เป้5ใบ บุก2อุทยานแห่งชาติ 4วัน3คืน (กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี) 2000บาท เที่ยวได้ไม่มีช๊อต

ก่อนอื่นต้องสวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิปทุกคนค่ะ
วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์จากการที่ได้ไปเที่ยวสุราษฎร์ธานีมาเมื่อช่วงวันที่ 23-26 กันยายนที่ผ่านนะคะ

ทริปนี้เป็นทริปที่ดูยากลำบากที่สุดในชีวิตเลยค่ะ เพราะได้โจทย์มาว่า Low price high experience เป็นอะไรที่พีคมากคือตกลงปลงใจกับเพื่อนๆช่วงสัปดาห์สอบพอดีเลย คือสอบเสร็จออกเดินทางกลับมาพัก1วันแล้วไปสอบต่อ กล้ามาก เราไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
(มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดด้านล่างค่ะ+แผนการเดินทาง)


วันที่ 23 กันยายน 2558
หลังจากสอบเสร็จก็ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปสู่สถานีรถไฟหัวลำโพงสู่สถานีรถไฟนาสาร......ด้วยขบวนรถที่ 167 ออก 18.30 น. ถึง นาสาร 07.05 น.



พวกเราเลือกนั่งรถไฟชั้น3 เสียไปคนละ 222 บาท เราก็มาถึงนาสารเรียบร้อยแถมอากาศและวิวดีๆระหว่างทาง


วันที่ 24 กันยายน 2558
    พวกเรา5คนก็มาถึงนาสารเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเวลา 07.30 น. เลทไปทั้งหมด 25 นาที พอลงจากรถไฟเราก็ไปจัดการภารกิจส่วนตัวแล้วก็ไปขึ้นรถประจำทาง สายสุราษฎร์ธานี-นาสาร ไปลงหน้าปากทางเข้าถ้ำขมิ้น อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ค่าคนจะคนละ 20 บาท



แล้วต้องเดินเท้าต่อเข้าไปอีก 1 กม. จะถึงที่ทำการถ้ำขมิ้น ตอนขาไปมีพี่ใจดีท่านหนึ่งผ่านมาเราก็โบก เค้าย้อนไปส่งพวกเราที่ปากทางขึ้นถ้ำ


ปรากฏว่าเรามาถึงเร็วไปนิดนึงเลยมีโอกาสชมวิวกันเล็กน้อย พอ 9โมงเจ้าหน้าที่ประจำก็มาถึงพวกเราไปจ่ายค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท จากปกติ40 บาท (โปรโมชั่นวันธรรมดาลด 50%)
จากนั้นเราก็ต้องมีไกด์พาเข้าชม (ค่าไกด์แล้วแต่จะให้ เนื่องจากพี่เค้าอธิบายดี เราเลยให้กันคนละ50 บาท รวมเป็น250 บาท)ระยะทางในถ้ำไปกลับ 1250 เมตร และบันไดทางขึ้นไปปากถ้ำอีก 207 ขั้น.....หนูนี่ปาดเหงี่อเลย555



ไปเริ่มกันเลยค่ะ ที่ปากทางขึ้นจะมีศาลปู่เจ้าสมิงพราย ที่คอยปกปักษ์รักษาถ้ำแห่งนี้ (ศาลใหม่) แล้วเราจะไปถึงจุดชมวิวแรก มองไปไกลๆจะเห็นภูเขาหินปูนอยู่ลิบๆ ท่ามกลางป่ายางพารา

เดินไปอีกพักเดียวก็ถึงปากถ้ำกันแล้ว......พี่ไกด์ของเรายังเดินสบายๆอยู่เลย แนะนำก่อนพี่แกชื่อพี่นัย ตำแหน่งนายช่าง มาจากวิทยาลัยเพาะช่าง(รู้สึกดีใจมาที่ไกด์ไม่พูดใต้ใส่ หนูฟังไม่ทัน สกิลค่อนข้างต่ำ) และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันธรรมดาทางอุทยานจะไม่เปิดไฟในถ้ำให้ เราต้องส่องไฟฉายกันเอง ใครสนใจจะมาแนะนำให้มาวันเสาร์อาทิตย์นะคะ แต่เราก็ได้เห็นความสวยงามอีกแบบในนี้



