เชื่อว่าเด็กๆ ในสมัยก่อนหลายคนต้องมีความหลังฝังใจกับการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องดังที่มีตัวละครอย่าง Peter Pan และ กัปตันฮุค เป็นตัวชูโรง กับเรื่องราวของเด็กผู้ชายบินได้ในดินแด Neverland ซึ่งมันคือหนึ่งในการ์ตูนจินตนาการระดับมาสเตอร์พีซเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับเด็กยุคนั้น ส่วนเด็กยุคใหม่ๆ อาจจะแค่ผ่านๆ ตาและไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกัยหนุ่มน้อยชุดเขียวสักเท่าไหร่ ทาง Warner Bros ก็เลยเอามาทำใหม่ในเวอร์ชั่น 2015 เพื่อให้เด็กๆ ยุคเก่าและยุคใหม่ได้ดูกัน
เรื่องราวของ ปีเตอร์ เด็กชายจอมซน วัย 12 ปีที่ดื้อจนยากจะควบคุมได้ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแสนอ้างว้างที่ลอนดอน กระทั่งคืนมหัศจรรย์คืนหนึ่ง ปีเตอร์โดนจับไปยังโลกของโจรสลัด นักรบ และเทพธิดาสุดอัศจรรย์ที่เรียกกันว่า "เนเวอร์แลนด์" ซึ่งที่นั่นเขาได้พบกับการผจญภัยสุดทึ่งและการต่อสู้เสี่ยงตาย ขณะเดียวกันก็ต้องค้นหาความลับเกี่ยวกับแม่ที่ทิ้งเขาไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อนานมาแล้ว เขาได้ร่วมทีมไปกับนักรบไทเกอร์ ลิลลี่ และเพื่อนใหม่ที่ชื่อเจมส์ ฮุค ปีเตอร์ต้องเอาชนะโจรสลัดแบล็คเบียร์ดผู้โหดเหี้ยม (ฮิวจ์ แจ็คแมน) เพื่อปกป้องเนเวอร์แลนด์และเผชิญกับลิขิตชีวิตที่แท้จริงของเขา ซึ่งเขาจะต้องกลายเป็นฮีโร่ที่ถูกจดจำในนามของปีเตอร์แพนไปตลอดกาล
หนังเล่าเรื่องเริ่มตั้งแต่ต้นกำเนิดความเป็นมาของเด็กชาย ปีเตอร์ ก่อนจะเข้าสู่ Neverland ซึ่งหนังเล่าได้กระชับดี ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ ถึงแม้ว่าบทหนังมันจะง่ายจนเดาได้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น อาจเป็นเพราะหนังจะจับทั้งกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก เลยต้องทำออกมาให้ดูง่ายไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนสักเท่าไหร่ หนังมีการลำดับเนื้อเรื่องได้ดีเลย ดูแล้วลุ้นตามอยู่ตลอด อาจจะมีบ้างที่บางฉากบางตอนมันยืดไปนิด แต่ก็กลับมาต่อติดได้
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าเบื่ออีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือเรื่องของโปรดัคชั่นฉากต่างๆ ที่ทำออกมาได้วิจิตรอลังการเลิศหรูแบบเจ๊ไก่ดาวล้านดวงมากๆ บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าได้ Neverland หรือ ไอ้ดินแดนนางฟ้ามันเป็นยังไง แต่หนังก็ทำออกมาให้เราลืมสิ่งที่เราคิดไว้ตั้งแต่แรกออกไปหมด ฉากแต่ละฉากทำออกมาได้สวยงามฟรุ้งฟริ้งมากๆ หลายๆ ฉากทำออกมาสำหรับคนที่ดู 3D โดยเฉพาะ แต่ดู 2D ก็สวยมากแล้ว ทำให้หนังมีรสชาติมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นอีกเยอะ
ในตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับ Huge Jackman ในบทบาทของแบล็คเบียร์ดสักเท่าไหร่ แต่พอดูไปดูมา เฮียแกเล่นได้ถึงอารมณ์มากที่สุดในเรื่องแล้ว โหดแบบฮาๆ หน้านิ่งๆ พี่แกทำได้ดี โดยเฉพาะฉากเปิดตัว หนังเอาเพลง Smells like teen spirit ของ Nirvana ที่วัยรุ่นสมัยยุค Alternative รู้จักดี มาทำเป็ฯเพลงประสานเสียง เออ ฟังแล้วเท่ห์โคตรรรรรร
