* ความจริงได้ขอให้หมอเจเอฟเค ช่วยลงภาพและบรรยกาศของงานมีตติ้งเมื่อวาน
แต่ ทางหมอเจเอฟเค คงจะยังไม่ว่างโพสต์
ผมเลยขอตัดเอาเฉพาะส่วนการสนทนา มาตั้งเป็นกระทู้ต่างหากครับ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณทางทีมงานพันทิพเป็นอย่างสูงที่นำของที่ระลึกมาแจกให้สมาชิกที่ร่วมงานมีตติ้ง
แต่เนื่องจาก ทางทีมงานมาถึงก่อนเวลา โดยยังไม่มีใครมาถึงงานมีตติ้ง
เลยไม่ได้กล่าวคำขอบคุณและมอบแจกันแทนคำขอบคุณให้กับทางทีมงานพันทิพ
ซึ่งกะว่า จะให้หมอเจเอฟเคเป็นคนมอบและกล่าวคำขอบคุณ ในฐานะผู้ริเริ่มก่อตั้งห้องสินธร
ต้องขออภัยทางทีมพันทิพเป็นอย่างสูงครับ
ขอเพิ่มข้อความขอบคุณที่คณมะลิ ช่วยรวบรวมให้
ขอบคุณผู้สนับสนุนรายการ
- พี่ธราธิป เซียนหุ้นชุมพร ที่จองนกแอร์เหมาลำ(อันนี้ล้อเล่น) และขน กล้วยเล็บมือนาง สินค้า otop จากชุมพรมาแจก
- น้องกุ้ง (Kading) เค็กโฮมเมด 2 ก้อนใหญ่ ช๊อคเค๊กหน้านิ่มอร่อยมากๆ (ส่วนซอฟท์เค๊กยังไม่ได้ชิม)
- พี่สุขเสมอ ถั่วแปปเจ้าเก่า
- น้องหยงอัน ขนมเปี๊ยะจากสิงห์บุรี
- พี่เรือนลำไย ถุงผ้าใส่ของฝาก
- น้องผู้ชายสุดหล่อ (Ai-You) พวงกุญแจ
- คุณrestart ไรท์ดีวีดี ข้อมูลหุ้นเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส ให้เพือนสมาชิกที่ต้องการ ๙ แผ่น
- ร่ม จากเวปพันธ์ทิพย์
- ขอบคุณเวปพันธ์ทิพย์ โซเชียลมีเดียที่ทำให้มิตรภาพจากโลกออนไลน์พัฒนาสู่โลกแห่งความจริง
และต้องขอโทษผู้ร่วมงานบางท่าน ที่ไม่ได้รับร่มที่ระลึก
เพราะตอนทางพันทิพถามจำนวนผู้ร่วมงานมา ผมตอบว่า ๓๕ คน
พอลงชื่อเกินกว่านั้น ไม่กล้าไปบอกให้ทางพันทิพจัดเพิ่มมาให้
สำหรับคำตอบ ของคำถามสามข้อ
จะขอทะยอยพิมพ์ เท่าที่จำได้ โดยขอไม่ระบุชื่อผู้ตอบ
คำตอบที่ผมจำได้เแม่นที่สุดคือ
คำตอบของคุณ ....