เนื่องจากถ้ำขมิ้นนี้เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของภาคใต้ และ 1ใน4ของโลก จึงมีความกว้างมาก ไม่อึดอัด (แต่กลิ่นมูลค้างคาวนี่สมชื่อ ถ้ำเหม็นมากๆค่ะ)
ภายในถ้ำก็จะหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ เป็นศิลปะบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แม้จะไม่ได้เห็นแบบเปิดไฟทั้งถ้ำแบบเสาร์อาทิตย์ แต่สิ่งที่เห็นก็เป็นความสวยงามอีกแบบค่ะ (ภาพถ่ายจากโทรศัพท์ล้วนๆเลยนะคะ ขออภัยในความไม่สวยTT)






เราใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ภายในถ้ำนะคะ เค้าจะออกแนวแบ่งเป็นห้องๆ แล้วพี่นัยก็บอกว่า ถ้ำนี้ยังสำรวจไม่หมดเลย ถ้าหมดถ้ำนี้อาจจะใหญ่ที่สุดก็เป็นได้




หลังจากเยี่ยมชมถ้ำเสร็จก็ออกเดินทางเข้าไปในอำเภอเมืองเพื่อต่อรถไปเขาสก (อยู่อำเภอพนม) พวกเราทั้ง5 คน เดินออกมารอรถสายเดิม (นาสาร-สุราษฎร์ธานี) ค่ารถไปถึงตลาดเกษตรคือ 40 บาท
ที่ตลาดเกษตรจะเป็นตลาดที่ขายผ้าและเป็นจุดบริการขนส่งขนาดย่อยๆในสุราษฎร์ธานี ที่นี่จะมีรถหลากหลายชนิดที่รอบริการ ตัวจขกท.เองก็แอบงงเล็กน้อยจะไปยังไงดี TT แต่คนเราไปไหนให้รู้จักถามค่ะ เราก็ไปถามแม่ค้าขายผลไม้บ้าง ร้านข้าว ร้านอาหารบ้าง จนเราทราบจุดที่รถสาย สุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า จอดคืออยู่ที่ท่ารถตลาดเกษตร2 (ฝั่งตรงกันข้าม) เดินเข้าไปสักพัก เราก็เห็นท่ารถจ้าสอบถามราคากันดิบดี 150 บาท ก็ตกลงเรียบร้อย มารู้ที่หลังว่าท่ารถจริงคือด้านหลังในสุดตรงตัวตลาดเลย (สรุปพวกเราโดนหลอกไป คนละ50 บาท) แต่ก็ไม่คิดมาก เพราะเราก็ต่างถิ่นกันด้วย แต่ก็คือจำขึ้นใจ (อาฆาตเล็กน้อย) เราก็แวะทานข้าวกันด้วย (ก๋วยเตี๋ยว 35 บาท อร่อยด้วย)

รถจะออกตรงเวลาพอสมควรเลยนะคะที่นี่ เราใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 100 กว่ากิโล (ทริปนั่งรถนาน555+) แต่วิวระหว่างทางนี่ใช้ได้เลยค่ะ พอถึงปากทางเข้า (เราก็โทรบอกเจ้าหน้าที่ เค้าบอกให้เรานั่งรถเข้ามาอีก 3 กม.)

แต่เราก็ได้พี่คนขับรถใจดีขับพาเข้าไปส่ง แถมพี่แกก็ให้เบอร์เราบอกว่าจะกลับให้โทรไปบอกจะขึ้นมารับ ไม่คิดเงินจาก (พี่เค้าชื่อพี่บ่าว)


ประมาณ 6 โมงเราก็ถึงที่พักกันเรียบร้อยพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก (หมดกันแผนเล่นน้ำ) เราก็แยกย้ายเก็บของเข้าบ้านพักแล้วอาบน้ำ บ้านพักในอุทยานจะตกที่คืนละ 600 บาท นอนได้ 6 คน (ตกคนละ 150 บาท/คืน) แต่วันธรรมดาจะลด 30% พวกเราเลยได้ที่พักคืนละ 86 บาท/คน (รวมค่าธรรมเนียมที่ธนาคาร)
ที่พักที่อุทยานก็ดีนะคะจะเป็นค่ายเยาวชน แต่เป็นห้องน้ำรวมค่ะ โดยรวมนี่สะอาดกว่าโรงแรมบางแห่งอีกค่ะ (ลองไปพักกันดูนะคะ แนะนำเลย สะอาดประหยัดปลอดภัย)



