วิถีสองล้อ ไม่ว่า cc. มากหรือน้อย ล้วนต่างสร้างสีสันและอิสระให้กับพวกเรา ชาวสองล้อได้เสมอ เราเป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นมาจาก0 กระโดดมาจับตัวกลางๆอย่าง 650cc. โดยที่ไม่ได้ผ่านตัวน้อยๆมาก่อน หลายคนที่รู้จักในตอนแรกแนะนำให้ขายทิ้งละเอาตัวเล็กๆมาลองขี่ให้เก่ง แต่ด้วยความรั้นไม่ฟังใครก็เลยตามเลยไม่ยอมขาย แต่พยายามฝึกพยายามจับจนพอไปได้ มันก็จะได้บรรยากาศรถใหญ่ไปอีกแบบ
จนกระทั่งเดือนที่แล้ว มีโอกาส พี่ชายที่รู้จักกันสอนแนวลำบาก(วิบาก)ให้ด้วยรถดรีมตูดเป็ดที่แปลงเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อนำมาใช้งานแบบ motocross เราได้รับความกรุณาจากพี่ สอนเบสิกเกร็ดความรู้ การตัดสินใจเฉพาะหน้า กับการขี่รถแบบนี้ แต่จากครั้งนั้นก็ยังไม่ได้ลองจับรถแนวนี้แบบของจริงซักที ล่าสุดเมื่อวาน ได้รับความกรุณาและคำเชิญชวนจากพรรคพวกของพี่อีกครั้ง ว่าจะพาไปลุยฝุ่น ทันใดนั้นตาก็เป็นประกายพลัน นี่เราจะมีโอกาสได้ขี่มันออกสู้เส้นทางจริงๆแล้วใช่ไหม ไม่รอช้าค่ะ รับรับคำทันที ทั้งที่ยังไม่มั่นใจว่าขาจะถึงหรือเปล่า แต่พี่บอก รถแนวนี้ไม่มีใครขาถึงหรอก เราเลยลองคลุกเส้นทางสายฝุ่นดู เพราะโอกาสมันคงไม่ได้แวะมาชวนเราบ่อยๆ
ผลสุดท้าย สิ่งที่ได้รับมาคือประสบการณ์ แม้ระยะทางจะไม่ไกลมาก แต่ก็ทำให้เราเลอะโคลนไปทั้งตัวได้เหมือนกัน การขี่วิบากตื่นเต้นกว่าทางเรียบมาก โดยเฉพาะหน้าฝน และสำคัญสุดเส้นทางหลังฝนตก มันทั้งชุ่มฉ่ำไปด้วยโคลนและร่องน้ำที่ทั้งลื่นทั้งเปรอะ ประกอบกับเนิน ทางโค้ง ตรง ดิ่ง มันยิ่งท้าทายเข้าไปอีก ณ เวลาที่เราไม่สามารถคาดการณ์กับเส้นทางและถนนที่อยู่ข้างหน้าได้เพราะเราคาดไม่ถึงจริงๆว่าเราจะเจอกันอะไร ทำให้เราต้องมีสติและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะทุกนาทีที่เราโลดแล่นท่ามกลางถนนลูกรังหลังฝนตกเรามีโอกาสพลาดท่าเสียทีลงไปกองได้อยู่ตลอดเวลา แต่ถึงร่วงก็จัดว่าเป็นประสบการณ์ให้เราได้ออกแบบท่าในการล้มไป มันช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง สำหรับใครหลายคนอาจอ่านแล้วรู้สึกเบื่อ เพราะเคยลองมาหมดแล้ว แต่สำหรับเรามันยังใหม่และตื่นเต้นประทับใจอยู่ ถือว่าคุ้มที่ได้ก้าวย้ำเข้ามาอยู่ในวงการนี้ และนอกจากประสบการณ์สิ่งสำคัญสุดที่ได้มาคือมิตรภาพ แม้จะไม่ใช่แบบชู้สาว แต่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนพี่น้องนี่แหละค่ะ ที่ยั่งยืนที่สุด
สุดท้ายถ้าเทียบทางเรียบกับวิบาก เราไม่สามารถเลือกได้เลยว่าสายไหนดีกว่าหรือสนุกกว่ากัน เพราะมันมีเสน่ห์และความน่าชวนหลงใหลอยู่ในตัวของมันในแต่ละแนวอยู่แล้ว
