..ต่อจากเมื่อวานนี้เลยนะคับ...ขอย้ำว่ามันไม่ใช่นิยายนะคับ .. อิอิ
หัวใจของผมเร่งเร้าเสมอ แม้ด้วยความที่ไม่ค่อยกล้าพูดกับคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือเทศน์ก็ตาม
แต่..กับคนนี้ ผมต้องก้าวข้ามความกลัว....เรามีโอกาสแค่คืนนี้ตอนนี้เท่านั้น ..ผมบอกตัวเองดังนั้น พร้อม
โพล่งออกไป ภายหลังที่เค้าหลบสายตาไปสักครู่ ผมชำเลืองตาดูเขาเพียงครู่...
...ตอนนั้นมือของผมโชกไปด้วยเหงื่อ แม้ว่าความเย็นของเครื่องปรับอากาศบนรถจะเย็นจัดเพียงใด ก็ตาม
ผมใช้มือขวาสะกิดที่แขนของเขา...เนื่องจากเขานั่งเบาใน...
"Hello. How are you?" นี่แหละ (ที่กูเรียนมา...ไม่ผิดแกรมม่า) ...ผมถามเขาแบบไม่ค่อยจะมั่นใจในสำเสียง และอักขระเท่าไหร่นัก
"Fine, you?" (เฮ้ย!!! เค้าฟังกูรู้เรื่องเว้ย..แต่ประเด็นคือกูจะต่อยังไงดีวะ)
"I am fine thank you" ...เอาละ...(หมดมุขละกู) ....
....จนแล้วจนรอด แม้ภาษาอังกฤษของเราจะไม่ได้เก่งอะไรมากนัก แต่ด้วยความที่เขาพยายามที่จะเข้าใจเรา
ทำให้การสื่อสารระหว่างเราเป็นไปได้ไม่ยากนัก ...ผมรู้แค่ว่า เขาชื่อ เดวิด อายุ 19 มาจาก อเมริกา ....
ส่วนอย่างอื่น เราก็ตอบ Yes ไปตามน้ำ....(อิอิ)
ผ่านการสนทนาไปราวๆ สามสิบนาทีได้ .... ทำให้ผมรู้สึกดีมาก...ดีมากจนบอกไม่ถูก...ผมอยากจะใกล้ชิดเค้ามากกว่านี้
หัวใจของผมเรียกร้องที่จะพิงไหล่อุ่นๆเขาบ้าง... (แต่เราจะทำอย่างไรดี..ใจเราเรียกร้องมากเหลือเกิน...ถ้าเราขอแล้วเค้าปฏิเสธหละจะเป็นอย่างไร)
บทสนทนาของสองเราจบลง ผมได้แต่คิดว่า ....ฉันอยาก..ฉันอยาก...
ผมเริ่มเหงื่อแตก จิตใจของผมไม่อยุ่กับเนื้อกับตัว หัวใจผมเต้นแรง...คือตอนนั้นผมรุ้สึกตื่นเต้นมาก....
..ทำไมสายตาคู่นั้นของเค้า ทำให้ผมอยากใกล้ชิด อยากรุ้จัก อยากสนิทสนมเขาจังเลย...
ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ที่ไม่สามารถทำตามหัวใจตัวเองได้ในนอนนั้น
จนในที่สุด ผมก็รวบรวมความกล้า...พร้อมกับความมั่นใจในสายตาคู่นั้น...
......."นาย....เราขอพิงไหล่นายได้ไหม?" .......... ผมตื่นเต้นจนหูอื้อ......(เฮ้ย เราถามอะไรออกไปอะ....เราเป็นอะไรไปมากหรือเปล่าอะ แม้ใจลึกๆจะกลัวการปฎิเสธ ในขณะที่อีกใจหนึ่งเรียกร้องให้ถามเหลือเกิน"
"ได้สิ" ..................คำตอบที่เขาตอบกลับ ทำให้ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง....
ส่วนตัวผมก็ไม่รีรอ รอช้าใดๆ รีบตอบสนองต่อคำตอบนั้นทันที (ถามว่าตอนนั้นตัวเองแรดไหม ตอบไม่ถูกเลย รุ้แค่ว่า หัวใจมันเรียกร้องมากแค่นันเอง) ผมเเอียงศีรษะไปด้านขวาพิงกับไหล่อุ่นของเขา ไม่ทันไร เขาใช้มือมากอดผมไว้แนบชิด......ผมมีความสุขมาก ผมซบไหล่พลางยิ้มให้ตัวเองด้วยความสุข แล้วบทสนทนาของสองเรา ก็เป็นบทสนทนาแห่งรัก....
