ทะเลาะกับแฟน ทำแม่ร้องไห้ เพราะเรื่องจะหมั้นและแต่งงานค่ะ ถามหน่อยค่ะตอนจะแต่งใครหาสินสอดคะ

เราพึ่งจบ ตอนนี้ต่อโทปีแรก แฟนเราพึ่งเริ่มทำงาน แต่แม่เราอยากให้แฟนมาหมั้นไว้ก่อนแล้วกำหนดวันว่าจะแต่งปีไหน อีก 2ปี3ปีว่ากันไป เพราะประเพณีที่บ้านเราผู้ใหญ่เค้าจะถามว่าหมั้นแล้วจะแต่งปีไหน ตอนแรกแฟนเราบอกหมั้นขอเป็นปีหน้า(ตอนนั้นเค้าอาจพูดไปเฉยๆมั้ง)แต่แต่งยังไมรู้ แต่ตอนนี้เค้าเครียดมากเวลาพูดถึงเรื่องนี้ เค้าอยากจะเลื่อนทั้งหมั้นและแต่งไปซักไกลๆ กี่ปีเค้าก็ยังไม่แน่ใจ  ตอนนี้เราเครียดแทนทั้งแฟนและแม่เลย
เหตุผลของแม่คือ
1.พ่ออายุมากแล้ว(พึ่งเกษียณเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา)   ลูกเพื่อพ่อคนอื่นแต่งไปหมดแล้ว เป็นประธานแต่งงานให้ก็หลายคู่แล้ว ไม่ถึงงานลูกตัวเองซักทีจนพ่อเกษียณ  (คือพ่อแม่เรามีลูกช้าค่ะ เราอายุน้อยสุดในบรรดาลูกๆเพื่อนเค้า) แม่บอกสงสารพ่อค่ะ อยากให้พ่อได้สัมผัสกับวันแบบนี้ของลูกก่อนแก่ไปมากกว่านี้  สำหรับเค้าแล้วเค้าคิดว่าเค้าเหลือเวลาน้อยแล้วค่ะ
2.แม่ไม่สบายไม่รู้จะอยู่ถึงวันไหน อันนี้เค้าป่วยค่ะเป็นหลายโรค แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงนะคะ
3.แม่กลัวว่าแฟนเราจะทิ้งเรา ไม่รับผิดชอบ อนาคตต่อไปเราอาจหมดคุณค่าสำหรับแฟนเราก็ได้  (ตรงนี้เราเข้าใจว่าแม่ห่วง หวังดี) แม่บอกว่าเรามีแต่เสียกับเสีย ผู้ชายแก่ไปเค้าทิ้งหาใหม่ได้ง่ายๆ แต่ผู้หญิงแก่แล้วหาแฟนใหม่ยาก
เหตุผลของแฟนคือ
1.ยังเด็ก พึ่งทำงาน เงินจะหามาจากไหนมาหมั้น มาแต่ง (อันนี้เราเห็นด้วยกับแฟน เราเองก็ไม่พร้อม พี่ๆคนอื่นก็แต่งกัน 27-28 แม่เราเค้าก็รู้ เค้าเหมือนจะเข้าใจตรงนี้ แต่สุดท้ายก็พูดเหมือนไม่เข้าใจ พูดเหมือนเดิม)
2.แฟนบอกไม่อยากกำหนดวันว่าจะไปหมั้น ไปแต่งวันไหน อยากไปเรื่อยๆ จนกว่าเค้าจะพร้อม ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าอีกนานแค่ไหน อาจซักอายุ 30ปี (ปัจจุบัน24 ถึงตอนนั้นพ่อเราก็ 66ปี สำหรับเราไม่แก่นะ แต่สำหรับพ่อแม่เค้าคิดว่าเค้าแก่เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว แม่พูดมาแบบนี้เราร้องไห้เลย)
3.แฟนเราเค้าไม่อยากรบกวนพ่อแม่เรื่องสินสอด เพราะเค้าก็เห็นใจพ่อแม่เค้าเหมือนกัน

