ขณะที่ "ไข่ย้อย" อยากบอกรักมาเป็นเวลานาน
"ดากานดา" ก็อยากฟังคำนี้มานานแล้วเช่นกัน
หวัดดี...ดากานดา
แกเป็นไงมั่ง ชั้นยังไม่ลืมแกกับไอ้ย้อยมันหรอกนะ ถึงเวลามันจะผ่านไปนาน 10 ปีแล้วก็เถอะ ทุกครั้งที่คิดถึงพวกแก มันเหมือนกับว่าเวลากำลังเดินทวนเข็มนาฬิกา และทำให้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็นเด็กมัธยมอีกที ตอนที่เพิ่งรู้จักพวกแกเป็นครั้งแรกนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อว่า 10 ปีที่ชั้นรู้จักหนังของแกมันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ โลกคงหมุนเร็วเกินไปจนชั้นตามมันแทบไม่ทันแล้วว่ะ วันนี้ครบรอบ 10 ปีพอดีที่เราได้รู้จักกัน ชั้นก็เลยพลอยคิดถึงแกขึ้นมา...
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลังเรียนจบ ชีวิตของแกจะเป็นยังไงกันบ้าง แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าแกกับไอ้ย้อยจะยังอยู่ใน “ความทรงจำ” ของกันและกันตลอดไป (ชั้นภาวนาให้เป็นแบบนั้นนะ ถึงแม้มันจะอยู่ในอดีตก็เถอะ) จะว่าไปชั้นก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า อยากให้แกสองคนรักกันแบบแฟนหรือเปล่า
ใจนึงชั้นก็เศร้านะ ตอนที่เห็นไอ้ย้อยมัน “บอกรัก” แต่ก็เหมือนกับ “บอกลา” แกไปในตัวด้วย แต่อีกใจนึงเท่าที่เห็นพวกแก “เป็นเพื่อนกัน” ชั้นว่ามันก็ดีแล้วว่ะ เข้าใจความรู้สึกเลยว่า บอกรักเพื่อนมันไม่ใช่เรื่องง่าย... “เพื่อนกับแฟน” บางทีก็แทนกันไม่ได้ นี่ใช่มั้ยที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันสายเกินไป
ตอนแรกกว่าไอ้ย้อยมันจะยอมเปิดปากบอกความในใจกับแกได้ ชั้นว่ามันก็นานเกินไปแล้วนะ แต่ตัวแกเองก็ยิ่งทำให้เรื่องต่างๆ ผ่านเลยไปมากกว่าเดิมอีก โทษทีว่ะดากานดา! ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะโทษแก แต่คือชั้นแค่ “เสียดาย” เพราะการที่คนสองคนมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน แล้วไม่มีโอกาสเปิดใจให้รู้ มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามาก จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
“ดากานดา ชั้นรักแกว่ะ”
“แกมาทำอะไรเอาตอนนี้”
ชั้นเชื่อว่าแกสองคนคงไม่มีวันลืมโมเมนต์นี้ของชีวิตแน่ๆ และที่แกตอบกลับไปแบบนั้น แกกำลังจะบอกไอ้ย้อยมันว่า “น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้” ใช่มั้ย ชั้นว่าชั้นไม่น่าจะเข้าใจผิดนะ เพราะตอนนั้นมันสายไปแล้ว แกมีแฟนและก็ยังเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอไอ้ย้อยมันอีก จริงๆ ชั้นขอเดาว่าแกคงจะรู้ หรือไม่...อย่างน้อยก็คงจะสงสัยบ้างว่า ไอ้ย้อยมันคิดยังไงกับแก และลึกๆ ชั้นว่าแกก็คงจะอยากฟังคำๆ นี้มานานแล้วใช่มั้ยดากานดา
มีอย่างที่ไหน ผู้ชายเรียนมหาลัยมา 4 ปี ไม่มีแฟน ไม่เคยจีบหญิง หรือมองใครเลย มันอยู่แต่กับแกนั่นแหละ ตัวมันจะสกปรกซกมกแค่ไหนแต่ก็คอยล้างพู่กันให้แกซะสะอาดเลย แบบนี้...ไม่รู้ ไม่น่าสงสัยก็บ้าเกินไปแล้วล่ะ
