ปลายสัปดาห์สิ้นเดือนกันยายน ต่อกับสัปดาห์ต้นเดือนตุลาคม อ๊อด กลายเป็น "บุคคลในข่าว" ที่สำคัญในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ เป็นที่เกรียวกราวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเป็นเวลานาน
อ๊อด เกิดที่หมู่ 4 ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาของอ๊อดเป็นใคร ไม่มีใครรู้แน่ชัด แม้แต่รื่นหรือพรรณี มารดาของอ๊อดเอง ก็ไม่แน่ใจว่าบิดาของอ๊อดเป็นใคร เพราะขณะที่เริ่มตั้งท้องอ๊อด มารดาของอ๊อดมีคนมาติดพันหลายคน 2 คนที่จำได้แน่ๆ คือ "ลอย พยูนวงศ์" ม.ร.ว.
คึกฤทธิ์นำเอาชีวประวัติไปเขียนในหนังสือเรื่องสั้นชุด "หลายชีวิต" ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือเมล์ล่มระหว่างทางจากบ้านแพนที่อยุธยาไปกรุงเทพฯ
อีกคนหนึ่งที่มาติดพันกับแม่ของอ๊อดในช่วงที่อ๊อดจะปฏิสนธิในครรภ์มารดาก็คือสีพงแก้ว แล้วก็ยังมีคนอื่นๆ ที่รุ่นราวคราวเดียวกับมารดาอีก 2-3 คน แต่ก็คงจะไม่ใช่บิดาของอ๊อด เพราะในระยะนั้นไม่ได้พบกัน อ๊อดจึงน่าจะนามสกุล "พยูนวงศ์" หรือไม่ก็ "พงแก้ว" แม่จึงให้ชื่อว่า อ๊อด พยูนวงศ์ หรือ ยงยุทธ พงแก้ว แล้วแต่ว่าอารมณ์ช่วงนั้นจะนึกถึงใคร ลอยหรือสี
เนื่องจากในปี 2490 ถึงปี 2500 จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ทางรัฐบาลก็มิได้เคร่งครัดกับงานทะเบียนราษฎร์เท่าใดนัก เมื่อจะมีการเลือกตั้งจึงค่อยมาดูแลทะเบียนราษฎร์ เพื่อจะได้ทำทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเสียทีหนึ่ง
การแจ้งเกิดในสมัยนั้นก็ไปแจ้งกับกำนัน กำนันก็จะรวบรวมมาแจ้งที่อำเภอให้ในวันที่ต้องมาประชุมกับนายอำเภอที่ที่ว่าการอำเภอเป็นประจำทุกเดือน แต่ความที่มารดารู้สึกอายหากจะมาแจ้งเกิดกับลุงกำนัน โดยไม่ทราบว่าบิดาเจ้าอ๊อดหรือยงยุทธควรจะเป็นใคร ระหว่างเจ้าลอย พยูนวงศ์ กับ เจ้าสี พงแก้ว ก็เลยไม่ได้ไปแจ้งเกิดกับกำนันเสียเฉยๆ เอาไว้เจ้าตัวมันจะเข้าโรงเรียนค่อยให้มันไปแจ้งเกิดย้อนหลังเอาเอง เสียค่าปรับนิดหน่อย ดีกว่าเสียหน้าไม่รู้ว่าจะแจ้งว่าผู้ใดเป็นพ่อของเด็ก
เมื่อเจ้าอ๊อดอายุครบต้องเข้าโรงเรียน มารดาก็เอามาฝากเป็นลูกศิษย์หลวงพี่เขียน เพื่อนของหลวงพี่ขาวที่วัดปทุมวนาราม หน้ากรมตำรวจปทุมวัน อ๊อดจึงสนิทสนมมีเพื่อนเป็นลูกตำรวจสันติบาลหลายคน เพราะตำรวจสันติบาลมีบ้านพักอยู่ในกรมตำรวจ ในกรมตำรวจนอกจากจะมีบ้านพักตำรวจสันติบาลแล้ว ตำรวจในกองดุริยางค์ก็มีบ้านพักอยู่ที่นี่ด้วย
