ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าเรื่องนี้เกิดกับผมเมื่อประมาน 2 ปีที่แล้ว
จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา น้องสาวของผมได้แชร์เรื่องๆนึงมาให้ผม หลังจากที่ผมอ่าน ทำให้ผมอยากที่จะแชร์เรื่องของผมลงพันทิป เพื่อจะเตือนภัยเพื่อนๆทุกคนที่จะไปพักโรงแรมแห่งนี้ ให้ระวังตัวมากขึ้น
ลิ้งข้างล่างนี้ คือลิ้งที่น้องผมแชร์มาให้ครับ
คุณอาท่านนี้ ก็หายเหมือนกัน โรงแรมเดียวกันเลยครับ
https://www.facebook.com/kessarin.bland/posts/1803649309861760
ผมไปอยู่ที่ออสเตรเลียประมาน 6 ปี จนคิดว่า จะกลับไทยถาวร เลยวางแผนว่า ก่อนกลับไทย จะแวะเที่ยวสิงคโปร์กับแฟนก่อน (แฟนอยู่ไทย จะนัดมาเจอกันที่สิงคโปร์)
ผมก็หาข้อมูลท่องเที่ยวในสิงคโปร์ ว่าควรจะพักที่ไหน เที่ยวที่ไหน ในส่วนของโรงแรมผมก็อยากได้โรงแรมที่ค่อนข้างจะปลอดภัย เพราะมีของมีค่าติดตัวไปด้วย
เลยเลือกพักที่เป็นโรงแรมแห่งนึง ในย่าน Orchard (ใครอยากทราบว่าโรงแรมอะไร รบกวนติดต่อมาหลังไมค์นะครับ)
ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะ คิดว่าเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ระบบความปลอดภัยน่าจะโอเค และมีตู้เชฟให้ด้วย
ก่อนกลับไทยผมก็ให้น้องสาวไปเบิกเงินที่ธนาคารให้ $AUD 8,000 เป็นธนบัตรใบละ $100 จำนวน 80 ใบ
คืนก่อนเดินทางก็นับเงินอีกรอบแล้วก็เอาเงินใส่ซอง ปิดซองเรียบร้อย (โดยนิสัยผมเป็นคนช่างสังเกต และรอบคอบระดับนึง)
วันเดินทางผมออกจากซิดนีย์แต่เช้า ไปถึงสิงคโปร์ประมาณ 2 ทุ่ม แต่แฟนผมถึงประมาณ 4 ทุ่ม ผมก็รอแฟนที่สนามบิน พอเจอกันก็เดินทางไปที่พัก
เช็คอินประมาณ 5 ทุ่มกว่า ของมีค่าก็เก็บไว้ในเซฟ เช่น ซองเงิน, สร้อยทอง, แว่นตากันแดด, นาฬิกา, กระเป๋าเงิน
ตอนเช้าก็ลงไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม ผมก็สังเกตเห็นพนักงานทำความสะอาดในชั้นผม ออกมามอง แล้วก็กลับเข้าไปทำงานต่อ
พอทานอาหารเช้าเสร็จผมกับแฟนก็ขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อจะออกไปเที่ยว ตอนออกจากห้องก็สังเกตเห็นพนักงานทำความสะอาดคนเดิมมองอีก
จนกลับเข้าโรงแรมอีกทีตอนเย็น ทุกอย่างในห้องก็ปกติ
คืนที่ 2 ผมกับแฟนก็ออกไปเที่ยวผับตอนกลางคืน ก่อนออกผมได้เปิดซองเงิน และเอาเงินออกไป $500 ติดตัวสำรองไว้ ผมก็ล็อคเชฟและก็ออกไปเที่ยว
หลังจากเที่ยวกลับมา ผมก็เปิดเซฟ ถอดสร้อยทอง และโทรศัพท์ เก็บไว้ในตู้เซฟ ล็อคเซฟ
รุ่งเช้า นาฬิกาปลุกดัง จากมือถือที่อยู่ในเซฟ ผมก็เปิดเอามือถือออกมา เพื่อปิดเสียง และก็นอนต่อ เพราะยังแฮ้งค์อยู่นิดหน่อย
ผมตื่นอีกรอบประมาณ 7:30 น. เพื่อจะลงไปทานอาหารเช้า ตอนผมออกจากห้องก็เห็นพนักงานทำความสะอาดคนเดิมมองมาที่ผมกับแฟนอีก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ระหว่างนั่งทานอาหารไปได้ประมาณ 15 นาที ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าล็อคเซฟรึยัง แต่ก็คุยกับแฟนว่า คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เพราะโรงแรมมีระบบความปลอดภัยค่อนข้างดี