ตอนนี้เราบอกแม่และแฟนไปตามนี้แล้ว แฟนและแม่เหมือนเข้าใจแต่ก็ยังยึดในเหตุผลของตัวเอง  แฟนก็เครียด ทำงานก็ไม่สะดวกเพราะเครียดเรื่องนี้  แม่เราก็ซึมไปเลยหลังจากที่เราอธิบายเหตุผลของแฟนให้ฟัง 1.เราอยากรู้ว่าคนอื่นเจอเรื่องนี้มั้ยแล้วแก้ปัญหายังงัยเพราะทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง 2.สินสอดตอนจะแต่งใครหาคะ ผู้ชาย หรือหารกัน แล้วผู้ชายเค้าเอามาจากพ่อแม่เค้าด้วยมั้ย เพราะแถวบ้านเราพ่อแม่ช่วยออกทุกคนเลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
สินสอด 1 ล้าน ใครว่าน้อยคะ เราว่ามากจนเกินไปด้วยซ้ำ เรียกขนาดนี้ไม่ได้เห็นใจฝ่ายชายเลย ฝ่ายชายพึ่งจะเริ่มทำงานจะไปหามาจากไหนขนาดนั้น จะให้ไปขอจากพ่อแม่ฝ่ายชายเหรอ ???? ส่วนตัวเรากลับนับถือว่าฝ่ายชายนะ ที่ไม่คิดรบกวนพ่อแม่ กลับกลายเป็นบ้านฝ่ายหญิงที่คิดเอาแต่ได้อย่างเดียว คืออยากให้ลูกตัวเองแต่งงานเพราะไปอยู่กินกับฝ่ายชายแล้ว กลัวลูกโดนทิ้ง แต่กลับเรียกสินสอดซะสูงเชียว

ทำแบบนั้นเท่ากับคิดจะไล่ฝ่ายชายชัดๆ คนเราถ้าเห็นใจกัน อยากให้ลูกสาวแต่งงานจริง มันควรยอมลดลงบ้างไอ้เรื่องสินสอดเนี่ย เรียกขนาดนี้ ถ้าแฟนคุณทิ้งคุณไปเพราะทนโดนแม่คุณกดดันไม่ไหว เราจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ แทนที่จะคิดว่าไหนๆลูกสาวก็ไปอยู่กินกับผู้ชายแล้ว แต่งพอเป็นพิธีก็พอแล้ว นี่อะไรเร่งให้เค้ามาหมั้นมาแต่งแล้ว ยังเรียกสินสอดซะกะไม่ให้ฝ่ายชายตั้งตัวกันเลย

อย่าถามเลยว่าปกติใครออก คนเราถ้าอยากแต่งงานกัน ถ้าเห็นใจกันมันก็ควรช่วยกันนะคะ ไม่ใช่ถือคติว่าเธอต้องหามาแต่งกับชั้นนะ ชีวิตคู่ ถ้าเริ่มด้วยความเห็นแก่ตัวแบบนี้ คิดว่าจะไปกันรอดเหรอ ถ้าแฟนคุณถอยก็อย่าได้โทษใครเลยจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 41
ตอนแรกที่อ่านเห็นใจฝ่ายชาย และงงว่าแม่คุณจะรีบให้ลูกแต่งไปไหน ทำยังกะคุณหาใครไม่ได้แล้ว
หรือหมดจากคนนี้คงขึ้นคานแน่  ซึ่งเราอ่านแล้วเรารู้สึกว่าฝ่ายชายไม่ค่อยอยากผูกมัดเร็วเกินไป
เพราะถ้าเค้าอยากได้คุณจริง ๆ ก็ต้องเป็นฝ่ายกระตือรือล้นมาต่อรอง  มาเอาใจแม่คุณ เผื่อแม่ยายจะเห็นใจ

พออ่านต่อมาถึงทราบว่าคุณอยู่กินกะแฟนแล้ว มันก็สมควรอยู่หรอกที่แม่คุณจะเร่งปานนั้น
คุณน่ะไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะคนที่ต้องรับหน้าคอยตอบคำถามเพื่อน ๆ ญาติ ๆ น่ะคือแม่คุณ
แล้วท่านทั้งสองก็มีหน้าที่การงานเพื่อนฝูงเยอะแยะในสังคมราชการที่เค้าชอบอวดชอบโชว์ลูกเต้ากันอยู่แล้ว

เราว่าจขกท.รู้ว่าพ่อแม่เป็นคนแคร์สังคมก็ไม่น่าไปอยู่กินกับผู้ชายก่อน
ไอ้เราน่ะไม่ถือหรอกเพราะเราก็อยู่กินกะสามีก่อนแต่ง เพราะเราไม่ชอบแต่งงานไง  แต่ที่แต่งเพราะแม่สามีจัดให้ก็เลยไม่อยากขัด
แม่เราก็ไม่ถือ และไม่แคร์ใครด้วย ลูกได้คนดีแม่เราก็ปลื้มแล้ว เลยไม่มีใครกล้าทักกล้าว่าเราเพราะแม่เราไม่ได้ทำท่าเสียใจหรืออายตรงไหน
ขนาดเราแต่งงานแม่เราก็ไม่ได้ตื่นเต้น และไม่เรียกสินสอดอะไรด้วย