ความที่อ๊อดมาอยู่เป็นลูกศิษย์วัดปทุมวนาราม สนิทสนมกับครอบครัวตำรวจสันติบาลกับตำรวจในกองดุริยางค์ อ๊อดจึงรู้สึกประทับใจกับการเป็นสีกากีเป็นอันมาก เมื่อเติบใหญ่ขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้เป็นตำรวจก็สนิทสนมกับนายตำรวจรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคน
อ๊อดจบ ป.4 จากโรงเรียนเทศบาลวัดปทุมวนารามเมื่อปี 2502 ปีที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการปฏิวัติอีกรอบหนึ่ง มีการกวาดล้าง "บุคคลผู้มีพฤติกรรมอันเป็นอันธพาล" และบุคคลผู้ที่มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ จับกุมมาขังไว้ที่ห้องขังในกรมตำรวจ ซึ่งดัดแปลงชั้นล่างของบ้านพักตำรวจให้เป็นห้องขังชั่วคราว ก่อนจะมา
สร้างที่คุมขังที่ลาดยาว แต่อ๊อดไม่มีใบเกิด ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน แจ้งโรงเรียนเทศบาลวัดปทุมวนารามว่าอยู่ที่วัดอันเป็นที่ตั้งของโรงเรียน โดยให้หลวงพี่รับรองก็ใช้ได้ โรงเรียนสมัยนั้นไม่ได้เคร่งครัดอะไร
ความที่อยู่ใกล้กับกรมตำรวจ อ๊อดจึงแวะเวียนมาพูดคุยรับใช้ซื้อกาแฟ บุหรี่ ไม้ขีดให้ผู้คุมขัง โดยได้รางวัลเล็กน้อยอยู่เสมอ ความที่อ๊อดรู้สึกประทับใจในเครื่องแบบสีกากี แต่ขณะเดียวกันก็สนิทสนมกับผู้ต้องขังที่เป็นผู้กว้างขวางและผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์หลายคน อ๊อดจึงมีบุคลิก 2 แบบ แบบหนึ่งก็สนิทสนมกับตำรวจ คอยช่วยเหลือราชการตำรวจอยู่อย่างลับๆ ตลอดมา อีกบุคลิกหนึ่งก็เป็นนักเลงหัวไม้ ชอบตีรันฟันแทง ยาเสพติดทุกชนิด อ๊อดลองจนติดหมดทุกอย่าง แต่ความที่มีจิตใจรักความเป็นตำรวจ อ๊อดจึงไม่เคยเกี่ยวข้องการค้ายาเสพติดเลย เป็นแต่เพียงผู้เสพเท่านั้น
อ๊อดเคยมีความรักอยู่หลายครั้ง แต่แล้วก็เลิกรากันไปก่อนจะมีลูกด้วยกัน ส่วนมากก็เกิดจากการเป็นคนจรหมอนหมิ่น ขี่ซาเล้งรับซื้อของเก่าแถวตลาดพลู เมื่อออกจากวัดก็ออกมาเฉยๆ ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านใด หลวงพี่ก็กลับไปจำวัดอยู่ที่อยุธยานานแล้ว โรงเรียนก็ไม่อาจออกใบสุทธิให้ได้ เมื่อทางกองทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีการสำรวจทะเบียนบ้านใหม่ก็ไม่มีชื่ออ๊อด เมื่อมีการกำหนดเลขประจำตัวราษฎรที่ออกบัตรประจำตัว 13 หลัก อ๊อดก็เลยไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก
อ๊อดเคยจะทำเรื่องขอทำบัตรประจำตัวในกรณีที่การสำรวจตกหล่น แต่ก็เป็นเรื่องยุ่งยากและต้องเสียเงินเป็นอันมาก ไม่เหมือนกรณีอยู่ป่าเขาที่ห่างไกล จะต้องพิสูจน์ว่าตนเป็นคนไทยม้ง เกิดในประเทศไทย มีผู้รู้เห็นรวมทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านรับรอง ซึ่งบัดนี้เป็นไปไม่ได้เสียแล้วสำหรับอ๊อด