ที่ว่า จากกำไร ๒๐ ล้าน กลายเป็นขาดทุน ๒๐ ล้าน
จากหุ้นกลุ่มเหล็กตัวหนึ่ง (ไม่ใช่ ssi) ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ค่อยดี แต่เจ้ามือในตอนนั้นทำราคาเก่ง
ที่ผมอดแปลกใจไม่ได้ ก็เพราะคุณ..... เคยขาดทุนครั้งใหญ๋ ประมาณ ๑๐ ล้านมาแล้ว
แต่ได้แก้คืนกลับมาได้จนหมด พร้อมกับฝึกอาวุธในการลงทุนเพิ่มเติม
จนเริ่มมั่นใจในการ ซื้อหุ้นตัวเดียวหมดพอร์ต
ซึ่งยอมรับว่า ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมั่นใจซื้อหุ้นที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานตัวเดียวจนหมดพอร์ต
ทางหมอเจเอฟเค ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
เข้าใจคุณ... เพราะเวลาเรามั่นใจอะไรมากๆ เราก็จะทุ่มทีเดียว
แบบวัดกันไปเลยว่า จะได้หรือเสีย
ส่วนผม แปลกใจมากๆ จนอดจะถามไม่ได้ว่า
ตอนมันขึ้ันไปจนกำไรยี่สิบล้าน ทำไมไม่ขายคลายเครียดเรโช เอาเงินต้นออกมาก่อน
คำตอบคือ กะว่า จะเอาตัวนี้ตัวเดียวห้าหกเด้ง แล้วไม่ต้องลงทุนหนักๆอีกเลยไปตลอดชีวิต
คงสรุปกรณีนี้ได้ว่า
ถึงเรามั่นใจแค่ไหน ก็ต้องหาทางปกป้องเงินต้นของเราไว้ให้ก่อนอย่างอื่นเลย
ยิ่งถือตัวเดียวทั้งพอร์ต ซึ่งผมไม่เคยถือแบบนั้นสำหรับพอร์ตใหญ่
ไม่มีทางอื่นเลย นอกจากผมจะขายหุ้นบางส่วน เอาทุนคืนออกมาก่อน อย่างแน่นอนที่สุด
ตอนนี้คุณ..... ฝากความหวังไว้กับหุ้นอีกตัว ที่ติดรีแฮบมายาวนาน
กะว่า จะใช้ตัวนี้กู้ขาดทุนคืนมาให้ได้
ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้คุณ..... สู้สู้
ทีผมถือว่า สำคัญกว่าการขาดทุนหุ้นก็คือ
ผมถามว่า กำไรแล้วกลับมาขาดทุนครั้งนี้
ส่งผลกระทบไปถึงชีวิตครอบครัวหรือไม่
คำตอบคือไม่ เพราะเคยผ่านเรื่องเลวร้ายทื่สุดมาแล้ว
คงเรียกได้ว่า ประสบการณ์จะช่วยให้เรามีภูมิต้านทาน
และรับมือกับความผิดพลาดได้มากขึ้นตามลำดับ
และที่น่าจะสำคัญที่สุด ของเกือบทุกคนที่ตอบก็คือ
แต่ละคน มีปัจจัยพื้นฐานจากนอกตลาดหุ้นหนุนหลังอยู่
อย่างคุณ..... ก็มีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และมีธุรกิจหลักจากมือถือและแทบเล็ต
ที่ยังคงสร้างรายได้ให้อย่างสม่ำเสมอ
คำตอบที่ผมแปลกใจถัดมาคือ
คำตอบของคุณ....
ซึ่งขาดทุนจาก scb w 1 ประมาณสี่แสนบาท
หรือเท่ากับขาดทุน ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะไม่ได้เอาไปแปลงสภาพเป็นหุ้น
และทื่น่าตกใจมากๆคือ ซื้อโดยไม่รู้วันหมดอายุของวอร์แรนท์ !!!!!