แต่ผมก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แฟนเลยบอกว่า เดี๋ยวขอกินขนมปังปิ้งอีกแผ่นนึง แล้วค่อยขึ้นไปพร้อมกัน ผมก็โอเค
ระหว่างนั่งรอแฟนปิ้งขนมปัง ผมรู้สึกกระวนกระวายใจ เลยบอกกับแฟนว่า งั้นเดี๋ยวจะขึ้นไปบนห้องก่อนนะ แล้วจะลงมาใหม่
พอขึ้นไปบนห้อง จะเปิดเซฟ อ่าว… เซฟไม่ได้ล็อค มองคร่าวๆ ทุกอย่างอยู่ครบทั้ง ซองเงิน, สร้อยทอง, นาฬิกา, แว่นตา ก็เลยล็อคเซฟและกำลังจะออกจากห้อง
แต่ก็เอะใจเลยกลับมาเปิดเซฟอีกครั้ง เพื่อจะนับเงินในซอง ผมเริ่มนับเงิน นับ นับ นับได้ทั้งหมด 66 ใบ ผมเลยนับเงินอีกรอบ นับยังไงก็ได้ 66 ใบ
เลยลงไปเรียกแฟนขึ้นมาบนห้อง ให้แฟนนับเงินอีกครั้งนึง แฟนก็นับได้ 66 ใบเหมือนกัน
ผมก็พยายามคิด ว่าผมเอาเงินมาทั้งหมดกี่ดอล แต่ลึกๆในใจก็คิดว่า เงินหายแน่ๆแล้ว
ผมเลยโทรหาน้องสาวที่ออส(เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง) ถามน้องว่า ได้เบิกเงินมาให้ทั้งหมดกี่ดอล น้องก็บอกว่า $8,000 ทั้งหมด 80 ใบนะ
ถึงตอนนี้ผมมั่นใจ 100% เลยว่าเงินหายแล้ว เพราะผมดึงออกไปแค่ 5 ใบ เงินต้องเหลือ 75 ใบ
ผมกับแฟนเลยลงไปหารีเซฟชั่น บอกว่าเงินหายในห้อง ทางรีเซฟชั่นก็เรียกผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยมาให้
ทาง ผจก.ก็ถามรายละเอียดทั้งหมด ผมก็เล่าฟังว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง พอเล่าจบ ผจก.ก็บอกว่า ให้ผมกับแฟนขึ้นไปรอบนห้องเดี๋ยวจะตามขึ้นไป
5 นาทีผ่านไป ผจก. ก็มาเคาะห้องพร้อมกับถืออุปกรณ์มาด้วยชิ้นนึง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ผจก. ก็ได้เอาการ์ดเสียบกับเครื่องที่ถือมา และเสียบเข้ากับประตูห้องอีกทีนึง (ลืมบอกไปว่า ห้องพักที่โรงแรมนี้ ไม่ต้องใช้กุญแจ ใช้แค่การ์ดเสียบเพื่อเปิดประตูห้อง)
แล้วทาง ผจก. ก็ถามผมกับแฟนว่า ได้เรียกให้ พนง.ยกกระเป๋ามาขนกระเป๋ารึเปล่า ตอนประมาณ 7:40น.
ผมก็บอกว่าเปล่า เพราะยังไม่ได้เช็คเอ้าท์เลย ยังมีโปรแกรมออกไปเที่ยวอีก
ผจก. ก็บอกว่า เดี๋ยวจะกลับมาใหม่ ผมกับแฟนก็รออยู่ในห้อง ประมาณครึ่งชั่วโมง ผจก.ก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเงิน $900
ผมก็ถามว่า เกิดอะไรขึ้น ผจก.ก็บอกว่า ทางโรงแรมได้เช็คการเข้าออกห้องพักของผม (ก็คือเครื่องที่ผจก.ถือมาเสียบเข้ากับประตู)
และเห็นว่ามีการ์ดของพนง.ยกกระเป๋าได้เข้ามาในห้องพัก ก็เลยไปสอบถาม จึงได้ความว่า พนง.ยกกระเป๋าเป็นคนเอาเงินไป
ทาง ผจก. ก็บอกกับผมว่า เค้าเป็นพนง.ใหม่เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน ผมก็ถามกลับไปว่า แล้วทำไม พนง. ยกกระเป๋าถึงเข้ามาในห้องผมได้
ผจก. ก็บอกว่า การ์ดของ พนง.ยกกระเป๋าสามารถเข้าห้องพักได้ทุกห้อง
แต่ผมก็ได้แจ้งให้กับ ผจก. ว่า พนง.ทำความสะอาดน่าจะรู้เห็นเป็นใจด้วยเพราะเค้าจะออกมาดูทุกครั้งที่มีคนเข้าออก ถึงแม้ว่าเค้าจะทำความสะอาดอยู่ในห้องพักก็ตาม
แต่สุดท้าย...