อ๊อดเคยถูกจับในคดีมโนสาเร่ เล็กๆ น้อยๆ เช่น ดมกาว เสพกัญชา ใบกระท่อม ซึ่งอ๊อดเคยเสพในฐานะยาขยัน ไม่ผิดกฎหมาย ต่อมาก็เป็นยาม้าและยาบ้าในปัจจุบัน ซึ่งมีตัวยาเสพติดที่ร้ายแรง ไม่เหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้มีโทษสูงขึ้นสำหรับผู้เสพ
แต่ความที่มีเพื่อนฝูงเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน เมื่อจะลงบันทึกประจำวันก็ติดปัญหา ไม่มีทะเบียนบ้าน ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีเลข 13 หลักที่เป็นเลขประจำตัวราษฎรทุกคน แต่ตำรวจก็รู้ว่าอ๊อดมีตัวตน เป็นคนไทย เกิดที่บ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะปฏิบัติอย่างบุคคลไม่มีตัวตน หรือคนต่างด้าวคนอพยพก็ไม่ได้
ทุกครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมือง อ๊อดก็จะสมัครเป็นการ์ด หรือผู้รักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด และทุกครั้งเหมือนกันที่อ๊อดไปสมัครเป็นผู้รักษาความปลอดภัย หัวหน้าการ์ดก็จะถามหาบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งจะมีเลขประจำตัว 13 หลัก อ๊อดก็ไม่มีให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารก็รู้ และในคดีที่มีความรุนแรงบาดเจ็บล้มตาย ก็จะมีชื่ออ๊อดเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เสมอ แต่ไม่เคยถูกจับในคดีสำคัญ ส่วนคดีความผิดเล็กๆ น้อยๆ ตำรวจก็ไม่ส่งอัยการเพื่อฟ้องศาล
เมื่อ 2 ปีก่อน รัฐบาลประกาศให้แรงงานต่างด้าว เขมร มอญ พม่า ไทยใหญ่และลาว ไปร้องขอพิสูจน์สัญชาติ เพื่อรับบัตรแรงงานต่างชาติ อ๊อดก็คิดจะไปร้องขอพิสูจน์สัญชาติ จะได้ไม่เป็น "มนุษย์ล่องหน" อีกต่อไป แต่เมื่อนำความไปปรึกษานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ พล.ต.อ.แล้ว ท่านก็บอกว่าอย่าทำเลย เพราะอาจจะผิดกฎหมายอาญาฐานให้การอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน อยู่ทำการช่วยเหลือราชการอย่างลับๆ อย่างเดิมจะดีกว่า อย่าได้ตกอกตกใจไปเลย บางครั้งบางคราวก็อาจจะเป็นข่าวให้พวกหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ได้มีของเล่นให้ผู้อ่าน ผู้ฟังและผู้ชมได้ติดตามสนุกสนานในความที่สังคมไม่ค่อยจะมีข่าว จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อได้เล่นข่าวกันไปสัก 1-2 เดือน ข่าวก็จะจางหายไปเอง
นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ผู้นั้นรับรองว่าจะไม่จับ เพราะถ้าจับแล้วจะยุ่ง ทำคดีกับคนไม่มีเลขประจำตัวประชาชนจะลำบากมาก อ๊อดก็เลยจนใจ ทั้งๆ ที่อยากมอบตัวเป็นผู้ต้องหาก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีเลข 13 หลักประจำตัว