จึงปล่อยให้มันมีมูลค่าเท่ากับ ๐
แต่คำตอบที่น่าแปลกใจพอกันคือ
เครียดมากตอนไหน
คุณ...ตอบว่า ก็ไม่เครียดนะ
ถ้าเล่นหุ้นแล้วเครียดจะเล่นไปทำไม
น่าทึ่งเพราะว่า
เสียก็ไม่ได้เครียด
แต่พอผมถามต่อก็รู้ว่า
ที่แท้เอาเงินมาลงในหุ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น
กระจายความเสี่ยงไปยังเงินฝาก ซื้อกองทุน และมีรายได้แน่นอนจากการให้เช่าตึกแถว
คำตอบที่น่าแปลกใจถัดมาคือ
คุณ.... ที่ฟังแล้ว คนหัวเราะแบบตลกร้ายจริงๆ
คุณ.... บอกว่า ก็ขาดทุนหุ้นหลายตัว
แต่ความสามารถที่คนอื่นทำได้ยากก็คือ
"ผมมักจะซื้อที่ไฮ แล้วไปขายที่โลว์"
แฮะ แฮะ ความสามารถแบบนี้ ผมขอสละสิทธิ์เป็นคนแรกในห้องมีตติ้งวันนั้น ฮาฮา
คำตอบเกี่ยวกับเรื่องที่เครียดมากที่สุดก็คือ
เครียดที่ยังหาแนวทางให้ตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมจะได้กำไรจากหุ้นอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่แบบ เดี่ยวกำไร เดี๋ยวขาดทุน
เรื่องขาดทุนหุ้น ยังยอมรับได้
เพราะว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน และรายได้หลัก
อีกคำตอบที่ผมให้ผมนึกไปถึงเรื่องที่เคยตั้งข้อสังเกตไว้
และเมื่อวานได้เจอจริงๆก็คือ
ผมเคยให้ข้อสังเกตว่า คนที่ได้หุ้นไอพีโอ แล้วเอามาขายทำกำไรได้ง่ายๆ ร้อย สองร้อยเปอร์เซนต์
แต่ยังไม่เคยซื้อขายหุ้น ไม่มีพอร์ตหุ้น แต่ฝากบัญชีเพื่อนขายหุ้นไอพีโอ
ในที่สุด จะทนความเย้ายวนของการได้กำไรอย่างง่ายๆไม่ได้
ต้องตามมาหากำไรเพิ่มจากหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดต่อ
ซึ่งคุณ.... ก็ได้ทำอย่างนั้นจริงๆคือ
ได้กำไรจากไอพีโอของพระเอกตัวจริง AJD
เลยเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น แล้วก็ซิ้อขายตาม !@#$%^&*()
แบบถัวเฉลี่ยค่าลงไปเรื่อยๆ และก็ติดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่หลอกตัวเองได้ว่า เปอร์เซนต์การขาดทุน ลดน้อยลงแล้ว
ทางหมอเจเอฟเคได้ให้คำแนะนำเรื่องการซื้อถัวเฉลี่ยว่า
ห้ามซื้อถัวเฉลี่ย เพราะคิดแค่ว่า จะได้หุ้นราคาถูกลง
จะซื้อก็ต่อเมื่อ แน่ใจว่า ถัวแล้ว หุ้นจะมีราคากลับขึ้นไปเท่านั้น
หรือไม่ก็ปัจจัยพื้นฐานดีขึ้น แต่ราคายังไม่ขยับ
สำหรับเรื่องเครียดมากตอนไหน
คำตอบคือ ไม่ได้ลงทุนมาก ก็เลยไม่ได้เครียดจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
แต่มาร่วมมีตติ้ง เพราะอยากหาแนวทางใหม่ๆ
