ผมกับแฟนคบกันมาเกือบจะ 8 ปีแล้ว ที่ผ่านมาในช่วงปี 2-5 ก็มีทะเลาะกันบ้าง เลิกกันบ้างแต่ก็กลับมาคบกันใหม่
เรื่องมีอยู่ว่า เราสองคนตัดสินใจซื้อบ้านเพื่ออยู่ด้วยกัน ผมรับราชการ (ทุกคนก็น่าจะรู้เงินเดือนข้าราชการมันไม่ได้เยอะมาก) ส่วนแฟนผมทำงานบริษัทเอกชน เงินเดือนเยอะกว่าผม 2 เท่า
วันที่เราไปเลือกซื้อบ้านโครงการหนึ่งแถวสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการที่ประเภทบ้านให้เลือกหลายขนาด ซึ่งผมบอกกับแฟนว่า ถ้าเราจะช่วยกันผ่อนบ้าน ผมขอไม่เกิน 2.8 ล้านบาท น่ะ....แต่ดูเหมือนแฟนผมเขาจะชอบบ้านที่ราคาสูงกว่านั้น...เขาเลยบอกกับผมว่า งั้นเขาจะผ่อนบ้านเอง ส่วนผมก็ออกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนไป.....ตอนนั้น เรา 2 คนก็เลยตัดสินใจซื้อบ้านและเข้าอยู่...ผมกู้เงินสหกรณ์ของที่ทำงานมาก้อนนึง (150K) เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน
เวลาผ่านไป 1 ปี แฟนผมเริ่มมีอาการผ่อนบ้านไม่ไหว ประกอบกับแฟนผมได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ และบอกกับผมว่า จะไปเก็บเงิน เพื่อกลับมาจะได้สางหนี้อื่นๆ ที่ไม่ใช่บ้านให้หมด (รถยนต์, บัตรเครดิต) ซึ่งก่อนจะบินไปต่างประเทศ แฟนผมถามผมว่า จะช่วยผ่อนบ้านได้มั้ย...ซึ่งผมก็ตอบไปว่า กลับจากต่างประเทศก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน....แล้วแฟนผมก็บินไปต่างประเทศ (ระยะเวลาเกือบ 1 ปี)
ในช่วงเวลาที่ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวเกือบ 1 ปี ต้องดูแลทำความสะอาดบ้านเพียงลำพัง การเดินทางไปทำงานจากสมุทรปราการ ไป อนุสาวรีย์ชัย เพื่อทำงานก็เป็นอะไรที่สาหัสเหมือนกัน เพราะต้องตื่นเช้า กว่าจะถึงบ้านก็มืดค่ำ....เป็นแบบนี้มาตลอด จนกระทั่ง แฟนผมบินกลับมา
ปัญหามันก็เรยเกิดขึ้น หลังจากกลับมาจากต่างประเทศได้ 2-3 วัน..... แฟนผมบอกว่า บ้านโทรมมาก...(เราก็ งง โทรมตรงไหน....ทำความสะอาดในบ้านก็ทำอยู่น่ะ เพียงแต่นอกบ้านที่มีต้นไม้,หญ้า ก็แค่นานๆ ตัดที อีกอย่างเรื่องต้นไม้แฟนผมก็เป็นคนลงต้นไม้เอง ผมเลยไม่กล้าจะยุ่งหรือตัดสินใจว่าจะตัดหรือจะเอาออกดี รอให้แฟนกลับมาแล้วค่อยว่ากัน)
แล้วแถมยังว่าผมอีกว่า เรื่องผ่อนบ้าน แฟนบอกผมว่า "มันไม่แฟร์เลย" ที่ผมผ่อนส่งหนี้สหกรณ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับที่แฟนผมส่งค่าบ้าน ต่างกันประมาณ 5 เท่า
ผมได้ยินแฟนผมว่าแบบนี้.....เข่าทรุดเลยคับ....(ในใจคิดว่า ก็แกบอกช้านเองว่าจะผ่อนบ้าน ส่วนช้านออกค่าใช้จ่ายในบ้าน - น้ำ,ไฟ,อินเตอร์เน็ต,โทรศัพท์ - แล้วไหงพูดแบบนี้) แล้วยังขู่ผมอีกว่า "ถ้าไม่ช่วยผ่อนบ้าน คงต้องขายบ้านหลังนี้ไป" ผมก็เลยบอกกับแฟนไปว่า งั้นเราก็ค่อยมาคุยกันว่าจะเอายังงัยเรื่องบ้าน