มาคราวนี้ อ๊อดต้องทำงานใหญ่เพราะได้รับการทาบทามจากพวกอุยกูร์ ที่จะให้เป็นผู้จัดหาท่อพีวีซีขนาดใหญ่ ดินดำ กำมะถัน ลูกปรายเพื่อทำระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ อ๊อดคิดว่าจะรับงานนี้เป็นงานสุดท้าย เพราะเพื่อนฝูงที่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เคยรู้จักช่วยเหลือเจือจุนกันมาก็ทยอยเกษียณอายุราชการกันไปในปีนี้บ้างปีหน้าบ้างจะหมดแล้วที่ขึ้นมาใหม่จะใช้บริการของอ๊อดอีกหรือไม่ อ๊อดก็ยังไม่แน่ใจ อ๊อดเองอายุก็ 60 ปีเข้าไปแล้ว ควรจะเลิกทำตัวเหลวไหลอันตรายอย่างนี้เสียที
พี่ชูวิทย์ ก็สนิทสนมกันเพราะอยู่ในวงการตำรวจมานานด้วยกัน แกเผลอไปบอกหนังสือพิมพ์ว่าผมเป็นน้องชายพี่ปื้ด ผู้ต้องหาที่ยิงตำรวจเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ความก็เลยแตก เคราะห์ดีตำรวจเขาไม่สนใจ อ๊อดก็เลยยังลอยนวลอยู่ได้ ไม่ถูกจับออกทีวีแถลงข่าว ขณะนี้ก็กลับไปอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา วันที่ตำรวจไปที่นั่นก็ยังนั่งดูตำรวจเขาอยู่เลย
ดูว่าเขาจะลงอย่างไร ส่วนอ๊อด พยูนวงศ์ สบายอยู่แล้ว ห่วงแต่ยงยุทธ พงแก้วเท่านั้น สื่อกำลังทำข่าวกันอย่างเมามัน นึกไม่ออกว่าพวกสื่อจะลงอย่างไร
ต้องคอยดูตอนจบ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1444277166
อ่านแล้ว งง ๆ คนที่อาจารย์ว่านี่กะที่ตำรวจออกข่าว นามสกุล คล้ายกันเลย อาจารย์แกมีนัยยะอะไรป่าว
อ๊อด พยูนวงศ์ : โดย วีรพงษ์ รามางกูร
อ๊อด เกิดที่หมู่ 4 ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาของอ๊อดเป็นใคร ไม่มีใครรู้แน่ชัด แม้แต่รื่นหรือพรรณี มารดาของอ๊อดเอง ก็ไม่แน่ใจว่าบิดาของอ๊อดเป็นใคร เพราะขณะที่เริ่มตั้งท้องอ๊อด มารดาของอ๊อดมีคนมาติดพันหลายคน 2 คนที่จำได้แน่ๆ คือ "ลอย พยูนวงศ์" ม.ร.ว.
คึกฤทธิ์นำเอาชีวประวัติไปเขียนในหนังสือเรื่องสั้นชุด "หลายชีวิต" ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือเมล์ล่มระหว่างทางจากบ้านแพนที่อยุธยาไปกรุงเทพฯ
อีกคนหนึ่งที่มาติดพันกับแม่ของอ๊อดในช่วงที่อ๊อดจะปฏิสนธิในครรภ์มารดาก็คือสีพงแก้ว แล้วก็ยังมีคนอื่นๆ ที่รุ่นราวคราวเดียวกับมารดาอีก 2-3 คน แต่ก็คงจะไม่ใช่บิดาของอ๊อด เพราะในระยะนั้นไม่ได้พบกัน อ๊อดจึงน่าจะนามสกุล "พยูนวงศ์" หรือไม่ก็ "พงแก้ว" แม่จึงให้ชื่อว่า อ๊อด พยูนวงศ์ หรือ ยงยุทธ พงแก้ว แล้วแต่ว่าอารมณ์ช่วงนั้นจะนึกถึงใคร ลอยหรือสี
เนื่องจากในปี 2490 ถึงปี 2500 จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ทางรัฐบาลก็มิได้เคร่งครัดกับงานทะเบียนราษฎร์เท่าใดนัก เมื่อจะมีการเลือกตั้งจึงค่อยมาดูแลทะเบียนราษฎร์ เพื่อจะได้ทำทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเสียทีหนึ่ง
