ครั้งแรกกับการเขียนทริปเดินทางซึ่งเป็นการเดินทางที่มีแรงผลักดันจากหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของความรักที่ล้มเหลว ทำให้ผมต้องหยิบกล้องออกเดินทางเพื่อถ่ายรูปที่เคยฝันมานานว่าจะได้ทำ รวมถึงเขียนเรื่องราวการเดินทาง งานนี้เป็นงานแรกที่ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สถานที่นั่นคือ “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น” นั่นเอง
ภาพที่เก็บระหว่างการเดินทางไปห้วยแม่ขมิ้น
ขอเกริ่นเรื่องการเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นกันก่อน เนื่องจากว่าผมเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพมีกล้องเป็นของตัวเองแต่ยังไม่เคยได้ไปเที่ยวถ่ายภาพสักทีเพราะชีวิตมัวแต่นั่งทำงาน ทำเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ จนไม่ได้มองถึงตัวเองสักเท่าไหร่ จนถึงวันที่ความรักกว่า 8 ปีได้จบลง.. ก็เลยอยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างจึงปรึกษา “พี่โชค” ที่เป็นพี่ที่รู้จักกันในที่ทำงานเก่า โดยพี่เขาเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพด้วยกันและมีประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพด้วย เลยตั้งพิกัดไว้ว่าคงเป็นที่ “ห้วยแม่ขมิ้น” ที่กาญจนบุรีแหละเพราะง่ายต่อการเดินทางไปกลับและค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง สามารถกางเต้นท์นอนได้ ขับรถถ่ายภาพระหว่างทางได้ด้วย
ภาพที่เก็บระหว่างการเดินทางไปห้วยแม่ขมิ้น
การเที่ยวในแบบที่ผมคิดก็คือ การสร้างมุมมองของภาพที่อยากจะได้ไว้ในหัวก่อน ศึกษาสถานที่นั้น ๆ การเตรียมตัวให้พร้อม ระยะเลนส์ที่มีรวมถึงวางแผนการเดินทางให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด แน่นอนว่าผมศึกษาจากวีดีโอคลิปที่สอนผมหลายที่ในการเตรียมตัวท่องเที่ยวรวมถึงกระบวนการถ่ายภาพทั้ง ilovetogo , 2how , RBJ ต้องขอบคุณพี่ ๆ กลุ่มนี้ซึ่งทำให้ผมพอถ่ายภาพเป็นกับเขาได้บ้าง
อุปกรณ์ที่เตรียมไป มีขาตั้ง เลนส์ระยะต่าง ๆ โน้ตบุ๊ค สมุดบันทึก เสื้อผ้านิดหน่อย
เมื่อเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์เราก็จ่ายค่าเข้าค่าดูแลนิดหน่อย ส่วนของกิน เครื่องดื่ม ขนมเราซื้อติดรถมาด้วยเพราะดึก ๆ กะว่าจะนั่งชิวอาบลมหนาวพร้อมต้มกาแฟกับมาม่าแล้วคุยเรื่องถ่ายรูปทริปต่อ ๆ กันไปกับพี่โชคไปด้วย แต่แล้วก็มีเรื่องฮาบาง ๆ เกิดขึ้น จากภาพเราจะเห็นว่ามีเต้นท์เจ้าหน้าที่อยู่ซึ่งตรงนั้นมุมดีมากสำหรับการถ่ายภาพตอนเช้า ดวงอาทิตย์จะขึ้นด้านหน้าพอดี
โดยเรากะว่าต้องมีคนจองแล้วแหละน่า… พี่โชคบ่นแบบลุ้น ๆ ว่า “เอาน่าเผื่อว่าง ไม่แน่หรอก” พอไปถามเจ้าหน้าที่เท่านั้นแหละเขาก็บอกว่า
“เต้นท์นั้นกางมาสามวันแล้วครับ ถ้าไม่มีคนอยู่ก็พักได้เลย” เหยดเขร้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ดีใจครับแบบว่า “เหยดเขร้ ได้ที่ดี ๆ สำหรับถ่ายภาพตอนเช้าแล้ว” เราก็จัดแจงสถานที่อย่างเรียบร้อยพร้อมกับตั้งตะเกียงพกพา “แบบแก๊ส” ผมนึกในใจพี่โชคนี่อินดี้หวะเห้ย ยุคนี้มันใช้ถ่านกันแล้วทำไมยังใช้แบบแก๊สหว่า… แต่เอาเหอะมันดูไม่เหมือนใครดี
ระหว่างนั้นผมก็ทำการโซ้ยมาม่าพร้อมกับดูดาวไปในตัว ต้มกาแฟกินเองด้วย!!! เว้ยเห้ย.. สุขโขอะไรเช่นนี้ ^_^ พอสักประมาณสามทุ่มก็ได้ยินเสียงตามมาด้านหลัง
“เห้ยเต้นท์เรา เห้ยมีคนมาอ่ะ” ผมนึกในใจเอาแล้ววววว เรามานอนที่คนอื่นเขานี่!??!??