เวลาผ่านไปตั้งแต่แฟนบินกลับมา...เรายังไม่ได้คุยกันเลย เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา...เรามีเวลาว่างไม่ตรงกันเลย นัดว่าจะคุยกันทีไรก็ต้องมีเหตุให้ไม่ได้คุยกันทุกที
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเห็น app ใน ipad ของแฟนผมที่ไว้สำหรับแชท (app ที่พวกเกย์ไว้เล่นคุยกัน คงไม่ต้องบอกว่าแอพอะไร) ทั้งๆ ที่ 2-5 ปีแรกที่คบกันก็มีปัญหากันเรื่องแอพพวกนี้ เราสองคนก็ตกลงกันว่าจะไม่เล่นแอพพวกนี้อีก (เพราะผมรับไม่ได้หากเราคบใครแล้ว ก็ไม่อยากให้มีปัญหามือที่สามอีก เพราะลำพังปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนมันก้อมากพอแล้ว ไม่อยากมีปัญหาหรือปัจจัยอื่นมาเพิ่มเติมอีกในชีวิตคู่) ผมก็เปิดดูว่าคุยกับใครบ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นการสนทนาแค่เพียงทักทายกันธรรมดา แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอามากมาก (ในใจคิดว่าแล้วแกจะให้ช้านช่วยผ่อนบ้าน แต่ไหงกลับทำตัวไม่ซื้อสัตย์ ผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้ .... แล้วแบบนี้ ช้านจะไว้ใจแกได้ยังไง)
ถึงตอนนี้ มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกวิตกกังวลใจ ไม่รู้จะหาทางออกยังงัย...เพื่อนๆ ที่ช่วย comment หน่อยคับว่า ผมควรทำยังงัยดี
[Y] เจอแบบนี้ ควรทำอย่างไรดี กับชีวิตคู่เกย์ที่คบกันมาเกือบ 8 ปี
เรื่องมีอยู่ว่า เราสองคนตัดสินใจซื้อบ้านเพื่ออยู่ด้วยกัน ผมรับราชการ (ทุกคนก็น่าจะรู้เงินเดือนข้าราชการมันไม่ได้เยอะมาก) ส่วนแฟนผมทำงานบริษัทเอกชน เงินเดือนเยอะกว่าผม 2 เท่า
วันที่เราไปเลือกซื้อบ้านโครงการหนึ่งแถวสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการที่ประเภทบ้านให้เลือกหลายขนาด ซึ่งผมบอกกับแฟนว่า ถ้าเราจะช่วยกันผ่อนบ้าน ผมขอไม่เกิน 2.8 ล้านบาท น่ะ....แต่ดูเหมือนแฟนผมเขาจะชอบบ้านที่ราคาสูงกว่านั้น...เขาเลยบอกกับผมว่า งั้นเขาจะผ่อนบ้านเอง ส่วนผมก็ออกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนไป.....ตอนนั้น เรา 2 คนก็เลยตัดสินใจซื้อบ้านและเข้าอยู่...ผมกู้เงินสหกรณ์ของที่ทำงานมาก้อนนึง (150K) เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน
เวลาผ่านไป 1 ปี แฟนผมเริ่มมีอาการผ่อนบ้านไม่ไหว ประกอบกับแฟนผมได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ และบอกกับผมว่า จะไปเก็บเงิน เพื่อกลับมาจะได้สางหนี้อื่นๆ ที่ไม่ใช่บ้านให้หมด (รถยนต์, บัตรเครดิต) ซึ่งก่อนจะบินไปต่างประเทศ แฟนผมถามผมว่า จะช่วยผ่อนบ้านได้มั้ย...ซึ่งผมก็ตอบไปว่า กลับจากต่างประเทศก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน....แล้วแฟนผมก็บินไปต่างประเทศ (ระยะเวลาเกือบ 1 ปี)
