต่ถ้ามองตาเปล่าก็ไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้น (เราเป็นโรคจิตกับสี ขออภัย)
ส่วนวันนั้นเราออกไป event ไปแช่ออนเซ็นร้อนๆท่ามกลางอากาศที่ร้อนยิ่งกว่า
ร้อนมากก เหงื่อแตกพลั่กๆเป็นน้ำป่าไหลหลาก แช่บ่อน้ำร้อน มาต่อบ่อน้ำเย็น
มาต่อห้องสตรีม ไอน้ำพวยพุ่ง มาต่ออาบน้ำโซดา
แล้วก้อาบน้ำแล้วอาบน้ำอีก เปื่อยตั้งแต่หัวจรดหาง
เหยยยยย
รองพื้นถามว่าหลุดมั้ย
หลุดสิคะ (ขนตาอิชั้นยังหลุดแทบปลิวไปกะน้ำ)
แต่ไม่ได้หลุดจนเกลี้ยงนะ หลุดประมาณ 30-40%
พออีฟขึ้นมาก็ซับหน้าและใช้แป้งผสมรองพื้นเติมค่ะ
และกลับบ้านมาก็ได้ลุคนี้
จะเห็นว่าหน้ามันนะ แต่ไม่ได้มันย่อง
แล้วรองพื้นก็ยังอยู่จ้า รอยสิวอาจจะพุ่งออกมาบ้าง ก็ตามรองพื้นที่หลุดไป
โดยรวมแล้วพอใจมากๆๆเลย
รองพื้นตัวนี้อีฟใช้แต่งหน้าไปงานบวชด้วย
ไปรำหน้านาค ร้อน เหงื่อแตกไหลริน ไม่รู้ว่าเอาหัวไปจุ่มชักโครกหรือว่าเปียกจากเหงื่อ
กลับบ้านมา eyeliner นี่แพนด้าไปแระเรียบร้อย
แต่รองพื้นนี่ยังแน่นอยู่เลย โห้ยยย ไม่ดีก็ไม่รู้ว่าอะไรจะดี ฮ่าๆๆ
ราคาค่าตัวของน้องนาง 2200 บาท
อีฟได้ลด 10% จาก mid-night sale เหลือ 1980 บาท
ความคุ้มค่า สำหรับเรา คุ้มค่า ของที่ซื้อมาแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าราคาเท่าไหร่คือคุ้มค่า
แต่ถ้าของ 200 บาท ซื้อมาแล้วไม่ชอบ ไม่ได้ใช้ วางทิ้งไว้ให้ปลวกกินอร่อยๆ ของสิ่งนั้นคือแพงและไม่คุ้มสำหรับเรา
ยังไงวันนี้ก็ต้องไปก่อนนะค๊า
แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้าจ้า
บายยย
ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะค๊า
เยิฟฟฟ ยูววว
รีวิวนี้เป็นความรู้สึกและผลลัพธ์ส่วนตัวล้วนๆค่ะ
บางคนใช้แล้วอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนเราก็ได้
ก่อนซื้ออะไรทุกครั้งไปลองจนมั่นใจก่อน ขนาดเราลองก่อนแล้วยังพลาดได้เลย
ด้วยรักและหวังดี
❤ Talk to me ❤
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้