แต่สุดท้ายก็ตกลงกันแบบฮา ๆ ว่าโอเคเต้นท์ทั้งของเราและคนที่มาก่อนหน้านี้แบ่งพื้นที่กัน ฮ่า ๆ ทำให้ผมได้เพื่อนใหม่เลย ทำให้คืนนั้นเราได้ทั้งเพื่อนคุยด้วยแล้วก็… ได้ทั้งวิวสวย ๆ ระหว่างนั้นเราก็สอนเพื่อนใหม่ถ่ายภาพนิด ๆ หน่อย ๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดทำให้ผมพลาดไม่ได้เก็บภาพเพื่อน ๆ มาด้วย
ตื่นมาถ่ายรูปแต่เช้า…แบบว่าเมฆเอ่อล้นทั่วท้องฟ้า..
การนอนค่ำคืนนั้นอากาศดีมากครับ ฝนโปรยทั้งคืนหลับแบบเต็มอิ่มและผมรีบตื่นแต่เช้าตอนตี 4 ครึ่ง หลอนอยู่บ้างว่ากลัวตอนเช้าจะมีแต่เมฆ , กลัวไม่ได้ภาพแบบที่คิดไว้อะไรงี้… แถมแอบเซ็งนิดหน่อยเพราะฝันเห็นภาพเก่า ๆ แต่ก็เอาน่าเรามาที่นี่เพื่อถ่ายภาพที่เราชอบ ผมก็ตั้งตารอคอย..คิดแต่เรื่องถ่ายภาพอย่างเดียวโดยถือคติ “มาแล้วก็เอาให้สุด เห็นภาพอะไรในหัวต้องเต็มที่เพื่อให้ได้ภาพมา” (ทั้งที่ฝีมือกากอ่ะนะ – แอบกดภาพพี่โชคมาด้วย)
ช่วงเช้ามืดแรก ๆ ภาพจะติดสีฟ้าเอามาก ๆ ตอนแรกเซ็งแล้วคงไม่ได้ภาพสวย ๆ แน่แต่สุดท้ายก็ทำให้ผมได้ภาพมาเพียบเลย.. โดยระหว่างนั้นก็เดินไปด้วยถ่ายภาพไปด้วยตามบริเวณรอบ ๆ
ผมรู้สึกว่าการถ่ายภาพทิวทัศน์เป็นอะไรที่สนุกและต้องให้ความสำคัญกับช่วงเวลาอย่างมาก
เพราะแสงของธรรมชาติเราไม่สามารถกำหนดได้เลยนอกจากรอคอยช่วงเวลาดี ๆ ของเขา และถ้าหากเป็นพื้นที่อื่นซึ่งมีคนมาท่องเที่ยวมาก มีตากล้องมามากขึ้นคุณอาจจะต้องถึงขั้นแย่งมุมกันก่อนเวลาถ่ายอีกต่างหาก ผมมั่นใจว่าภาพผมไม่ได้สวยขนาดตากล้องระดับอาชีพ แต่การเตรียมตัวเพื่อให้ได้ภาพสวย ๆ ผมตอบได้เต็มปากกว่าจำเป็นอย่างมาก “โดยเฉพาะเรื่องเวลา”
หลังจากนั้นผมก็เก็บภาพดอกไม้สักใบและเตรียมตัวลุยน้ำตกกันแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าอยากได้น้ำตกที่เห็นเป็นเส้น ๆ สาย ๆ สวยแบบที่อยู่ในโปสการ์ด ผมพยายามหาวิธีถ่ายมานานมาก ไม่เคยมีโอกาสได้ถ่ายสักทีแต่พอรู้กระบวนการบ้างแล้วว่าต้องใช้ขาตั้งกล้องนิ่ง ๆ เปิดสปีดชัตเตอร์นาน ๆ และจำเป็นต้องใช้ ND เพื่อลดแสงเราจะได้ใช้สปีดชัตเตอร์ได้นานขึ้น ไปลุยกันเลย!!!!