ฝรั่งขอแต่งงาน #2
หัวใจของผมเร่งเร้าเสมอ แม้ด้วยความที่ไม่ค่อยกล้าพูดกับคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือเทศน์ก็ตาม
แต่..กับคนนี้ ผมต้องก้าวข้ามความกลัว....เรามีโอกาสแค่คืนนี้ตอนนี้เท่านั้น ..ผมบอกตัวเองดังนั้น พร้อม
โพล่งออกไป ภายหลังที่เค้าหลบสายตาไปสักครู่ ผมชำเลืองตาดูเขาเพียงครู่...
...ตอนนั้นมือของผมโชกไปด้วยเหงื่อ แม้ว่าความเย็นของเครื่องปรับอากาศบนรถจะเย็นจัดเพียงใด ก็ตาม
ผมใช้มือขวาสะกิดที่แขนของเขา...เนื่องจากเขานั่งเบาใน...
"Hello. How are you?" นี่แหละ (ที่กูเรียนมา...ไม่ผิดแกรมม่า) ...ผมถามเขาแบบไม่ค่อยจะมั่นใจในสำเสียง และอักขระเท่าไหร่นัก
"Fine, you?" (เฮ้ย!!! เค้าฟังกูรู้เรื่องเว้ย..แต่ประเด็นคือกูจะต่อยังไงดีวะ)
"I am fine thank you" ...เอาละ...(หมดมุขละกู) ....
....จนแล้วจนรอด แม้ภาษาอังกฤษของเราจะไม่ได้เก่งอะไรมากนัก แต่ด้วยความที่เขาพยายามที่จะเข้าใจเรา
ทำให้การสื่อสารระหว่างเราเป็นไปได้ไม่ยากนัก ...ผมรู้แค่ว่า เขาชื่อ เดวิด อายุ 19 มาจาก อเมริกา ....
ส่วนอย่างอื่น เราก็ตอบ Yes ไปตามน้ำ....(อิอิ)
ผ่านการสนทนาไปราวๆ สามสิบนาทีได้ .... ทำให้ผมรู้สึกดีมาก...ดีมากจนบอกไม่ถูก...ผมอยากจะใกล้ชิดเค้ามากกว่านี้
หัวใจของผมเรียกร้องที่จะพิงไหล่อุ่นๆเขาบ้าง... (แต่เราจะทำอย่างไรดี..ใจเราเรียกร้องมากเหลือเกิน...ถ้าเราขอแล้วเค้าปฏิเสธหละจะเป็นอย่างไร)
บทสนทนาของสองเราจบลง ผมได้แต่คิดว่า ....ฉันอยาก..ฉันอยาก...
ผมเริ่มเหงื่อแตก จิตใจของผมไม่อยุ่กับเนื้อกับตัว หัวใจผมเต้นแรง...คือตอนนั้นผมรุ้สึกตื่นเต้นมาก....
..ทำไมสายตาคู่นั้นของเค้า ทำให้ผมอยากใกล้ชิด อยากรุ้จัก อยากสนิทสนมเขาจังเลย...
ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ที่ไม่สามารถทำตามหัวใจตัวเองได้ในนอนนั้น
จนในที่สุด ผมก็รวบรวมความกล้า...พร้อมกับความมั่นใจในสายตาคู่นั้น...
......."นาย....เราขอพิงไหล่นายได้ไหม?" .......... ผมตื่นเต้นจนหูอื้อ......(เฮ้ย เราถามอะไรออกไปอะ....เราเป็นอะไรไปมากหรือเปล่าอะ แม้ใจลึกๆจะกลัวการปฎิเสธ ในขณะที่อีกใจหนึ่งเรียกร้องให้ถามเหลือเกิน"
"ได้สิ" ..................คำตอบที่เขาตอบกลับ ทำให้ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง....
ส่วนตัวผมก็ไม่รีรอ รอช้าใดๆ รีบตอบสนองต่อคำตอบนั้นทันที (ถามว่าตอนนั้นตัวเองแรดไหม ตอบไม่ถูกเลย รุ้แค่ว่า หัวใจมันเรียกร้องมากแค่นันเอง) ผมเเอียงศีรษะไปด้านขวาพิงกับไหล่อุ่นของเขา ไม่ทันไร เขาใช้มือมากอดผมไว้แนบชิด......ผมมีความสุขมาก ผมซบไหล่พลางยิ้มให้ตัวเองด้วยความสุข แล้วบทสนทนาของสองเรา ก็เป็นบทสนทนาแห่งรัก....