ชั้นเริ่มแน่ใจชัวร์ๆ ว่าตัวเองคิดไม่ผิดแน่ๆ ก็ตอนที่แกพาไอ้ย้อยมันไปที่บ้าน นอกจากไอ้ฟู่เหยินที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แกไม่เคยพาผู้ชายคนไหนไปที่บ้านเลย ไอ้ย้อยนี่แหละเป็นคนแรก แม่แกยังแซวกึ่งๆ ดีใจเลยว่า ในที่สุดก็มีหนุ่มมาชอบลูกสาวตัวเอง ดูจากลักษณะช่างคุยของแม่แกแล้ว น่าจะเอาไปแซว ไม่ก็เมาท์มอยให้แกฟังหลังไมค์แน่ๆ ใช่มั้ย
แถมแม่แกยังบอกเคล็ดลับว่า ให้นับ 1-10 ตอนผู้หญิงหลับ ถ้าเค้าตื่นแสดงว่าเค้าชอบ แล้วไอ้ย้อยมันก็เอาไปทำจริงเว้ยเฮ้ย... ตอนแกหลับอยู่ในเต้นท์ไง พอมันนับเสร็จ ชั้นเห็นแกแอบยิ้มอ่อนๆ อยู่นะ (ห้ามปฏิเสธเว้ย! หลักฐานทนโท่) จนแอบคิดไปอีกทางนึงว่า จริงๆ แล้วแกกับแม่ช่วยกันพิสูจน์ว่าไข่ย้อยมันชอบแกจริงๆ สมมุติฐานของชั้นถูกมั้ยวะ ^ ^
แต่ก็นะ...ถึงจะพอรู้ แต่แกเป็นผู้หญิงจะให้เป็นฝ่ายรุก มันก็ยังไงอยู่ ก็ต้องรอผู้ชายเค้าบอกด้วยตัวเองใช่มั้ย ชั้นเข้าใจดี แต่โชคร้ายไอ้ย้อยมันป๊อด มันซื่อบื้อเกินไป สี่ปีผ่านไม่ยอมบอกซักที พอมีผู้ชายที่มีความชัดเจนมากกว่าเข้ามา มันก็ไม่แปลกหรอกที่คนนี้จะมาวิน งี้ละ!...รักมากแค่ไหน แต่ “ไม่มีความชัดเจน” มันก็ไม่ต่างจากการปล่อยให้ความรักหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา
ดากานดา...แกยังโชคดีนะที่รู้ว่าไอ้ย้อยมันรักแกจริงๆ และในที่สุดแกก็ได้ฟังคำบอกรักจากปากของมันเอง แต่ไอ้ย้อยมันเป็นฝ่ายเดียวที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วแกคิดยังไงกันแน่ มันรู้แค่ว่ามันรักแกข้างเดียวและไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะการจะเปลี่ยน “เพื่อน” ให้เป็น “แฟน” แค่คิดก็แทบจะแห้วตั้งแต่เริ่มแล้ว
ถึงตอนท้ายแกจะเขียนจดหมายบอกมันเป็นนัยๆ ว่า ตอนนี้เลิกกับแฟนแล้ว แต่มันก็ไม่ชัดเจนว่า แกรู้สึกยังไงกับไอ้ย้อยกันแน่ อย่างที่ชั้นบอกไป “ความรักต้องการความชัดเจน” คราวนี้แหละสายเกินไปของแท้ เพราะไอ้ย้อยมันตัดสินใจแล้วว่า “จะไปอยู่ในที่ๆ เวลาไม่หวนย้อนกลับ”
อย่าหาว่าชั้นซ้ำเติมแกเลยนะดากานดา ชั้นแค่รู้สึกเสียดายว่ะ จริงๆ ชั้นก็ไม่แน่ใจว่าถ้าพวกแกสองคนเปิดใจและชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง เกมมันจะออกมาเป็นยังไง ชั้นแค่อยากให้พวกแกต่างฝ่ายต่างรู้ว่าความรู้สึกที่พวกแกมีให้กัน มันเป็นแบบไหน
ไม่ต่างจากจดหมายยาวยืดของชั้นฉบับนี้ว่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกจะได้อ่านมันมั้ย แต่ก็ช่างเถอะ เพราะไอ้ย้อยมันบอกกับชั้นว่า... “ส่วนที่ดีที่สุดของการเขียนจดหมาย ไม่ได้อยู่ที่ว่า เค้าจะอ่านจดหมายของเราหรือไม่ แต่อยู่ตอนที่เราคิดจะเขียนถึงเค้าซะมากกว่า” ชั้นคิดถึงแก ชั้นก็เลยเขียนถึงแกแบบที่ไอ้ย้อยมันทำ
คิดถึงแกว่ะ
ไอ้กั๊มป์
......................................................................................