ผมกับแฟนก็ไม่ได้ติดใจเอาความเพราะคิดว่า ทางโรงแรมก็ตามเรื่องให้จนได้เงินคืนครบจำนวน
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าเกิดขึ้นคือ
-ผมไม่ได้ล็อคเซฟครั้งสุดท้าย มันเป็นความประมาทของผม แต่ผมก็คิดว่า ถึงแม้เงินจะไม่อยู่ในเซฟ แต่เงินอยู่ในห้องพักก็น่าจะปลอดภัยในระดับนึง
- พนง.ยกกระเป๋าไม่ควรที่จะเข้าห้องพัก ก่อนได้รับอนุญาติ
- เป็นการขโมยอย่างแยบยล เพราะถ้าผมไม่นับเงินตั้งแต่ตอนนั้น ก็คงจะไม่รู้ว่าเงินหาย เพราะดึงออกไปแค่ส่วนนึงเท่านั้น
ส่วนโรงแรมก็ได้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
- ให้เช็คเอ้าท์ 4 โมง จากปกติต้องเช็คเอ้าท์เที่ยง โดยที่ไม่ต้องเอากระเป๋าไปฝากไว้ข้างล่าง
- โรงแรมให้แทกซี่ไปส่งถึงสนามบิน
- ถ้ากลับมาพักครั้งต่อไป จะอัพเกรดห้องให้
- ให้ผู้จัดการแต่ละแผนกมาขอโทษผมกับแฟน
และทาง ผจก.ฝ่ายความปลอดภัยก็ได้บอกกับผมว่า ตอนนี้ได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว และก็ขอเบอร์ติดต่อที่ไทยไว้ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อกลับไป
แต่…จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย
หวังว่าเรื่องของผม คงจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆได้บ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
เตือนภัย!! โรงแรม 5 ดาว ย่าน Orchard สิงคโปร์
จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา น้องสาวของผมได้แชร์เรื่องๆนึงมาให้ผม หลังจากที่ผมอ่าน ทำให้ผมอยากที่จะแชร์เรื่องของผมลงพันทิป เพื่อจะเตือนภัยเพื่อนๆทุกคนที่จะไปพักโรงแรมแห่งนี้ ให้ระวังตัวมากขึ้น
ลิ้งข้างล่างนี้ คือลิ้งที่น้องผมแชร์มาให้ครับ
คุณอาท่านนี้ ก็หายเหมือนกัน โรงแรมเดียวกันเลยครับ
https://www.facebook.com/kessarin.bland/posts/1803649309861760
ผมไปอยู่ที่ออสเตรเลียประมาน 6 ปี จนคิดว่า จะกลับไทยถาวร เลยวางแผนว่า ก่อนกลับไทย จะแวะเที่ยวสิงคโปร์กับแฟนก่อน (แฟนอยู่ไทย จะนัดมาเจอกันที่สิงคโปร์)
ผมก็หาข้อมูลท่องเที่ยวในสิงคโปร์ ว่าควรจะพักที่ไหน เที่ยวที่ไหน ในส่วนของโรงแรมผมก็อยากได้โรงแรมที่ค่อนข้างจะปลอดภัย เพราะมีของมีค่าติดตัวไปด้วย
เลยเลือกพักที่เป็นโรงแรมแห่งนึง ในย่าน Orchard (ใครอยากทราบว่าโรงแรมอะไร รบกวนติดต่อมาหลังไมค์นะครับ)
ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะ คิดว่าเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ระบบความปลอดภัยน่าจะโอเค และมีตู้เชฟให้ด้วย
ก่อนกลับไทยผมก็ให้น้องสาวไปเบิกเงินที่ธนาคารให้ $AUD 8,000 เป็นธนบัตรใบละ $100 จำนวน 80 ใบ
คืนก่อนเดินทางก็นับเงินอีกรอบแล้วก็เอาเงินใส่ซอง ปิดซองเรียบร้อย (โดยนิสัยผมเป็นคนช่างสังเกต และรอบคอบระดับนึง)
วันเดินทางผมออกจากซิดนีย์แต่เช้า ไปถึงสิงคโปร์ประมาณ 2 ทุ่ม แต่แฟนผมถึงประมาณ 4 ทุ่ม ผมก็รอแฟนที่สนามบิน พอเจอกันก็เดินทางไปที่พัก
เช็คอินประมาณ 5 ทุ่มกว่า ของมีค่าก็เก็บไว้ในเซฟ เช่น ซองเงิน, สร้อยทอง, แว่นตากันแดด, นาฬิกา, กระเป๋าเงิน