การแจ้งเกิดในสมัยนั้นก็ไปแจ้งกับกำนัน กำนันก็จะรวบรวมมาแจ้งที่อำเภอให้ในวันที่ต้องมาประชุมกับนายอำเภอที่ที่ว่าการอำเภอเป็นประจำทุกเดือน แต่ความที่มารดารู้สึกอายหากจะมาแจ้งเกิดกับลุงกำนัน โดยไม่ทราบว่าบิดาเจ้าอ๊อดหรือยงยุทธควรจะเป็นใคร ระหว่างเจ้าลอย พยูนวงศ์ กับ เจ้าสี พงแก้ว ก็เลยไม่ได้ไปแจ้งเกิดกับกำนันเสียเฉยๆ เอาไว้เจ้าตัวมันจะเข้าโรงเรียนค่อยให้มันไปแจ้งเกิดย้อนหลังเอาเอง เสียค่าปรับนิดหน่อย ดีกว่าเสียหน้าไม่รู้ว่าจะแจ้งว่าผู้ใดเป็นพ่อของเด็ก
เมื่อเจ้าอ๊อดอายุครบต้องเข้าโรงเรียน มารดาก็เอามาฝากเป็นลูกศิษย์หลวงพี่เขียน เพื่อนของหลวงพี่ขาวที่วัดปทุมวนาราม หน้ากรมตำรวจปทุมวัน อ๊อดจึงสนิทสนมมีเพื่อนเป็นลูกตำรวจสันติบาลหลายคน เพราะตำรวจสันติบาลมีบ้านพักอยู่ในกรมตำรวจ ในกรมตำรวจนอกจากจะมีบ้านพักตำรวจสันติบาลแล้ว ตำรวจในกองดุริยางค์ก็มีบ้านพักอยู่ที่นี่ด้วย
ความที่อ๊อดมาอยู่เป็นลูกศิษย์วัดปทุมวนาราม สนิทสนมกับครอบครัวตำรวจสันติบาลกับตำรวจในกองดุริยางค์ อ๊อดจึงรู้สึกประทับใจกับการเป็นสีกากีเป็นอันมาก เมื่อเติบใหญ่ขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้เป็นตำรวจก็สนิทสนมกับนายตำรวจรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคน
อ๊อดจบ ป.4 จากโรงเรียนเทศบาลวัดปทุมวนารามเมื่อปี 2502 ปีที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการปฏิวัติอีกรอบหนึ่ง มีการกวาดล้าง "บุคคลผู้มีพฤติกรรมอันเป็นอันธพาล" และบุคคลผู้ที่มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ จับกุมมาขังไว้ที่ห้องขังในกรมตำรวจ ซึ่งดัดแปลงชั้นล่างของบ้านพักตำรวจให้เป็นห้องขังชั่วคราว ก่อนจะมา
สร้างที่คุมขังที่ลาดยาว แต่อ๊อดไม่มีใบเกิด ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน แจ้งโรงเรียนเทศบาลวัดปทุมวนารามว่าอยู่ที่วัดอันเป็นที่ตั้งของโรงเรียน โดยให้หลวงพี่รับรองก็ใช้ได้ โรงเรียนสมัยนั้นไม่ได้เคร่งครัดอะไร
ความที่อยู่ใกล้กับกรมตำรวจ อ๊อดจึงแวะเวียนมาพูดคุยรับใช้ซื้อกาแฟ บุหรี่ ไม้ขีดให้ผู้คุมขัง โดยได้รางวัลเล็กน้อยอยู่เสมอ ความที่อ๊อดรู้สึกประทับใจในเครื่องแบบสีกากี แต่ขณะเดียวกันก็สนิทสนมกับผู้ต้องขังที่เป็นผู้กว้างขวางและผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์หลายคน อ๊อดจึงมีบุคลิก 2 แบบ แบบหนึ่งก็สนิทสนมกับตำรวจ คอยช่วยเหลือราชการตำรวจอยู่อย่างลับๆ ตลอดมา อีกบุคลิกหนึ่งก็เป็นนักเลงหัวไม้ ชอบตีรันฟันแทง ยาเสพติดทุกชนิด อ๊อดลองจนติดหมดทุกอย่าง แต่ความที่มีจิตใจรักความเป็นตำรวจ อ๊อดจึงไม่เคยเกี่ยวข้องการค้ายาเสพติดเลย เป็นแต่เพียงผู้เสพเท่านั้น