ก่อนเดินลงไปผมก็บ่นกับพี่โชคว่า
“ต้องได้ภาพน้ำตกสวย ๆ นะพี่ เอาไว้อวดกับเพื่อน ๆ ว่าเรามาเที่ยวแล้วได้ภาพสวยมากกกกก”
นี่ภาพพี่โชคคนเก่งของเราเอง ปรบมือให้หน่อย ฮิ้ววว~~*~*~*~*~*
ว่าแล้วก็เริ่มการเดินหามุม… บอกเลยว่าตอนที่ผมเริ่มถ่ายอากาศมันค่อนข้างร้อนมาก.. แล้วก็ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการถ่ายน้ำตกเลยก็ไม่รู้จะเอาไงนอกจากลองทำให้ได้ตามภาพที่จินตนาการไว้อย่างเดียวเท่านั้น!!!!
ว่าแล้วผมก็หาที่หาทางที่จะถ่ายแล้ววางของ … บอกก่อนว่าอย่าวางของห่างตัวมากเกินไปครับเพราะนักท่องเที่ยวที่มาเนี่ยเยอะ ถ้าของหายก็ไม่รู้เหมือนกันจะได้คืนไหม แล้วอุปกรณ์พวกผมก็เป็นพวกกล้องซึ่งไม่ควรจะห่างตัว รวมถึงระวังเรื่องน้ำ ความชื้น พื้นลื่นให้เรียบร้อยด้วย
และเมื่อได้ที่ได้ทางเรียบร้อยแล้วผมก็จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ในการถ่ายน้ำตกนั้นผมจะเลือกใช้เลนส์กว้างที่สุดที่ผมมีนั่นคือระยะ 35mm ถ้าพวกพี่ ๆ ตากล้องได้มาอ่านบทความผมคงแบบ เห้ยเมิงควรจะกว้างกว่านี้ไม่ใช่เหรอ.. ใช่ครับ.. แต่ผมไม่มีไง 555 ก็เอาระยะนี้แหละกว้างสุดที่ผมมีแล้วจากนั้นขอซัดก่อนเลย โดยกระบวนการคิดภาพในหัวคือขอให้ได้ภาพน้ำตกแบบฟุ้ง ๆ เห็นน้ำเป็นเส้น ๆ ก่อน
ในตอนที่เขียนบทความนี้ผมยังไม่ได้ภาพจากพี่โชค ถ้าเกิดว่าได้แล้วจะเอามาลงนะครับ.. เขาถ่ายภาพ Landscape เทพกว่าผมเยอะ ก็… ในเรื่องภาพผมไม่ได้กดภาพสอบภาพแล้วได้แบบนี้เลยนะ ก็ลั่นหลายครั้งอยู่.. มีขาตั้งกล้องสั่นบ้าง มือไปโดนกล้องบ้าง จังหวะไม่ได้บ้าง แสงไม่ได้บ้าง ซึ่งที่บ่น ๆ มาไม่ได้อะไรมากครับ กดภาพมาเยอะ ๆ คิดเยอะ ๆ แค่นั้นเอง แล้วก็เอามาแต่งต่อในคอมเพื่อให้ได้ภาพอย่างที่เราต้องการนั่นเอง (เหมือนจะโปรนะ แต่ที่จริงแล้วไม่เลย 55555)
หลังจากนั้นผมก็เดินลงมาตามชั้นน้ำตกเรื่อย ๆ พี่โชคบอกว่าสามชั้นแรกคนเล่นไม่ค่อยเยอะ แล้วก็มักจะได้น้ำตกสวย ๆ ซึ่งผมเห็นแล้วท้าทายจิตใจผมมาก.. ผมต้องเอากล้องและขาตั้งเดินลงไปที่น้ำเลยเพื่อให้ได้มุมที่อยากจะได้ แน่นอนว่ากล้องอยู่เหนือน้ำแค่ฟุตเดียวเท่านั้น ความยากอีกเรื่องก็คือการตั้งขาตั้งบนน้ำตกพื้นที่ด้านล่างใต้น้ำก็มองไม่เห็น ระดับของขาตั้งก็ไม่เท่ากัน
สิ่งที่ต้องระวังสุด ๆ คืออย่าให้กล้องจมน้ำไม่งั้นหาภาพความบรรลัยที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
ในที่สุดก็ได้ภาพใบนี้มาก็ได้ เป็นภาพน้ำตกที่คิดว่าชอบที่สุดในครั้งนี้ เชื่อว่าช่างภาพหลายท่านถ่ายสวยกว่านี้นะครับ แต่สำหรับใครที่เคยถ่ายภาพด้วยเทคนิคใหม่ ๆ รวมกับความพยายามแบบสุด ๆ แล้วทำให้ได้ภาพที่น่าภูมิใจ ความรู้สึกมันบรรยายไม่ถูกจริง ๆ ฝันหนึ่งอย่างของผมเป็นความจริงแล้วนั่นคือการ “ถ่ายภาพน้ำตก เย้