ในช่วงเวลาที่ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวเกือบ 1 ปี ต้องดูแลทำความสะอาดบ้านเพียงลำพัง การเดินทางไปทำงานจากสมุทรปราการ ไป อนุสาวรีย์ชัย เพื่อทำงานก็เป็นอะไรที่สาหัสเหมือนกัน เพราะต้องตื่นเช้า กว่าจะถึงบ้านก็มืดค่ำ....เป็นแบบนี้มาตลอด จนกระทั่ง แฟนผมบินกลับมา
ปัญหามันก็เรยเกิดขึ้น หลังจากกลับมาจากต่างประเทศได้ 2-3 วัน..... แฟนผมบอกว่า บ้านโทรมมาก...(เราก็ งง โทรมตรงไหน....ทำความสะอาดในบ้านก็ทำอยู่น่ะ เพียงแต่นอกบ้านที่มีต้นไม้,หญ้า ก็แค่นานๆ ตัดที อีกอย่างเรื่องต้นไม้แฟนผมก็เป็นคนลงต้นไม้เอง ผมเลยไม่กล้าจะยุ่งหรือตัดสินใจว่าจะตัดหรือจะเอาออกดี รอให้แฟนกลับมาแล้วค่อยว่ากัน)
แล้วแถมยังว่าผมอีกว่า เรื่องผ่อนบ้าน แฟนบอกผมว่า "มันไม่แฟร์เลย" ที่ผมผ่อนส่งหนี้สหกรณ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับที่แฟนผมส่งค่าบ้าน ต่างกันประมาณ 5 เท่า
ผมได้ยินแฟนผมว่าแบบนี้.....เข่าทรุดเลยคับ....(ในใจคิดว่า ก็แกบอกช้านเองว่าจะผ่อนบ้าน ส่วนช้านออกค่าใช้จ่ายในบ้าน - น้ำ,ไฟ,อินเตอร์เน็ต,โทรศัพท์ - แล้วไหงพูดแบบนี้) แล้วยังขู่ผมอีกว่า "ถ้าไม่ช่วยผ่อนบ้าน คงต้องขายบ้านหลังนี้ไป" ผมก็เลยบอกกับแฟนไปว่า งั้นเราก็ค่อยมาคุยกันว่าจะเอายังงัยเรื่องบ้าน
เวลาผ่านไปตั้งแต่แฟนบินกลับมา...เรายังไม่ได้คุยกันเลย เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา...เรามีเวลาว่างไม่ตรงกันเลย นัดว่าจะคุยกันทีไรก็ต้องมีเหตุให้ไม่ได้คุยกันทุกที
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเห็น app ใน ipad ของแฟนผมที่ไว้สำหรับแชท (app ที่พวกเกย์ไว้เล่นคุยกัน คงไม่ต้องบอกว่าแอพอะไร) ทั้งๆ ที่ 2-5 ปีแรกที่คบกันก็มีปัญหากันเรื่องแอพพวกนี้ เราสองคนก็ตกลงกันว่าจะไม่เล่นแอพพวกนี้อีก (เพราะผมรับไม่ได้หากเราคบใครแล้ว ก็ไม่อยากให้มีปัญหามือที่สามอีก เพราะลำพังปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนมันก้อมากพอแล้ว ไม่อยากมีปัญหาหรือปัจจัยอื่นมาเพิ่มเติมอีกในชีวิตคู่) ผมก็เปิดดูว่าคุยกับใครบ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นการสนทนาแค่เพียงทักทายกันธรรมดา แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอามากมาก (ในใจคิดว่าแล้วแกจะให้ช้านช่วยผ่อนบ้าน แต่ไหงกลับทำตัวไม่ซื้อสัตย์ ผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้ .... แล้วแบบนี้ ช้านจะไว้ใจแกได้ยังไง)
ถึงตอนนี้ มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกวิตกกังวลใจ ไม่รู้จะหาทางออกยังงัย...เพื่อนๆ ที่ช่วย comment หน่อยคับว่า ผมควรทำยังงัยดี