ตอนเช้าก็ลงไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม ผมก็สังเกตเห็นพนักงานทำความสะอาดในชั้นผม ออกมามอง แล้วก็กลับเข้าไปทำงานต่อ
พอทานอาหารเช้าเสร็จผมกับแฟนก็ขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อจะออกไปเที่ยว ตอนออกจากห้องก็สังเกตเห็นพนักงานทำความสะอาดคนเดิมมองอีก
จนกลับเข้าโรงแรมอีกทีตอนเย็น ทุกอย่างในห้องก็ปกติ
คืนที่ 2 ผมกับแฟนก็ออกไปเที่ยวผับตอนกลางคืน ก่อนออกผมได้เปิดซองเงิน และเอาเงินออกไป $500 ติดตัวสำรองไว้ ผมก็ล็อคเชฟและก็ออกไปเที่ยว
หลังจากเที่ยวกลับมา ผมก็เปิดเซฟ ถอดสร้อยทอง และโทรศัพท์ เก็บไว้ในตู้เซฟ ล็อคเซฟ
รุ่งเช้า นาฬิกาปลุกดัง จากมือถือที่อยู่ในเซฟ ผมก็เปิดเอามือถือออกมา เพื่อปิดเสียง และก็นอนต่อ เพราะยังแฮ้งค์อยู่นิดหน่อย
ผมตื่นอีกรอบประมาณ 7:30 น. เพื่อจะลงไปทานอาหารเช้า ตอนผมออกจากห้องก็เห็นพนักงานทำความสะอาดคนเดิมมองมาที่ผมกับแฟนอีก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ระหว่างนั่งทานอาหารไปได้ประมาณ 15 นาที ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าล็อคเซฟรึยัง แต่ก็คุยกับแฟนว่า คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เพราะโรงแรมมีระบบความปลอดภัยค่อนข้างดี
แต่ผมก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แฟนเลยบอกว่า เดี๋ยวขอกินขนมปังปิ้งอีกแผ่นนึง แล้วค่อยขึ้นไปพร้อมกัน ผมก็โอเค
ระหว่างนั่งรอแฟนปิ้งขนมปัง ผมรู้สึกกระวนกระวายใจ เลยบอกกับแฟนว่า งั้นเดี๋ยวจะขึ้นไปบนห้องก่อนนะ แล้วจะลงมาใหม่
พอขึ้นไปบนห้อง จะเปิดเซฟ อ่าว… เซฟไม่ได้ล็อค มองคร่าวๆ ทุกอย่างอยู่ครบทั้ง ซองเงิน, สร้อยทอง, นาฬิกา, แว่นตา ก็เลยล็อคเซฟและกำลังจะออกจากห้อง
แต่ก็เอะใจเลยกลับมาเปิดเซฟอีกครั้ง เพื่อจะนับเงินในซอง ผมเริ่มนับเงิน นับ นับ นับได้ทั้งหมด 66 ใบ ผมเลยนับเงินอีกรอบ นับยังไงก็ได้ 66 ใบ
เลยลงไปเรียกแฟนขึ้นมาบนห้อง ให้แฟนนับเงินอีกครั้งนึง แฟนก็นับได้ 66 ใบเหมือนกัน
ผมก็พยายามคิด ว่าผมเอาเงินมาทั้งหมดกี่ดอล แต่ลึกๆในใจก็คิดว่า เงินหายแน่ๆแล้ว
ผมเลยโทรหาน้องสาวที่ออส(เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง) ถามน้องว่า ได้เบิกเงินมาให้ทั้งหมดกี่ดอล น้องก็บอกว่า $8,000 ทั้งหมด 80 ใบนะ
ถึงตอนนี้ผมมั่นใจ 100% เลยว่าเงินหายแล้ว เพราะผมดึงออกไปแค่ 5 ใบ เงินต้องเหลือ 75 ใบ
ผมกับแฟนเลยลงไปหารีเซฟชั่น บอกว่าเงินหายในห้อง ทางรีเซฟชั่นก็เรียกผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยมาให้
ทาง ผจก.ก็ถามรายละเอียดทั้งหมด ผมก็เล่าฟังว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง พอเล่าจบ ผจก.ก็บอกว่า ให้ผมกับแฟนขึ้นไปรอบนห้องเดี๋ยวจะตามขึ้นไป
5 นาทีผ่านไป ผจก. ก็มาเคาะห้องพร้อมกับถืออุปกรณ์มาด้วยชิ้นนึง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ผจก. ก็ได้เอาการ์ดเสียบกับเครื่องที่ถือมา และเสียบเข้ากับประตูห้องอีกทีนึง (ลืมบอกไปว่า ห้องพักที่โรงแรมนี้ ไม่ต้องใช้กุญแจ ใช้แค่การ์ดเสียบเพื่อเปิดประตูห้อง)
แล้วทาง ผจก. ก็ถามผมกับแฟนว่า ได้เรียกให้ พนง.ยกกระเป๋ามาขนกระเป๋ารึเปล่า ตอนประมาณ 7:40น.