แล้วภารกิจของผมจะหมดแค่นี้เหรอ คำตอบคือ “ไม่มีทาง!!” ผมต้องได้ภาพสวย ๆ เยอะกว่านี้
เริ่มต้นด้วยการถ่ายภาพเจาะแต่ละส่วนของธรรมชาติโดยเฉพาะก่อนก็แล้วกันครับ เพราะไอ้ครั้งจะถ่ายแต่ภาพรวม ๆ ทั่วไปเราก็จะได้แค่ภาพน้ำตกกับต้นไม้แค่นั้นเองใช่ไหมล่ะ
ผมดันเสพย์ติดการถ่ายภาพน้ำฟุ้ง ๆ แบบนี้ซะแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกว่าการถ่ายภาพธรรมชาติทำให้เราได้อินกับสิ่งต่าง ๆ อย่างสบายใจ นอกจากนั้นยังได้ฝึกเทคนิคการถ่ายภาพสวย ๆ ได้มีภาพลงเฟซบุ๊คแบบหล่อ ๆ อีกด้วย แฮร่ ๆ ขอวกกลับมาเรื่องดราม่าความรักนิดนึงเพราะอุตส่าห์ขึ้นหัวเรื่องแล้ว ตอนอกหักมันก็เพลียจิตนะเพราะเสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่มันโผล่มา ผมก็แค่ต้องยอมรับมันไปเลยขอใช้ทุกอย่างที่มีลงทุนกับบล็อกนี้ดีกว่า เขียนเรื่องราวหลาย ๆ เรื่องที่จะให้คนอ่านสนุกไปด้วย
เย็น ตี_ จังเลย คนไม่เคยมาเที่ยวคงไม่เข้าใจ 55555+
ถ้าหากว่าดูจากภาพด้านบนคือพี่โชคต้องลุยน้ำขนาดนั้นกันเลย แล้วกล้องครับกล้อง เป็นทั้งความฟินและความเสียวที่คุณจินตนาการไม่ออกแน่นอน เพราะถ้ามันร่วงน้ำนะ 5555 หมดตูดกันเลยทีเดียว แล้วทริปนั้นคุณอาจจะไม่ได้ถ่ายภาพสวย ๆ อีกต่างหาก คือซวยยิ่งกว่าซวยครับ
เมื่อก่อนผมให้ความใส่ใจกับเทคนิคต่าง ๆ ในการถ่ายอย่างมาก ต้องตั้งค่า F เท่านี้ , ความเร็วชัตเตอร์เท่านั้น ซึ่ง… เพื่อนผมที่มันเป็นช่างภาพมักจะทำหน้าแหยง ๆ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่า
การถ่ายภาพธรรมชาติการเซ็ตติ้งมันอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่เรื่องหลักก็คือการ “ซึมซับ” ความรู้สึกของธรรมชาติเข้าไป แล้วถ่ายทอดความเป็นมันออกมา
พื้นที่เต็ม ต่อด้านล่างนะครับ
[CR] เมื่อรักกว่า 8 ปีถูกทิ้งไว้กลางทาง ทริปเดินทางไป “ห้วยแม่ขมิ้น” จึงเกิดขึ้น [CR]
ครั้งแรกกับการเขียนทริปเดินทางซึ่งเป็นการเดินทางที่มีแรงผลักดันจากหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของความรักที่ล้มเหลว ทำให้ผมต้องหยิบกล้องออกเดินทางเพื่อถ่ายรูปที่เคยฝันมานานว่าจะได้ทำ รวมถึงเขียนเรื่องราวการเดินทาง งานนี้เป็นงานแรกที่ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สถานที่นั่นคือ “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น” นั่นเอง
