เจ็ดโมงเช้า ฤกษ์Check out ออกจากโรงแรมที่พัก วันนี้เราตัดสินใจไม่นั่งรถประจำทาง เลือกเดินด้วยสองเท้าของเราเอง เดินทางมาไกลนับพันกิโลเมตร ต้องชื่นชมกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวซะคะตะให้เต็มที่ ระหว่างที่เราเดินเลาะไปตามถนน เห็นนักเรียนขี่จักรยานผ่านไปเป็นครั้งคราว สังเกตเห็นที่พื้นเต็มไปด้วยกรวดเล็กๆ (สะอากมาก) มันทำให้เราเดินลำบากพอสมควร การลากกระเป๋าของคุณนายทำได้ยากขึ้น เดินได้ช้าลง รองเท้าที่เราใส่ก็มีผลกระทบ กรวดเล็กๆจะทิ่มแทงพื้นรองเท้าเป็นระยะๆ นึกในใจ โรยไว้ทำไม? รถจักรยานล้มก็บาดเจ็บเป็นที่แน่นอน (ตอนหลังถึงรู้ว่า มีประโยชน์มากในช่วงหน้าหนาว ตอนหิมะตก)
ร้านขายของ ซาลอน และร้านค้าอื่นๆจะเป็นตึกแถวเล็กๆ สลับไปมากับที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นตึก มีบ้านเดียวเป็นหลังๆอยู่บ้าง บ้านสไตค์เอโดะโบราณมีให้เห็นอยู่บ้างจะเมีพื้นที่ขนาดใหญ่ บางหลังก็มีรั้วกั้นแต่เป็นรั้วเตี้ยๆ คนที่นี่น่าจะเปิดร้านตอนสายๆ เพราะตอนที่เราเดินก็เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าจะแปดโมงแล้ว ส่วนรถเข็นขายของตามฟุตบาทแบบบ้านเราไม่มีให้เห็น
ระหว่างเดินทางเราก็เจอศาลเจ้าแถวๆสี่แยกไฟแดง แวะเข้าไปไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล เราเพียงแต่ไหว้อยู่ริมถนน เพราะเห็นมีป้ายวางไว้หน้าทางเข้าศาล คิดว่าคงยังไม่เปิดให้เข้าไปสักการะ
อ้อ!! เกือบลืมไปอย่างนึง ขนาดเช้าๆแบบนี้ รถยนต์ทุกคันจะจอดเมื่อเห็นสัญญาณไฟแดง
อร่อยกับขนนมดังโงะ(Dango)
แวะเก็บภาพกับสัญลักษณ์ของเมืองซะคะตะ ก่อนออกเดินทางด้วย Jr. Uetsu Line เมื่อเวลา 09.23 น.ซึ่งใช้เพียงเวลาเดินทาง 36 นาที ก็ถึงเป้าหมาย
สัญญลักษณ์เมืองซะคะตะ
[CR] แบกเป้เที่ยวTokyo,Tohoku,Sendai วัยร่วมๆ 60 ปี จำนวน 11 วัน/3
วันที่สอง ณ ซะคะตะ http://ppantip.com/topic/34159136#!
วันที่สี่อยู่ที่ทซึรุโอกะ http://ppantip.com/topic/34297225
วันที่ห้า อ้า Akihabara http://ppantip.com/topic/34320849
วันที่หก ก็ที่Asakusa Shinjuku http://ppantip.com/topic/34347772
วันที่เจ็ด Shibuya http://ppantip.com/topic/34364310
วันที่แปด Hirosaki & Aomori http://ppantip.com/topic/34402819
วันที่เก้า Yamadera , Hiraizumi http://ppantip.com/topic/34431134
วันที่สิบ ชิวล์ๆ http://ppantip.com/topic/34439414
เจ็ดโมงเช้า ฤกษ์Check out ออกจากโรงแรมที่พัก วันนี้เราตัดสินใจไม่นั่งรถประจำทาง เลือกเดินด้วยสองเท้าของเราเอง เดินทางมาไกลนับพันกิโลเมตร ต้องชื่นชมกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวซะคะตะให้เต็มที่ ระหว่างที่เราเดินเลาะไปตามถนน เห็นนักเรียนขี่จักรยานผ่านไปเป็นครั้งคราว สังเกตเห็นที่พื้นเต็มไปด้วยกรวดเล็กๆ (สะอากมาก) มันทำให้เราเดินลำบากพอสมควร การลากกระเป๋าของคุณนายทำได้ยากขึ้น เดินได้ช้าลง รองเท้าที่เราใส่ก็มีผลกระทบ กรวดเล็กๆจะทิ่มแทงพื้นรองเท้าเป็นระยะๆ นึกในใจ โรยไว้ทำไม? รถจักรยานล้มก็บาดเจ็บเป็นที่แน่นอน (ตอนหลังถึงรู้ว่า มีประโยชน์มากในช่วงหน้าหนาว ตอนหิมะตก)
ร้านขายของ ซาลอน และร้านค้าอื่นๆจะเป็นตึกแถวเล็กๆ สลับไปมากับที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นตึก มีบ้านเดียวเป็นหลังๆอยู่บ้าง บ้านสไตค์เอโดะโบราณมีให้เห็นอยู่บ้างจะเมีพื้นที่ขนาดใหญ่ บางหลังก็มีรั้วกั้นแต่เป็นรั้วเตี้ยๆ คนที่นี่น่าจะเปิดร้านตอนสายๆ เพราะตอนที่เราเดินก็เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าจะแปดโมงแล้ว ส่วนรถเข็นขายของตามฟุตบาทแบบบ้านเราไม่มีให้เห็น
ระหว่างเดินทางเราก็เจอศาลเจ้าแถวๆสี่แยกไฟแดง แวะเข้าไปไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล เราเพียงแต่ไหว้อยู่ริมถนน เพราะเห็นมีป้ายวางไว้หน้าทางเข้าศาล คิดว่าคงยังไม่เปิดให้เข้าไปสักการะ
อ้อ!! เกือบลืมไปอย่างนึง ขนาดเช้าๆแบบนี้ รถยนต์ทุกคันจะจอดเมื่อเห็นสัญญาณไฟแดง
แวะเก็บภาพกับสัญลักษณ์ของเมืองซะคะตะ ก่อนออกเดินทางด้วย Jr. Uetsu Line เมื่อเวลา 09.23 น.ซึ่งใช้เพียงเวลาเดินทาง 36 นาที ก็ถึงเป้าหมาย