แทนการซื้อขายแบบตามไลน์ ตามเฟซบุค ตามฯลฯ
ก็ขอจบเท่านี้ครับ
เพราะหน่วยความจำเริ่มเออเรอร์ จำอะไรมากๆไม่ค่อยได้แล้ว
สรุปจากคำตอบส่วนใหญ่ได้ประมาณนี้
ส่วนใหญ่ไม่เครียด
เพราะยังมีงานประจำเป็นรายได้หลัก
ขาดทุนหุ้น ก็เป็นเงินเย็น ที่สามารถแบกรับความเสี่ยงได้
ผมขอสรุปว่า
อย่าโลภ เกินความรู้ ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเอง
รู้แค่ไหน ก็ลงทุนแค่นั้น
ไม่รู้อะไร มีแต่ความโลภ ก็อย่าลงทุน
จะหวังว่า มีดวงดีในการซื้อขายหุ้น
นอกตรงๆว่า ในระยะยาว ผมยังไม่เคยเจอครับ
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ คำตอบจากงานนาโนมีตติ้งสินธร ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆสมาชิกห้องสินธร
แต่ ทางหมอเจเอฟเค คงจะยังไม่ว่างโพสต์
ผมเลยขอตัดเอาเฉพาะส่วนการสนทนา มาตั้งเป็นกระทู้ต่างหากครับ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณทางทีมงานพันทิพเป็นอย่างสูงที่นำของที่ระลึกมาแจกให้สมาชิกที่ร่วมงานมีตติ้ง
แต่เนื่องจาก ทางทีมงานมาถึงก่อนเวลา โดยยังไม่มีใครมาถึงงานมีตติ้ง
เลยไม่ได้กล่าวคำขอบคุณและมอบแจกันแทนคำขอบคุณให้กับทางทีมงานพันทิพ
ซึ่งกะว่า จะให้หมอเจเอฟเคเป็นคนมอบและกล่าวคำขอบคุณ ในฐานะผู้ริเริ่มก่อตั้งห้องสินธร
ต้องขออภัยทางทีมพันทิพเป็นอย่างสูงครับ
ขอเพิ่มข้อความขอบคุณที่คณมะลิ ช่วยรวบรวมให้
ขอบคุณผู้สนับสนุนรายการ
- พี่ธราธิป เซียนหุ้นชุมพร ที่จองนกแอร์เหมาลำ(อันนี้ล้อเล่น) และขน กล้วยเล็บมือนาง สินค้า otop จากชุมพรมาแจก
- น้องกุ้ง (Kading) เค็กโฮมเมด 2 ก้อนใหญ่ ช๊อคเค๊กหน้านิ่มอร่อยมากๆ (ส่วนซอฟท์เค๊กยังไม่ได้ชิม)
- พี่สุขเสมอ ถั่วแปปเจ้าเก่า
- น้องหยงอัน ขนมเปี๊ยะจากสิงห์บุรี
- พี่เรือนลำไย ถุงผ้าใส่ของฝาก
- น้องผู้ชายสุดหล่อ (Ai-You) พวงกุญแจ
- คุณrestart ไรท์ดีวีดี ข้อมูลหุ้นเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส ให้เพือนสมาชิกที่ต้องการ ๙ แผ่น
-
- ขอบคุณเวปพันธ์ทิพย์ โซเชียลมีเดียที่ทำให้มิตรภาพจากโลกออนไลน์พัฒนาสู่โลกแห่งความจริง
และต้องขอโทษผู้ร่วมงานบางท่าน ที่ไม่ได้รับร่มที่ระลึก
เพราะตอนทางพันทิพถามจำนวนผู้ร่วมงานมา ผมตอบว่า ๓๕ คน
พอลงชื่อเกินกว่านั้น ไม่กล้าไปบอกให้ทางพันทิพจัดเพิ่มมาให้
สำหรับคำตอบ ของคำถามสามข้อ
จะขอทะยอยพิมพ์ เท่าที่จำได้ โดยขอไม่ระบุชื่อผู้ตอบ
คำตอบที่ผมจำได้เแม่นที่สุดคือ
คำตอบของคุณ ....