ขอเกริ่นเรื่องการเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นกันก่อน เนื่องจากว่าผมเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพมีกล้องเป็นของตัวเองแต่ยังไม่เคยได้ไปเที่ยวถ่ายภาพสักทีเพราะชีวิตมัวแต่นั่งทำงาน ทำเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ จนไม่ได้มองถึงตัวเองสักเท่าไหร่ จนถึงวันที่ความรักกว่า 8 ปีได้จบลง.. ก็เลยอยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างจึงปรึกษา “พี่โชค” ที่เป็นพี่ที่รู้จักกันในที่ทำงานเก่า โดยพี่เขาเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพด้วยกันและมีประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพด้วย เลยตั้งพิกัดไว้ว่าคงเป็นที่ “ห้วยแม่ขมิ้น” ที่กาญจนบุรีแหละเพราะง่ายต่อการเดินทางไปกลับและค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง สามารถกางเต้นท์นอนได้ ขับรถถ่ายภาพระหว่างทางได้ด้วย
การเที่ยวในแบบที่ผมคิดก็คือ การสร้างมุมมองของภาพที่อยากจะได้ไว้ในหัวก่อน ศึกษาสถานที่นั้น ๆ การเตรียมตัวให้พร้อม ระยะเลนส์ที่มีรวมถึงวางแผนการเดินทางให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด แน่นอนว่าผมศึกษาจากวีดีโอคลิปที่สอนผมหลายที่ในการเตรียมตัวท่องเที่ยวรวมถึงกระบวนการถ่ายภาพทั้ง ilovetogo , 2how , RBJ ต้องขอบคุณพี่ ๆ กลุ่มนี้ซึ่งทำให้ผมพอถ่ายภาพเป็นกับเขาได้บ้าง
เมื่อเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์เราก็จ่ายค่าเข้าค่าดูแลนิดหน่อย ส่วนของกิน เครื่องดื่ม ขนมเราซื้อติดรถมาด้วยเพราะดึก ๆ กะว่าจะนั่งชิวอาบลมหนาวพร้อมต้มกาแฟกับมาม่าแล้วคุยเรื่องถ่ายรูปทริปต่อ ๆ กันไปกับพี่โชคไปด้วย แต่แล้วก็มีเรื่องฮาบาง ๆ เกิดขึ้น จากภาพเราจะเห็นว่ามีเต้นท์เจ้าหน้าที่อยู่ซึ่งตรงนั้นมุมดีมากสำหรับการถ่ายภาพตอนเช้า ดวงอาทิตย์จะขึ้นด้านหน้าพอดี
โดยเรากะว่าต้องมีคนจองแล้วแหละน่า… พี่โชคบ่นแบบลุ้น ๆ ว่า “เอาน่าเผื่อว่าง ไม่แน่หรอก” พอไปถามเจ้าหน้าที่เท่านั้นแหละเขาก็บอกว่า
“เต้นท์นั้นกางมาสามวันแล้วครับ ถ้าไม่มีคนอยู่ก็พักได้เลย” เหยดเขร้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ดีใจครับแบบว่า “เหยดเขร้ ได้ที่ดี ๆ สำหรับถ่ายภาพตอนเช้าแล้ว” เราก็จัดแจงสถานที่อย่างเรียบร้อยพร้อมกับตั้งตะเกียงพกพา “แบบแก๊ส” ผมนึกในใจพี่โชคนี่อินดี้หวะเห้ย ยุคนี้มันใช้ถ่านกันแล้วทำไมยังใช้แบบแก๊สหว่า… แต่เอาเหอะมันดูไม่เหมือนใครดี
ระหว่างนั้นผมก็ทำการโซ้ยมาม่าพร้อมกับดูดาวไปในตัว ต้มกาแฟกินเองด้วย!!! เว้ยเห้ย.. สุขโขอะไรเช่นนี้ ^_^ พอสักประมาณสามทุ่มก็ได้ยินเสียงตามมาด้านหลัง
“เห้ยเต้นท์เรา เห้ยมีคนมาอ่ะ” ผมนึกในใจเอาแล้ววววว เรามานอนที่คนอื่นเขานี่!??!??