นักแสดงคนอื่นที่ผมมองว่าโอเคก็มีแค่เจ้าหนู Levi Miller ในบทปีเตอร์ กับ Rooney Mara ไทเกอร์ ลิลลี่ ที่ทำให้หนังดูน่าติดตามมากขึ้น แม้ว่าเจ้าหนู Levi จะดูประดิษฐ์ท่าทางการพูดไปนิด แต่ Garrett Hedlund ในบท เจมส์ ฮุค ไม่ผ่านครับ ดูแข็งๆ เกร็งๆ แปลกๆ และที่น่าเสียดายที่สุดคือ Amanda Seyfried ขวัญใจผม ออกมาเป็นลำแสงสีฟ้าๆ ไม่เห็นหน้าสวยๆ ของเธอเลย T_T
จุดด้อยของหนัง ผมว่าหนังมันเดินเรื่องเรียบง่ายและเรื่อยๆ เกินไป คือมันเดาได้หมดว่าหนังจะออกมาแบบไหนและจบยังไง ไอ้ฉากสวยๆ หลายๆ ฉาก ทำออกมาเพื่อให้สวยแบบไม่มีความหมายอะไรแอบแฝง ดินแดนนางฟ้า นี่ยิ่งแล้วใหญ่ ออกมาแบบไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเรื่องเลย คือเข้าไปแล้วงัย เอาเรือไปรบกันในนั้นแล้วจบแค่นั้น? แถมไม่มี ทิงเกอร์เบลล์ ตัวละครสำคัญของเรื่อง ปีเตอร์ แพน ให้เห็นเป็นตัวเป็นตนอีกต่างหาก ยิ่งฉากจบแล้วผมนึกถึงดราก้อนบอลเลยทีเดียว ต้องไปดูเอง
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้มีจุดที่ผมทั้งชอบและไม่ชอบอยู่รวมๆ กัน แต่หนังไม่ได้แย่ขนาดว่าอย่าดูเลย ถ้าซื้อตั๋วเข้าไปก็ไม่เสียดายตังค์ครับ ไปดูโปรดัคชั่นก็คุ้มแล้ว
พูดคุยเพิ่มเติมได้นะครับ >>>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] Pan - หนังโคตรแฟนตาซีเลย โปรดัคชั่นวิจิตรดาวล้านดวง แต่ติดที่....
เชื่อว่าเด็กๆ ในสมัยก่อนหลายคนต้องมีความหลังฝังใจกับการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องดังที่มีตัวละครอย่าง Peter Pan และ กัปตันฮุค เป็นตัวชูโรง กับเรื่องราวของเด็กผู้ชายบินได้ในดินแด Neverland ซึ่งมันคือหนึ่งในการ์ตูนจินตนาการระดับมาสเตอร์พีซเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับเด็กยุคนั้น ส่วนเด็กยุคใหม่ๆ อาจจะแค่ผ่านๆ ตาและไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกัยหนุ่มน้อยชุดเขียวสักเท่าไหร่ ทาง Warner Bros ก็เลยเอามาทำใหม่ในเวอร์ชั่น 2015 เพื่อให้เด็กๆ ยุคเก่าและยุคใหม่ได้ดูกัน
เรื่องราวของ ปีเตอร์ เด็กชายจอมซน วัย 12 ปีที่ดื้อจนยากจะควบคุมได้ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแสนอ้างว้างที่ลอนดอน กระทั่งคืนมหัศจรรย์คืนหนึ่ง ปีเตอร์โดนจับไปยังโลกของโจรสลัด นักรบ และเทพธิดาสุดอัศจรรย์ที่เรียกกันว่า "เนเวอร์แลนด์" ซึ่งที่นั่นเขาได้พบกับการผจญภัยสุดทึ่งและการต่อสู้เสี่ยงตาย ขณะเดียวกันก็ต้องค้นหาความลับเกี่ยวกับแม่ที่ทิ้งเขาไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อนานมาแล้ว เขาได้ร่วมทีมไปกับนักรบไทเกอร์ ลิลลี่ และเพื่อนใหม่ที่ชื่อเจมส์ ฮุค ปีเตอร์ต้องเอาชนะโจรสลัดแบล็คเบียร์ดผู้โหดเหี้ยม (ฮิวจ์ แจ็คแมน) เพื่อปกป้องเนเวอร์แลนด์และเผชิญกับลิขิตชีวิตที่แท้จริงของเขา ซึ่งเขาจะต้องกลายเป็นฮีโร่ที่ถูกจดจำในนามของปีเตอร์แพนไปตลอดกาล