อ๊อดเคยมีความรักอยู่หลายครั้ง แต่แล้วก็เลิกรากันไปก่อนจะมีลูกด้วยกัน ส่วนมากก็เกิดจากการเป็นคนจรหมอนหมิ่น ขี่ซาเล้งรับซื้อของเก่าแถวตลาดพลู เมื่อออกจากวัดก็ออกมาเฉยๆ ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านใด หลวงพี่ก็กลับไปจำวัดอยู่ที่อยุธยานานแล้ว โรงเรียนก็ไม่อาจออกใบสุทธิให้ได้ เมื่อทางกองทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีการสำรวจทะเบียนบ้านใหม่ก็ไม่มีชื่ออ๊อด เมื่อมีการกำหนดเลขประจำตัวราษฎรที่ออกบัตรประจำตัว 13 หลัก อ๊อดก็เลยไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก
อ๊อดเคยจะทำเรื่องขอทำบัตรประจำตัวในกรณีที่การสำรวจตกหล่น แต่ก็เป็นเรื่องยุ่งยากและต้องเสียเงินเป็นอันมาก ไม่เหมือนกรณีอยู่ป่าเขาที่ห่างไกล จะต้องพิสูจน์ว่าตนเป็นคนไทยม้ง เกิดในประเทศไทย มีผู้รู้เห็นรวมทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านรับรอง ซึ่งบัดนี้เป็นไปไม่ได้เสียแล้วสำหรับอ๊อด
อ๊อดเคยถูกจับในคดีมโนสาเร่ เล็กๆ น้อยๆ เช่น ดมกาว เสพกัญชา ใบกระท่อม ซึ่งอ๊อดเคยเสพในฐานะยาขยัน ไม่ผิดกฎหมาย ต่อมาก็เป็นยาม้าและยาบ้าในปัจจุบัน ซึ่งมีตัวยาเสพติดที่ร้ายแรง ไม่เหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้มีโทษสูงขึ้นสำหรับผู้เสพ
แต่ความที่มีเพื่อนฝูงเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน เมื่อจะลงบันทึกประจำวันก็ติดปัญหา ไม่มีทะเบียนบ้าน ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีเลข 13 หลักที่เป็นเลขประจำตัวราษฎรทุกคน แต่ตำรวจก็รู้ว่าอ๊อดมีตัวตน เป็นคนไทย เกิดที่บ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะปฏิบัติอย่างบุคคลไม่มีตัวตน หรือคนต่างด้าวคนอพยพก็ไม่ได้
ทุกครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมือง อ๊อดก็จะสมัครเป็นการ์ด หรือผู้รักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด และทุกครั้งเหมือนกันที่อ๊อดไปสมัครเป็นผู้รักษาความปลอดภัย หัวหน้าการ์ดก็จะถามหาบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งจะมีเลขประจำตัว 13 หลัก อ๊อดก็ไม่มีให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารก็รู้ และในคดีที่มีความรุนแรงบาดเจ็บล้มตาย ก็จะมีชื่ออ๊อดเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เสมอ แต่ไม่เคยถูกจับในคดีสำคัญ ส่วนคดีความผิดเล็กๆ น้อยๆ ตำรวจก็ไม่ส่งอัยการเพื่อฟ้องศาล
