รอยเตอร์ - สหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(9ต.ค.)
แถลงว่าจะยกเครื่องความพยายามสนับสนุนกบฏซีเรียที่กำลังสู้รบกับพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส)
ระบุจะจัดมอบอาวุธและยุทโธปกรณ์แก่เหล่าแกนนำกบฏและกองกำลังของพวกเขาอย่างเจาะจง
แทนการฝึกแบบรวมๆ ความเคลื่อนไหวที่อาจเปิดทางสำหรับการขยายความช่วยเหลือของอเมริกา
ในขณะที่รัสเซียเดินหน้าถล่มไอเอสอย่างหนัก คุยวันเดียวสังหารพวกนักรบไปกว่า 300 ศพ
       
       ถ้อยแถลงของสหัฐฯคือการยืนยันยกเลิกโครงการก่อนหน้านี้ที่ให้การฝึกฝน
และจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือแก่หน่วยต่างๆของพวกกบฏตามฐานที่ตั้งต่างๆนอกซีเรีย
หลังความล้มเหลวของโครงการดังกล่าวที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางปี
กระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อยุทธศาสตร์ทำสงครามของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
       
       "ตอนนี้แอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหม
กำลังสั่งหารให้กระทรวงโหมจัดมอบแพกเก็จยุทโธปกรณ์และอาวุธ แก่แกนนำกบฏที่ถูกเลือกและหน่วยของพวกเขา
เพื่อให้พวกเขาสามารถผลักดันเข้าสู่ดินแดนต่างๆที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ"
ปีเตอร์ คุก โฆษกของเพนตากอนระบุในถ้อยแถลง
พร้อมเผยว่าสหรัฐฯจะให้การสนับสนุนทางอากาศแก่ฝ่ายกบฏ ขณะที่พวกเขาสู้รบกับไอเอสด้วย
       
       เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับของสหรัฐฯรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม
ระบุแนวทางใหม่นี้จะมีการฝึกฝนเหล่าแกนนำกบฏซีเรียโดยตรง
สวนทางกับเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่จะให้การฝึกฝนโดยรวมแก่หน่วยทหาราบของพวกเขาทั้งหมด
       
       นอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวยังเผยว่าการสนับสนุนของสหรัฐฯจะพุ่งเป้าไปในด้านอาวุธ อุปกรณ์สื่อสารและกระสุน
โดยโครงการยกเครื่องใหม่นี้จะเริ่มต้นขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้า
       
       ด้านนายคาร์เตอร์ ระบุในถ้อยแถลงแสดงความเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้
จะช่วยเพิ่มแสนยานุภาพการสู้รบแก่กองกำลังต่อต้านไอเอสในซีเรีย
"ผมยังเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วการเอาชนะไอเอสในซีเรีย ส่วนหนึ่งในความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับท้องถิ่น แรงจูงใจและแสนยานุภาพของกองกำลังภาคพื้น"
       
       กองทัพสหรัฐฯเริ่มต้นโครงการให้การฝึกฝนแก่นักรบกบฏราว 5,400 คนต่อปีในเดือนพฤษภาคม
ซึ่งถูกมองในฐาะบททดสอบยุทธศาสตร์ของโอบามา
ที่พยายามดึงเอาพันธมิตรท้องถิ่นมาร่วมสู้รบกับพวกไอเอส และกันทหารอเมริกาออกจากแนวหน้า
อย่างไรก็ตามโปรแกรมที่ใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านดอลลาร์นี้มีปัญหาตั้งแต่เริ่ม
ด้วยนักรบชั้นหัวกระทิที่ผ่านการฝึกฝนราว 60 คน
ถูกกลุ่มนุสรา ฟรอนต์ เครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย โจมตีพ่ายแพ้ย่อยยับ ในสมรภูมิรบเปิดตัวของพวกเขา
       
       ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯทีขึ้นในขณะที่รัสเซีย เดินหน้าถล่มซีเรียอย่างหนัก
แม้ถูกตะวันตกสงสัยว่าเป้าหมายคือฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ไม่ใช่พวกไอเอสตามคำกล่าวอ้าง
โดยในวันศุกร์(9ต.ค.) กระทรวงกลาโหมหมีขาวอ้างว่าได้โจมตีเป้าหมายไอเอส 60 จุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
และคร่าชีวิตพวกนักรบราวๆ 300 คน ถือเป็นการจู่โจมที่หนักหน่วงที่สุดของมอสโกนับตั้งแต่เริ่มโจมตีในซีเรียเมื่อ 10 วันก่อน
       
       ตะวันตก เหล่าชาติอาหรับและตุรกี ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มพวกไอเอสด้วย
แต่พวกเขากล่าวหารัสเซียกำลังใช้การทำสงครามร่วมต่อต้านไอเอสเป็นข้ออ้างในการโจมตีกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา
เพื่อปกป้องรัฐบาลของนายอัสซาด ที่เป็นพันธมิตรของมอสโกมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น
โดยบางกลุ่มที่ถูกโจมตีนั้นได้รับการฝึกฝนและสนับสนุนทางอาวุธจากศัตรูต่างชาติของนายอัสซาด ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ
       
       สหรัฐฯ และพันธมิตรต่อต้านทั้งรัฐอิสลามและนายอัสซาด
โดยกล่าวโทษว่า ประธานาธิบดีซีเรียรายนี้เข่นฆ่าพลเรือนที่ต่อต้านเขา
และเชื่อว่า นายอัสซาด ต้องลงจากอำนาจถึงจะปราบไอเอสสำเร็จ และย้ำว่าไม่มีที่ยืนแก่ผู้นำรายนี้หลังสงครามยุติ
แต่ทางมอสโกสนับสนุนนายอัสซาด และเชื่อว่า รัฐบาลของเขาควรเป็นศูนย์กลางของนานาชาติในการสู้รบกับกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ
       
       ก่อนหน้านี้มอสโกรายงานว่าได้ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายต่างๆราว 10 จุดในแต่ละวัน
แต่กระทรวงกลาโหมว่าการยกระดับโจมตีในวันศุกร์(9ต.ค.)
มีเป้าหมายคือเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกนักรบรวมกลุ่มกันใหม่และสลายตัวไปจากพื้นที่ชุมชน
       
       กระทรวงกลาโหมระบุในถ้อยแถลงว่าเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ
ทิ้งระเบิดทำลายกองบัญชาการต่างๆของพวกนักรบลิวา อัล-ฮัก ในจังหวักรักกาของซีเรีย
พร้อมอ้างว่าข้อมูลจากการดักฟังสนทนาทางวิทยุ
ระบุว่าการจู่โจมดังกล่าวสามารถสังหารผู้บัญชาการภาคสนามระดับอาวุโสของไอเอส 2 คนและนักรบราว 200 คน
       
       นอกจากนี้แล้วทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียยังบอกว่า
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพวกเขาในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยังรวมไปถึงฐานแห่งหนึ่งของไอเอส
และคลังเก็บกระสุนในเรือนจำเก่าใกล้เมืองอเลปโป ฆ่านักรบไปอีก 100 คน
เช่นเดียวกับค่ายฝึกของพวกนักรบในจังหวัดลาตาเคียและอิดลิบ

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000113634