หนังเล่าเรื่องเริ่มตั้งแต่ต้นกำเนิดความเป็นมาของเด็กชาย ปีเตอร์ ก่อนจะเข้าสู่ Neverland ซึ่งหนังเล่าได้กระชับดี ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ ถึงแม้ว่าบทหนังมันจะง่ายจนเดาได้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น อาจเป็นเพราะหนังจะจับทั้งกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก เลยต้องทำออกมาให้ดูง่ายไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนสักเท่าไหร่ หนังมีการลำดับเนื้อเรื่องได้ดีเลย ดูแล้วลุ้นตามอยู่ตลอด อาจจะมีบ้างที่บางฉากบางตอนมันยืดไปนิด แต่ก็กลับมาต่อติดได้
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าเบื่ออีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือเรื่องของโปรดัคชั่นฉากต่างๆ ที่ทำออกมาได้วิจิตรอลังการเลิศหรูแบบเจ๊ไก่ดาวล้านดวงมากๆ บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าได้ Neverland หรือ ไอ้ดินแดนนางฟ้ามันเป็นยังไง แต่หนังก็ทำออกมาให้เราลืมสิ่งที่เราคิดไว้ตั้งแต่แรกออกไปหมด ฉากแต่ละฉากทำออกมาได้สวยงามฟรุ้งฟริ้งมากๆ หลายๆ ฉากทำออกมาสำหรับคนที่ดู 3D โดยเฉพาะ แต่ดู 2D ก็สวยมากแล้ว ทำให้หนังมีรสชาติมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นอีกเยอะ
ในตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับ Huge Jackman ในบทบาทของแบล็คเบียร์ดสักเท่าไหร่ แต่พอดูไปดูมา เฮียแกเล่นได้ถึงอารมณ์มากที่สุดในเรื่องแล้ว โหดแบบฮาๆ หน้านิ่งๆ พี่แกทำได้ดี โดยเฉพาะฉากเปิดตัว หนังเอาเพลง Smells like teen spirit ของ Nirvana ที่วัยรุ่นสมัยยุค Alternative รู้จักดี มาทำเป็ฯเพลงประสานเสียง เออ ฟังแล้วเท่ห์โคตรรรรรร
นักแสดงคนอื่นที่ผมมองว่าโอเคก็มีแค่เจ้าหนู Levi Miller ในบทปีเตอร์ กับ Rooney Mara ไทเกอร์ ลิลลี่ ที่ทำให้หนังดูน่าติดตามมากขึ้น แม้ว่าเจ้าหนู Levi จะดูประดิษฐ์ท่าทางการพูดไปนิด แต่ Garrett Hedlund ในบท เจมส์ ฮุค ไม่ผ่านครับ ดูแข็งๆ เกร็งๆ แปลกๆ และที่น่าเสียดายที่สุดคือ Amanda Seyfried ขวัญใจผม ออกมาเป็นลำแสงสีฟ้าๆ ไม่เห็นหน้าสวยๆ ของเธอเลย T_T
จุดด้อยของหนัง ผมว่าหนังมันเดินเรื่องเรียบง่ายและเรื่อยๆ เกินไป คือมันเดาได้หมดว่าหนังจะออกมาแบบไหนและจบยังไง ไอ้ฉากสวยๆ หลายๆ ฉาก ทำออกมาเพื่อให้สวยแบบไม่มีความหมายอะไรแอบแฝง ดินแดนนางฟ้า นี่ยิ่งแล้วใหญ่ ออกมาแบบไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเรื่องเลย คือเข้าไปแล้วงัย เอาเรือไปรบกันในนั้นแล้วจบแค่นั้น? แถมไม่มี ทิงเกอร์เบลล์ ตัวละครสำคัญของเรื่อง ปีเตอร์ แพน ให้เห็นเป็นตัวเป็นตนอีกต่างหาก ยิ่งฉากจบแล้วผมนึกถึงดราก้อนบอลเลยทีเดียว ต้องไปดูเอง
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้มีจุดที่ผมทั้งชอบและไม่ชอบอยู่รวมๆ กัน แต่หนังไม่ได้แย่ขนาดว่าอย่าดูเลย ถ้าซื้อตั๋วเข้าไปก็ไม่เสียดายตังค์ครับ ไปดูโปรดัคชั่นก็คุ้มแล้ว
พูดคุยเพิ่มเติมได้นะครับ >>>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้