ชวนทุกคนมาเปิดคลังหนังไทยด้วยกันได้ที่เพจ "เบิกโรงซินีม่า"
https://www.facebook.com/BergRongCinema
*** จดหมายถึงดากานดา.... 6 ตุลาคม ครบรอบ 10 ปี “เพื่อนสนิท” ***
"ดากานดา" ก็อยากฟังคำนี้มานานแล้วเช่นกัน
หวัดดี...ดากานดา
แกเป็นไงมั่ง ชั้นยังไม่ลืมแกกับไอ้ย้อยมันหรอกนะ ถึงเวลามันจะผ่านไปนาน 10 ปีแล้วก็เถอะ ทุกครั้งที่คิดถึงพวกแก มันเหมือนกับว่าเวลากำลังเดินทวนเข็มนาฬิกา และทำให้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็นเด็กมัธยมอีกที ตอนที่เพิ่งรู้จักพวกแกเป็นครั้งแรกนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อว่า 10 ปีที่ชั้นรู้จักหนังของแกมันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ โลกคงหมุนเร็วเกินไปจนชั้นตามมันแทบไม่ทันแล้วว่ะ วันนี้ครบรอบ 10 ปีพอดีที่เราได้รู้จักกัน ชั้นก็เลยพลอยคิดถึงแกขึ้นมา...
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลังเรียนจบ ชีวิตของแกจะเป็นยังไงกันบ้าง แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าแกกับไอ้ย้อยจะยังอยู่ใน “ความทรงจำ” ของกันและกันตลอดไป (ชั้นภาวนาให้เป็นแบบนั้นนะ ถึงแม้มันจะอยู่ในอดีตก็เถอะ) จะว่าไปชั้นก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า อยากให้แกสองคนรักกันแบบแฟนหรือเปล่า
ใจนึงชั้นก็เศร้านะ ตอนที่เห็นไอ้ย้อยมัน “บอกรัก” แต่ก็เหมือนกับ “บอกลา” แกไปในตัวด้วย แต่อีกใจนึงเท่าที่เห็นพวกแก “เป็นเพื่อนกัน” ชั้นว่ามันก็ดีแล้วว่ะ เข้าใจความรู้สึกเลยว่า บอกรักเพื่อนมันไม่ใช่เรื่องง่าย... “เพื่อนกับแฟน” บางทีก็แทนกันไม่ได้ นี่ใช่มั้ยที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันสายเกินไป
ตอนแรกกว่าไอ้ย้อยมันจะยอมเปิดปากบอกความในใจกับแกได้ ชั้นว่ามันก็นานเกินไปแล้วนะ แต่ตัวแกเองก็ยิ่งทำให้เรื่องต่างๆ ผ่านเลยไปมากกว่าเดิมอีก โทษทีว่ะดากานดา! ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะโทษแก แต่คือชั้นแค่ “เสียดาย” เพราะการที่คนสองคนมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน แล้วไม่มีโอกาสเปิดใจให้รู้ มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามาก จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
“ดากานดา ชั้นรักแกว่ะ”
“แกมาทำอะไรเอาตอนนี้”
ชั้นเชื่อว่าแกสองคนคงไม่มีวันลืมโมเมนต์นี้ของชีวิตแน่ๆ และที่แกตอบกลับไปแบบนั้น แกกำลังจะบอกไอ้ย้อยมันว่า “น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้” ใช่มั้ย ชั้นว่าชั้นไม่น่าจะเข้าใจผิดนะ เพราะตอนนั้นมันสายไปแล้ว แกมีแฟนและก็ยังเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอไอ้ย้อยมันอีก จริงๆ ชั้นขอเดาว่าแกคงจะรู้ หรือไม่...อย่างน้อยก็คงจะสงสัยบ้างว่า ไอ้ย้อยมันคิดยังไงกับแก และลึกๆ ชั้นว่าแกก็คงจะอยากฟังคำๆ นี้มานานแล้วใช่มั้ยดากานดา
มีอย่างที่ไหน ผู้ชายเรียนมหาลัยมา 4 ปี ไม่มีแฟน ไม่เคยจีบหญิง หรือมองใครเลย มันอยู่แต่กับแกนั่นแหละ ตัวมันจะสกปรกซกมกแค่ไหนแต่ก็คอยล้างพู่กันให้แกซะสะอาดเลย แบบนี้...ไม่รู้ ไม่น่าสงสัยก็บ้าเกินไปแล้วล่ะ