เมื่อ 2 ปีก่อน รัฐบาลประกาศให้แรงงานต่างด้าว เขมร มอญ พม่า ไทยใหญ่และลาว ไปร้องขอพิสูจน์สัญชาติ เพื่อรับบัตรแรงงานต่างชาติ อ๊อดก็คิดจะไปร้องขอพิสูจน์สัญชาติ จะได้ไม่เป็น "มนุษย์ล่องหน" อีกต่อไป แต่เมื่อนำความไปปรึกษานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ พล.ต.อ.แล้ว ท่านก็บอกว่าอย่าทำเลย เพราะอาจจะผิดกฎหมายอาญาฐานให้การอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน อยู่ทำการช่วยเหลือราชการอย่างลับๆ อย่างเดิมจะดีกว่า อย่าได้ตกอกตกใจไปเลย บางครั้งบางคราวก็อาจจะเป็นข่าวให้พวกหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ได้มีของเล่นให้ผู้อ่าน ผู้ฟังและผู้ชมได้ติดตามสนุกสนานในความที่สังคมไม่ค่อยจะมีข่าว จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อได้เล่นข่าวกันไปสัก 1-2 เดือน ข่าวก็จะจางหายไปเอง
นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ผู้นั้นรับรองว่าจะไม่จับ เพราะถ้าจับแล้วจะยุ่ง ทำคดีกับคนไม่มีเลขประจำตัวประชาชนจะลำบากมาก อ๊อดก็เลยจนใจ ทั้งๆ ที่อยากมอบตัวเป็นผู้ต้องหาก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีเลข 13 หลักประจำตัว
มาคราวนี้ อ๊อดต้องทำงานใหญ่เพราะได้รับการทาบทามจากพวกอุยกูร์ ที่จะให้เป็นผู้จัดหาท่อพีวีซีขนาดใหญ่ ดินดำ กำมะถัน ลูกปรายเพื่อทำระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ อ๊อดคิดว่าจะรับงานนี้เป็นงานสุดท้าย เพราะเพื่อนฝูงที่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เคยรู้จักช่วยเหลือเจือจุนกันมาก็ทยอยเกษียณอายุราชการกันไปในปีนี้บ้างปีหน้าบ้างจะหมดแล้วที่ขึ้นมาใหม่จะใช้บริการของอ๊อดอีกหรือไม่ อ๊อดก็ยังไม่แน่ใจ อ๊อดเองอายุก็ 60 ปีเข้าไปแล้ว ควรจะเลิกทำตัวเหลวไหลอันตรายอย่างนี้เสียที
พี่ชูวิทย์ ก็สนิทสนมกันเพราะอยู่ในวงการตำรวจมานานด้วยกัน แกเผลอไปบอกหนังสือพิมพ์ว่าผมเป็นน้องชายพี่ปื้ด ผู้ต้องหาที่ยิงตำรวจเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ความก็เลยแตก เคราะห์ดีตำรวจเขาไม่สนใจ อ๊อดก็เลยยังลอยนวลอยู่ได้ ไม่ถูกจับออกทีวีแถลงข่าว ขณะนี้ก็กลับไปอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา วันที่ตำรวจไปที่นั่นก็ยังนั่งดูตำรวจเขาอยู่เลย
ดูว่าเขาจะลงอย่างไร ส่วนอ๊อด พยูนวงศ์ สบายอยู่แล้ว ห่วงแต่ยงยุทธ พงแก้วเท่านั้น สื่อกำลังทำข่าวกันอย่างเมามัน นึกไม่ออกว่าพวกสื่อจะลงอย่างไร
ต้องคอยดูตอนจบ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1444277166
อ่านแล้ว งง ๆ คนที่อาจารย์ว่านี่กะที่ตำรวจออกข่าว นามสกุล คล้ายกันเลย อาจารย์แกมีนัยยะอะไรป่าว