ผมก็บอกว่าเปล่า เพราะยังไม่ได้เช็คเอ้าท์เลย ยังมีโปรแกรมออกไปเที่ยวอีก
ผจก. ก็บอกว่า เดี๋ยวจะกลับมาใหม่ ผมกับแฟนก็รออยู่ในห้อง ประมาณครึ่งชั่วโมง ผจก.ก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเงิน $900
ผมก็ถามว่า เกิดอะไรขึ้น ผจก.ก็บอกว่า ทางโรงแรมได้เช็คการเข้าออกห้องพักของผม (ก็คือเครื่องที่ผจก.ถือมาเสียบเข้ากับประตู)
และเห็นว่ามีการ์ดของพนง.ยกกระเป๋าได้เข้ามาในห้องพัก ก็เลยไปสอบถาม จึงได้ความว่า พนง.ยกกระเป๋าเป็นคนเอาเงินไป
ทาง ผจก. ก็บอกกับผมว่า เค้าเป็นพนง.ใหม่เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน ผมก็ถามกลับไปว่า แล้วทำไม พนง. ยกกระเป๋าถึงเข้ามาในห้องผมได้
ผจก. ก็บอกว่า การ์ดของ พนง.ยกกระเป๋าสามารถเข้าห้องพักได้ทุกห้อง
แต่ผมก็ได้แจ้งให้กับ ผจก. ว่า พนง.ทำความสะอาดน่าจะรู้เห็นเป็นใจด้วยเพราะเค้าจะออกมาดูทุกครั้งที่มีคนเข้าออก ถึงแม้ว่าเค้าจะทำความสะอาดอยู่ในห้องพักก็ตาม
แต่สุดท้าย...
ผมกับแฟนก็ไม่ได้ติดใจเอาความเพราะคิดว่า ทางโรงแรมก็ตามเรื่องให้จนได้เงินคืนครบจำนวน
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าเกิดขึ้นคือ
-ผมไม่ได้ล็อคเซฟครั้งสุดท้าย มันเป็นความประมาทของผม แต่ผมก็คิดว่า ถึงแม้เงินจะไม่อยู่ในเซฟ แต่เงินอยู่ในห้องพักก็น่าจะปลอดภัยในระดับนึง
- พนง.ยกกระเป๋าไม่ควรที่จะเข้าห้องพัก ก่อนได้รับอนุญาติ
- เป็นการขโมยอย่างแยบยล เพราะถ้าผมไม่นับเงินตั้งแต่ตอนนั้น ก็คงจะไม่รู้ว่าเงินหาย เพราะดึงออกไปแค่ส่วนนึงเท่านั้น
ส่วนโรงแรมก็ได้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
- ให้เช็คเอ้าท์ 4 โมง จากปกติต้องเช็คเอ้าท์เที่ยง โดยที่ไม่ต้องเอากระเป๋าไปฝากไว้ข้างล่าง
- โรงแรมให้แทกซี่ไปส่งถึงสนามบิน
- ถ้ากลับมาพักครั้งต่อไป จะอัพเกรดห้องให้
- ให้ผู้จัดการแต่ละแผนกมาขอโทษผมกับแฟน
และทาง ผจก.ฝ่ายความปลอดภัยก็ได้บอกกับผมว่า ตอนนี้ได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว และก็ขอเบอร์ติดต่อที่ไทยไว้ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อกลับไป
แต่…จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย
หวังว่าเรื่องของผม คงจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆได้บ้างนะครับ
ขอบคุณครับ