ที่ว่า จากกำไร ๒๐ ล้าน กลายเป็นขาดทุน ๒๐ ล้าน
จากหุ้นกลุ่มเหล็กตัวหนึ่ง (ไม่ใช่ ssi) ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ค่อยดี แต่เจ้ามือในตอนนั้นทำราคาเก่ง
ที่ผมอดแปลกใจไม่ได้ ก็เพราะคุณ..... เคยขาดทุนครั้งใหญ๋ ประมาณ ๑๐ ล้านมาแล้ว
แต่ได้แก้คืนกลับมาได้จนหมด พร้อมกับฝึกอาวุธในการลงทุนเพิ่มเติม
จนเริ่มมั่นใจในการ ซื้อหุ้นตัวเดียวหมดพอร์ต
ซึ่งยอมรับว่า ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมั่นใจซื้อหุ้นที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานตัวเดียวจนหมดพอร์ต
ทางหมอเจเอฟเค ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
เข้าใจคุณ... เพราะเวลาเรามั่นใจอะไรมากๆ เราก็จะทุ่มทีเดียว
แบบวัดกันไปเลยว่า จะได้หรือเสีย
ส่วนผม แปลกใจมากๆ จนอดจะถามไม่ได้ว่า
ตอนมันขึ้ันไปจนกำไรยี่สิบล้าน ทำไมไม่ขายคลายเครียดเรโช เอาเงินต้นออกมาก่อน
คำตอบคือ กะว่า จะเอาตัวนี้ตัวเดียวห้าหกเด้ง แล้วไม่ต้องลงทุนหนักๆอีกเลยไปตลอดชีวิต
คงสรุปกรณีนี้ได้ว่า
ถึงเรามั่นใจแค่ไหน ก็ต้องหาทางปกป้องเงินต้นของเราไว้ให้ก่อนอย่างอื่นเลย
ยิ่งถือตัวเดียวทั้งพอร์ต ซึ่งผมไม่เคยถือแบบนั้นสำหรับพอร์ตใหญ่
ไม่มีทางอื่นเลย นอกจากผมจะขายหุ้นบางส่วน เอาทุนคืนออกมาก่อน อย่างแน่นอนที่สุด
ตอนนี้คุณ..... ฝากความหวังไว้กับหุ้นอีกตัว ที่ติดรีแฮบมายาวนาน
กะว่า จะใช้ตัวนี้กู้ขาดทุนคืนมาให้ได้
ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้คุณ..... สู้สู้
ทีผมถือว่า สำคัญกว่าการขาดทุนหุ้นก็คือ
ผมถามว่า กำไรแล้วกลับมาขาดทุนครั้งนี้
ส่งผลกระทบไปถึงชีวิตครอบครัวหรือไม่
คำตอบคือไม่ เพราะเคยผ่านเรื่องเลวร้ายทื่สุดมาแล้ว
คงเรียกได้ว่า ประสบการณ์จะช่วยให้เรามีภูมิต้านทาน
และรับมือกับความผิดพลาดได้มากขึ้นตามลำดับ
และที่น่าจะสำคัญที่สุด ของเกือบทุกคนที่ตอบก็คือ
แต่ละคน มีปัจจัยพื้นฐานจากนอกตลาดหุ้นหนุนหลังอยู่
อย่างคุณ..... ก็มีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และมีธุรกิจหลักจากมือถือและแทบเล็ต
ที่ยังคงสร้างรายได้ให้อย่างสม่ำเสมอ
คำตอบที่ผมแปลกใจถัดมาคือ
คำตอบของคุณ....
ซึ่งขาดทุนจาก scb w 1 ประมาณสี่แสนบาท
หรือเท่ากับขาดทุน ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะไม่ได้เอาไปแปลงสภาพเป็นหุ้น
และทื่น่าตกใจมากๆคือ ซื้อโดยไม่รู้วันหมดอายุของวอร์แรนท์ !!!!!