น้ำเชี่ยวมากเลย
พออาบน้ำเสร็จเราก็ทานมื้อเย็นกันค่ะ อาหารก็ง่ายๆเป็นมาม่ากับขนมปังนูเทอร่า (จขกท.แอบพกนูเทอร่ากับกาน้ำร้อนมาจากบ้าน) อยากออกไปทานอาหารที่ร้านด้านนอกแต่ฝนก็เทไม่หยุดจริงๆค่ะ


วันที่ 25 กันยายน 2558
จนเช้าประมาณ 6โมงจากแพลนที่จะไปเดินป่าชมน้ำตกก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะว่าฝนยังตกไม่หยุด จนประมาณ 9 โมงพวกเราก็คุยกันว่าไปเถอะจะได้ไม่เสียเวลามาถึงนี่ 9.30 น. เราก็เดินขึ้นเขาสก (ค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ปกติจะ40 บาท) ระยะทางจะประมาณ 3 กม. ไปกลับก็ 6 กม.พอดีค่ะ

ดูจากชุดนี่แบบ...5555

ตลอดการเดินเราก็จะพบลักษณะของป่าแบบเมดิเตอร์เรเนี่ยนผสมกับป่าดิบชื้นนะคะ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก เราเดินมาสักระยะ ก็จะมาถึงจุดชมวิวที่ชมแม่น้ำที่ไหลมาจากน้ำตกที่เราจะไปกัน





เดินต่อมาไม่นาน จขกท.ก็พบกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารัก มาขอแบ่งปันเลือด ปลิงกับทาก นั่นเองค่ะ (ตัวทากอิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อย แต่ปลิงคือเพิ่งจะเริ่มเกาะ ) แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็มักจะเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของป่า

แต่ไกด์ที่นำชาวต่างชาติขึ้นมา บอกกับพวกเราว่าตัวที่ดูดเลือดอิ่มแล้วต้องฆ่าทิ้งเพราะว่ามันจะไปออกลูกออกหลานเพิ่มมากขึ้น (จุดไฟเผาเลย น่าสงสารTT)
เดินมาอีกประมาณ 1 กม. เราก็ถึงจุดหมายแรกคือน้ำตกวิ่งหินค่ะ ลักษณะคือจะมีหินให้เราเดินไต่ๆไป แล้วเลยไปอีก 500 เมตรจะเป็นจุดน้ำลึก เอาไว้เล่นน้ำ แต่พอดีตอนนั้นฝนตกน้ำจึงเชี่ยวและขุ่น เพื่อความปลอดภัยพวกเราจึงงดเล่นน้ำและเดินต่อไปยังน้ำตกบางหัวแรด





พอถึงเท่านั้นแหละค่ะ 3 กม.คุ้มหายเหนื่อยเลยยยย น้ำใสและเย็นมาก บางหัวแรดจะเป็นน้ำตกเล็กที่ สามารถเล่นน้ำได้ (เย่ๆ)



เราก็เล่นกันพักนึงแล้วก็เดินกลับลงไปเก็บของออกจากที่พักแล้วเดินทางกลับอำเภอพุนพิน ไปปากน้ำตาปีกัน

ค่ารถจากเขาสกไปปากน้ำตาปีคนละ 170 บาท (ถ้าไปแค่ตลาดเกษตรจะ 130 บาทเท่านั้นค่ะ)
เราก็แอบคิดกันว่าปาคนที่แอบโกงค่ารถเรานี่เข้าใจทำมาหากินนะคะ (ค่าเขาคิดคือรถทัวร์150 จาก100 รถตู้ 200 จาก 130 บาท โอโห้555+++)


ต่อในคอมเมนต์นะคะเพี้ยนลุย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่