ถ้าเราเป็นคุณ และเจอสถานการณ์แบบคุณ เราจะถามผู้ชายว่าไม่พร้อมตรงไหนบ้าง
ถ้าเป็นเรื่องเงิน ก็จะถามต่อว่ามีแพลนเก็บเงินยังไง (รึจะบอกไม่มี ๆ  ไปเรื่อย ๆ)
ถ้าไม่มีคำตอบที่น่าพอใจ เราก็จะเก็บเสื้อผ้าออกมาเลย บอกว่าให้เค้าพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยมาอยู่ด้วยกัน
เพราะเราไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องเงิน ในเมื่อแม่คุณก็บอกแล้วว่าจะออกให้ก่อน แถมไม่ได้ยืนยันว่าจะเอาล้านนึงด้วย
(จขกท.มาบอกหลายทีแล้วว่าล้านนึงไม่ใช่ประเด็น แค่ว่าได้ก็ดี ไม่ได้ไม่เป็นไร เผลอ ๆ แถมให้
แม่จขกท.แทบจะใส่พานอยู่แล้ว ขอแค่ผู้ชายมาเจรจา คนตอบก็ยังจะไปย้ำกันอยู่นั่นว่าตั้งล้าน)
เราว่าที่เค้าไมีทำอะไรเพราะเค้าไม่มั่นใจที่จะแต่งกับคุณมากกว่า
ความคิดเห็นที่ 61
อ่านดูแล้วเหนื่อยใจแทน

จากที่จขกท.มาตอบในคคห.อื่นๆเพิ่มว่าอยุ่กินกับแฟนแล้ว พ่อแม่ย่อมเป็นห่วง คือคุณเป็นสามีภรรยาโดยพฤตินัยไปแล้ว แต่ดันไม่แต่งงานเป็นทางการ ไม่มาขอกันตรงๆ ผู้ชายก็ดูบอกปัด เหมือนไม่ได้วางแผนแต่งงานเลย

อันที่จริงเพิ่งเริ่มทำงาน ไม่มีเงินจริงครับ แต่อยู่กันฉันท์สามีภรรยาขนาดนี้ ก็น่าจะวางแผนอนาคตบ้างแล้ว ไม่มีเงินตอนนี้ก็ไปพูดตรงๆกับพ่อแม่ฝ่ายหญิง ขอผูกข้อมือก่อน หมั้นไว้ก่อน หรือจดทะเบียนกันเลยแล้วจัดงานเลี้ยงเล็กๆก็ยังได้

เรื่องสินสอดขึ้นกับทางบ้าน เคยไปบ้านเขาไหม น่าจะมีเงินไหม ถ้าบ้านรวย มีเงิน มีรถราคาหลายล้าน ยังไงพ่อแม่เขาก็ต้องช่วย แต่ถ้าแบบบ้านยังต้องช่วยที่บ้านผ่อน หรือผู้ชายมีภาระผ่อนรถ ผ่อนคอนโด แบบนี้ ก็อาจจะไม่มีที่บ้านช่วยจริงๆ ก็ต้องเห็นใจ เก็บเงินแต่งงานเองขั้นต่ำ3-5ปี แต่ก็ต้องกล้าไปพูดกับพ่อแม่ฝ่ายหญิงตรงๆ ไม่ใช่พูดลอยๆว่าแต่งอีกกี่ปีก็ไม่รู้? จะร่วมสร้างครอบครัว หรือจะหลอกให้อยู่กินไปเรื่อยๆจนเบื่อกันแน่?

แต่ถ้าแบบที่บ้านมี แล้วมาพูดหล่อๆว่าจะออกเงินเอง แต่ไม่รู้เมื่อไร เขาเรียกบอกปัด พูดตรงๆคือเขาไม่ได้วางแผนแต่งงานกับคุณนั่นแหละ

ผมว่าพ่อแม่เขาไม่ได้หวังเงินหรอก แต่เขาห่วงคุณ จะโดนทิ้งเสียก่อน อยู่กินด้วยกันขนาดนี้ ยังไม่มีวางแผน แล้วจะมีอนาคตไหม?