จึงปล่อยให้มันมีมูลค่าเท่ากับ ๐
แต่คำตอบที่น่าแปลกใจพอกันคือ
เครียดมากตอนไหน
คุณ...ตอบว่า ก็ไม่เครียดนะ
ถ้าเล่นหุ้นแล้วเครียดจะเล่นไปทำไม
น่าทึ่งเพราะว่า เสียก็ไม่ได้เครียด
แต่พอผมถามต่อก็รู้ว่า
ที่แท้เอาเงินมาลงในหุ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น
กระจายความเสี่ยงไปยังเงินฝาก ซื้อกองทุน และมีรายได้แน่นอนจากการให้เช่าตึกแถว
คำตอบที่น่าแปลกใจถัดมาคือ
คุณ.... ที่ฟังแล้ว คนหัวเราะแบบตลกร้ายจริงๆ
คุณ.... บอกว่า ก็ขาดทุนหุ้นหลายตัว
แต่ความสามารถที่คนอื่นทำได้ยากก็คือ
"ผมมักจะซื้อที่ไฮ แล้วไปขายที่โลว์"
แฮะ แฮะ ความสามารถแบบนี้ ผมขอสละสิทธิ์เป็นคนแรกในห้องมีตติ้งวันนั้น ฮาฮา
คำตอบเกี่ยวกับเรื่องที่เครียดมากที่สุดก็คือ
เครียดที่ยังหาแนวทางให้ตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมจะได้กำไรจากหุ้นอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่แบบ เดี่ยวกำไร เดี๋ยวขาดทุน
เรื่องขาดทุนหุ้น ยังยอมรับได้
เพราะว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน และรายได้หลัก
อีกคำตอบที่ผมให้ผมนึกไปถึงเรื่องที่เคยตั้งข้อสังเกตไว้
และเมื่อวานได้เจอจริงๆก็คือ
ผมเคยให้ข้อสังเกตว่า คนที่ได้หุ้นไอพีโอ แล้วเอามาขายทำกำไรได้ง่ายๆ ร้อย สองร้อยเปอร์เซนต์
แต่ยังไม่เคยซื้อขายหุ้น ไม่มีพอร์ตหุ้น แต่ฝากบัญชีเพื่อนขายหุ้นไอพีโอ
ในที่สุด จะทนความเย้ายวนของการได้กำไรอย่างง่ายๆไม่ได้
ต้องตามมาหากำไรเพิ่มจากหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดต่อ
ซึ่งคุณ.... ก็ได้ทำอย่างนั้นจริงๆคือ
ได้กำไรจากไอพีโอของพระเอกตัวจริง AJD
เลยเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น แล้วก็ซิ้อขายตาม !@#$%^&*()
แบบถัวเฉลี่ยค่าลงไปเรื่อยๆ และก็ติดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่หลอกตัวเองได้ว่า เปอร์เซนต์การขาดทุน ลดน้อยลงแล้ว
ทางหมอเจเอฟเคได้ให้คำแนะนำเรื่องการซื้อถัวเฉลี่ยว่า
ห้ามซื้อถัวเฉลี่ย เพราะคิดแค่ว่า จะได้หุ้นราคาถูกลง
จะซื้อก็ต่อเมื่อ แน่ใจว่า ถัวแล้ว หุ้นจะมีราคากลับขึ้นไปเท่านั้น
หรือไม่ก็ปัจจัยพื้นฐานดีขึ้น แต่ราคายังไม่ขยับ
สำหรับเรื่องเครียดมากตอนไหน
คำตอบคือ ไม่ได้ลงทุนมาก ก็เลยไม่ได้เครียดจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
แต่มาร่วมมีตติ้ง เพราะอยากหาแนวทางใหม่ๆ
แทนการซื้อขายแบบตามไลน์ ตามเฟซบุค ตามฯลฯ
ก็ขอจบเท่านี้ครับ
เพราะหน่วยความจำเริ่มเออเรอร์ จำอะไรมากๆไม่ค่อยได้แล้ว
สรุปจากคำตอบส่วนใหญ่ได้ประมาณนี้
ส่วนใหญ่ไม่เครียด
เพราะยังมีงานประจำเป็นรายได้หลัก
ขาดทุนหุ้น ก็เป็นเงินเย็น ที่สามารถแบกรับความเสี่ยงได้
อย่าโลภ เกินความรู้ ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเอง
รู้แค่ไหน ก็ลงทุนแค่นั้น
ไม่รู้อะไร มีแต่ความโลภ ก็อย่าลงทุน
จะหวังว่า มีดวงดีในการซื้อขายหุ้น
นอกตรงๆว่า ในระยะยาว ผมยังไม่เคยเจอครับ