ชั้นเริ่มแน่ใจชัวร์ๆ ว่าตัวเองคิดไม่ผิดแน่ๆ ก็ตอนที่แกพาไอ้ย้อยมันไปที่บ้าน นอกจากไอ้ฟู่เหยินที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แกไม่เคยพาผู้ชายคนไหนไปที่บ้านเลย ไอ้ย้อยนี่แหละเป็นคนแรก แม่แกยังแซวกึ่งๆ ดีใจเลยว่า ในที่สุดก็มีหนุ่มมาชอบลูกสาวตัวเอง ดูจากลักษณะช่างคุยของแม่แกแล้ว น่าจะเอาไปแซว ไม่ก็เมาท์มอยให้แกฟังหลังไมค์แน่ๆ ใช่มั้ย
แถมแม่แกยังบอกเคล็ดลับว่า ให้นับ 1-10 ตอนผู้หญิงหลับ ถ้าเค้าตื่นแสดงว่าเค้าชอบ แล้วไอ้ย้อยมันก็เอาไปทำจริงเว้ยเฮ้ย... ตอนแกหลับอยู่ในเต้นท์ไง พอมันนับเสร็จ ชั้นเห็นแกแอบยิ้มอ่อนๆ อยู่นะ (ห้ามปฏิเสธเว้ย! หลักฐานทนโท่) จนแอบคิดไปอีกทางนึงว่า จริงๆ แล้วแกกับแม่ช่วยกันพิสูจน์ว่าไข่ย้อยมันชอบแกจริงๆ สมมุติฐานของชั้นถูกมั้ยวะ ^ ^
แต่ก็นะ...ถึงจะพอรู้ แต่แกเป็นผู้หญิงจะให้เป็นฝ่ายรุก มันก็ยังไงอยู่ ก็ต้องรอผู้ชายเค้าบอกด้วยตัวเองใช่มั้ย ชั้นเข้าใจดี แต่โชคร้ายไอ้ย้อยมันป๊อด มันซื่อบื้อเกินไป สี่ปีผ่านไม่ยอมบอกซักที พอมีผู้ชายที่มีความชัดเจนมากกว่าเข้ามา มันก็ไม่แปลกหรอกที่คนนี้จะมาวิน งี้ละ!...รักมากแค่ไหน แต่ “ไม่มีความชัดเจน” มันก็ไม่ต่างจากการปล่อยให้ความรักหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา
ดากานดา...แกยังโชคดีนะที่รู้ว่าไอ้ย้อยมันรักแกจริงๆ และในที่สุดแกก็ได้ฟังคำบอกรักจากปากของมันเอง แต่ไอ้ย้อยมันเป็นฝ่ายเดียวที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วแกคิดยังไงกันแน่ มันรู้แค่ว่ามันรักแกข้างเดียวและไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะการจะเปลี่ยน “เพื่อน” ให้เป็น “แฟน” แค่คิดก็แทบจะแห้วตั้งแต่เริ่มแล้ว
ถึงตอนท้ายแกจะเขียนจดหมายบอกมันเป็นนัยๆ ว่า ตอนนี้เลิกกับแฟนแล้ว แต่มันก็ไม่ชัดเจนว่า แกรู้สึกยังไงกับไอ้ย้อยกันแน่ อย่างที่ชั้นบอกไป “ความรักต้องการความชัดเจน” คราวนี้แหละสายเกินไปของแท้ เพราะไอ้ย้อยมันตัดสินใจแล้วว่า “จะไปอยู่ในที่ๆ เวลาไม่หวนย้อนกลับ”
อย่าหาว่าชั้นซ้ำเติมแกเลยนะดากานดา ชั้นแค่รู้สึกเสียดายว่ะ จริงๆ ชั้นก็ไม่แน่ใจว่าถ้าพวกแกสองคนเปิดใจและชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง เกมมันจะออกมาเป็นยังไง ชั้นแค่อยากให้พวกแกต่างฝ่ายต่างรู้ว่าความรู้สึกที่พวกแกมีให้กัน มันเป็นแบบไหน
ไม่ต่างจากจดหมายยาวยืดของชั้นฉบับนี้ว่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกจะได้อ่านมันมั้ย แต่ก็ช่างเถอะ เพราะไอ้ย้อยมันบอกกับชั้นว่า... “ส่วนที่ดีที่สุดของการเขียนจดหมาย ไม่ได้อยู่ที่ว่า เค้าจะอ่านจดหมายของเราหรือไม่ แต่อยู่ตอนที่เราคิดจะเขียนถึงเค้าซะมากกว่า” ชั้นคิดถึงแก ชั้นก็เลยเขียนถึงแกแบบที่ไอ้ย้อยมันทำ
คิดถึงแกว่ะ
ไอ้กั๊มป์
......................................................................................
ชวนทุกคนมาเปิดคลังหนังไทยด้วยกันได้ที่เพจ "เบิกโรงซินีม่า"
https://www.facebook.com/BergRongCinema