ป.ล. เคสนี้คล้ายๆเคสคนที่รู้จักกัน เป็นแฟนอยู่ด้วยกัน ฝ่ายชายที่บ้านมีเงินมีกิจการส่วนตัว แต่พอถามเรื่องแผนแต่งงาน ก็อ้างนู่นอ้างนี่ว่าจะเก็บเงินเอง(แต่ก็ยังขอเงินที่บ้านซื้อรถซื้อคอนโดส่วนตัว) จนผ่านไปห้าหกปีก็ยังไม่ได้แต่ง สุดท้ายเลิก ผู้ชายเบื่อ ไปมีคนใหม่แล้วแต่งงานทันทีซะงั้น(ไหนบอกเก็บเงินอยู่หว่า?) เรื่องแบบนี้ผู้หญิงเสียมากกว่านะครับ เสียทั้งโอกาส และพ่อแม่ก็โดนชาวบ้านนินทา คนยุคใหม่อาจไม่แคร์ แต่พ่อแม่คุณเขาอาจจะแคร์
ความคิดเห็นที่ 76
ผมนี่แหล่ะที่โดนสินสอด 1 ล้าน  ไม่คืนด้วย ทั้งเงินทั้งทอง
ค่าจัดงานต่างหากอีกสี่แสนทอนมาสองพัน

ทุกวันนี้ผ่อนหนี้เดือนละเกือบสามหมื่น
แม้จะแต่งมาเกือบสองปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ผมยังโกรธพ่อแม่เมียอยู่ เพราะผมเหนื่อยมากแต่ละเดือนที่ต้องหาเงินมาจ่ายในแต่ละเดือน
ทั้งต้นและดอกรวมๆกันเกือบสองล้าน

ขอเตือนคุณผู้ชายที่กำลังจะแต่งและโดนเรียกร้องสินสอดมากๆ
คุณอาจไม่สามารถยกเลิกการแต่งงานได้เนื่องจากความรักที่มีต่อผู้หญิง
แต่คุณสามารถเลื่อนระยะเวลาออกไปได้ เพื่อพิสูจน์ความรักของผู้หญิงที่มีต่อตัวคุณ ถ้าผู้หญิงรักคุณจริงก็ต้องรอเช่นกัน
"เรียกแพงได้ ก็ต้องรอได้"

และหากสินสอดมาจากการกู้ยืม ให้คุณคิดแง่ร้ายที่สุดเท่าที่คุณจะคิดได้ในการหาหนทางผ่อนชำระในแต่ละเดือน
ผมเชื่อว่า คุณผู้ชายทุกท่านไม่อยากให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนั้นหรอก แต่เชื่อสิ มันจะเป็นไปอย่างที่คิดไว้เต็มๆเลย
ความคิดเห็นที่ 50
แฟนคุณไม่แต่งง่ายๆหรอก เพราะ 1 ล้านนั่นแหละ
อีกอย่าง คุณคบกันมากี่ปี ก่อนได้เงินก็บอกคืนให้ แต่ถ้าได้ไปแล้วไม่คืน ฝ่ายชายเหลืออะไรอ่ะ
คุณลองถามพ่อแม่สิคะ ว่าเงินล้านนึง พ่อกับแม่คุณใช้เวลาเก็บกันกี่ปี
ถ้าปีเดียวหาได้ แสดงว่าฐานะทางบ้านคุณดีมาก ดังนั้นคู่ครองคุณก็ควรจะเท่าๆเทียมกัน
ถ้าผู้ใหญ่อยากให้หมั้น ส่วนใหญ่เขาจะใช้คำว่า ตามแต่จะให้ ค่ะ
แล้วถ้าฝ่ายชายดี พ่อแม่คุณชอบฝ่ายชาย สินสอดเขาจะไม่เรียกสักบาท
กลับกันนะคะ ถ้าฝ่ายคุณดี ครอบครัวฝ่ายชายปลื้ม คุณเรียกล้าน
พ่อแม่ฝ่ายชายอาจให้ 2 ล้าน และฝั่งนั้นเขาจะหาทางรีบดองกับฝั่งคุณ
ตอนนี้เราอ่านๆมา คนอยากแต่งมีแค่พ่อกับแม่คุณ (และคุณด้วยรึเปล่า)
อีกฝั่งเขาไม่อยากแต่งเลย ตอนนี้เขาน่าจะเสียกำลังใจไปเยอะมากด้วย
ลูกผู้ชายจะแต่งเมีย ถ้าไม่ใช่ลูกแหง่ เขาไม่รบกวนพ่อแม่กันค่ะ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี
และไม่อยากรบกวนพ่อแม่น่ะค่ะ
แต่อย่างที่บอก ถ้าคุณดีมากๆ ฝั่งนั้นเขาปลื้มคุณมาก พ่อแม่ฝ่ายชายจะจัดการออกหน้าแทนเลยค่ะ
คุณอยากรักษาความรักนี้ไว้ คุณต้องมองให้ครบทุกด้าน ใจเขาใจเรานะคะ
อยากแต่งจริงๆ คุณต่อรองสินสอดกับแม่คุณ แล้วเก็บคนละครึ่งกับฝ่ายชายมั้ยคะ
อีกประเด็น พากันไปจดทะเบียนสมรสก่อนค่ะ พร้อมค่อยแต่ง แค่นี้น่าจะโอเคมั้ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่