ปล.นางเพ้อนางบ่นนางกวนประสาท และนางก็อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ เผื่อมีใครหลงเข้ามาอ่านและฝากประสบการณ์น่าประทับใจพร้อมคำแนะนำเอาไว้
BigBike Vs Motocross
จนกระทั่งเดือนที่แล้ว มีโอกาส พี่ชายที่รู้จักกันสอนแนวลำบาก(วิบาก)ให้ด้วยรถดรีมตูดเป็ดที่แปลงเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อนำมาใช้งานแบบ motocross เราได้รับความกรุณาจากพี่ สอนเบสิกเกร็ดความรู้ การตัดสินใจเฉพาะหน้า กับการขี่รถแบบนี้ แต่จากครั้งนั้นก็ยังไม่ได้ลองจับรถแนวนี้แบบของจริงซักที ล่าสุดเมื่อวาน ได้รับความกรุณาและคำเชิญชวนจากพรรคพวกของพี่อีกครั้ง ว่าจะพาไปลุยฝุ่น ทันใดนั้นตาก็เป็นประกายพลัน นี่เราจะมีโอกาสได้ขี่มันออกสู้เส้นทางจริงๆแล้วใช่ไหม ไม่รอช้าค่ะ รับรับคำทันที ทั้งที่ยังไม่มั่นใจว่าขาจะถึงหรือเปล่า แต่พี่บอก รถแนวนี้ไม่มีใครขาถึงหรอก เราเลยลองคลุกเส้นทางสายฝุ่นดู เพราะโอกาสมันคงไม่ได้แวะมาชวนเราบ่อยๆ
ผลสุดท้าย สิ่งที่ได้รับมาคือประสบการณ์ แม้ระยะทางจะไม่ไกลมาก แต่ก็ทำให้เราเลอะโคลนไปทั้งตัวได้เหมือนกัน การขี่วิบากตื่นเต้นกว่าทางเรียบมาก โดยเฉพาะหน้าฝน และสำคัญสุดเส้นทางหลังฝนตก มันทั้งชุ่มฉ่ำไปด้วยโคลนและร่องน้ำที่ทั้งลื่นทั้งเปรอะ ประกอบกับเนิน ทางโค้ง ตรง ดิ่ง มันยิ่งท้าทายเข้าไปอีก ณ เวลาที่เราไม่สามารถคาดการณ์กับเส้นทางและถนนที่อยู่ข้างหน้าได้เพราะเราคาดไม่ถึงจริงๆว่าเราจะเจอกันอะไร ทำให้เราต้องมีสติและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะทุกนาทีที่เราโลดแล่นท่ามกลางถนนลูกรังหลังฝนตกเรามีโอกาสพลาดท่าเสียทีลงไปกองได้อยู่ตลอดเวลา แต่ถึงร่วงก็จัดว่าเป็นประสบการณ์ให้เราได้ออกแบบท่าในการล้มไป มันช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง สำหรับใครหลายคนอาจอ่านแล้วรู้สึกเบื่อ เพราะเคยลองมาหมดแล้ว แต่สำหรับเรามันยังใหม่และตื่นเต้นประทับใจอยู่ ถือว่าคุ้มที่ได้ก้าวย้ำเข้ามาอยู่ในวงการนี้ และนอกจากประสบการณ์สิ่งสำคัญสุดที่ได้มาคือมิตรภาพ แม้จะไม่ใช่แบบชู้สาว แต่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนพี่น้องนี่แหละค่ะ ที่ยั่งยืนที่สุด
สุดท้ายถ้าเทียบทางเรียบกับวิบาก เราไม่สามารถเลือกได้เลยว่าสายไหนดีกว่าหรือสนุกกว่ากัน เพราะมันมีเสน่ห์และความน่าชวนหลงใหลอยู่ในตัวของมันในแต่ละแนวอยู่แล้ว
ปล.นางเพ้อนางบ่นนางกวนประสาท และนางก็อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ เผื่อมีใครหลงเข้ามาอ่านและฝากประสบการณ์น่าประทับใจพร้อมคำแนะนำเอาไว้