แต่สุดท้ายก็ตกลงกันแบบฮา ๆ ว่าโอเคเต้นท์ทั้งของเราและคนที่มาก่อนหน้านี้แบ่งพื้นที่กัน ฮ่า ๆ ทำให้ผมได้เพื่อนใหม่เลย ทำให้คืนนั้นเราได้ทั้งเพื่อนคุยด้วยแล้วก็… ได้ทั้งวิวสวย ๆ ระหว่างนั้นเราก็สอนเพื่อนใหม่ถ่ายภาพนิด ๆ หน่อย ๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดทำให้ผมพลาดไม่ได้เก็บภาพเพื่อน ๆ มาด้วย
การนอนค่ำคืนนั้นอากาศดีมากครับ ฝนโปรยทั้งคืนหลับแบบเต็มอิ่มและผมรีบตื่นแต่เช้าตอนตี 4 ครึ่ง หลอนอยู่บ้างว่ากลัวตอนเช้าจะมีแต่เมฆ , กลัวไม่ได้ภาพแบบที่คิดไว้อะไรงี้… แถมแอบเซ็งนิดหน่อยเพราะฝันเห็นภาพเก่า ๆ แต่ก็เอาน่าเรามาที่นี่เพื่อถ่ายภาพที่เราชอบ ผมก็ตั้งตารอคอย..คิดแต่เรื่องถ่ายภาพอย่างเดียวโดยถือคติ “มาแล้วก็เอาให้สุด เห็นภาพอะไรในหัวต้องเต็มที่เพื่อให้ได้ภาพมา” (ทั้งที่ฝีมือกากอ่ะนะ – แอบกดภาพพี่โชคมาด้วย)
ช่วงเช้ามืดแรก ๆ ภาพจะติดสีฟ้าเอามาก ๆ ตอนแรกเซ็งแล้วคงไม่ได้ภาพสวย ๆ แน่แต่สุดท้ายก็ทำให้ผมได้ภาพมาเพียบเลย.. โดยระหว่างนั้นก็เดินไปด้วยถ่ายภาพไปด้วยตามบริเวณรอบ ๆ
เพราะแสงของธรรมชาติเราไม่สามารถกำหนดได้เลยนอกจากรอคอยช่วงเวลาดี ๆ ของเขา และถ้าหากเป็นพื้นที่อื่นซึ่งมีคนมาท่องเที่ยวมาก มีตากล้องมามากขึ้นคุณอาจจะต้องถึงขั้นแย่งมุมกันก่อนเวลาถ่ายอีกต่างหาก ผมมั่นใจว่าภาพผมไม่ได้สวยขนาดตากล้องระดับอาชีพ แต่การเตรียมตัวเพื่อให้ได้ภาพสวย ๆ ผมตอบได้เต็มปากกว่าจำเป็นอย่างมาก “โดยเฉพาะเรื่องเวลา”
หลังจากนั้นผมก็เก็บภาพดอกไม้สักใบและเตรียมตัวลุยน้ำตกกันแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าอยากได้น้ำตกที่เห็นเป็นเส้น ๆ สาย ๆ สวยแบบที่อยู่ในโปสการ์ด ผมพยายามหาวิธีถ่ายมานานมาก ไม่เคยมีโอกาสได้ถ่ายสักทีแต่พอรู้กระบวนการบ้างแล้วว่าต้องใช้ขาตั้งกล้องนิ่ง ๆ เปิดสปีดชัตเตอร์นาน ๆ และจำเป็นต้องใช้ ND เพื่อลดแสงเราจะได้ใช้สปีดชัตเตอร์ได้นานขึ้น ไปลุยกันเลย!!!!
ก่อนเดินลงไปผมก็บ่นกับพี่โชคว่า
“ต้องได้ภาพน้ำตกสวย ๆ นะพี่ เอาไว้อวดกับเพื่อน ๆ ว่าเรามาเที่ยวแล้วได้ภาพสวยมากกกกก”
ว่าแล้วก็เริ่มการเดินหามุม… บอกเลยว่าตอนที่ผมเริ่มถ่ายอากาศมันค่อนข้างร้อนมาก.. แล้วก็ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการถ่ายน้ำตกเลยก็ไม่รู้จะเอาไงนอกจากลองทำให้ได้ตามภาพที่จินตนาการไว้อย่างเดียวเท่านั้น!!!!
ว่าแล้วผมก็หาที่หาทางที่จะถ่ายแล้ววางของ … บอกก่อนว่าอย่าวางของห่างตัวมากเกินไปครับเพราะนักท่องเที่ยวที่มาเนี่ยเยอะ ถ้าของหายก็ไม่รู้เหมือนกันจะได้คืนไหม แล้วอุปกรณ์พวกผมก็เป็นพวกกล้องซึ่งไม่ควรจะห่างตัว รวมถึงระวังเรื่องน้ำ ความชื้น พื้นลื่นให้เรียบร้อยด้วย
และเมื่อได้ที่ได้ทางเรียบร้อยแล้วผมก็จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ในการถ่ายน้ำตกนั้นผมจะเลือกใช้เลนส์กว้างที่สุดที่ผมมีนั่นคือระยะ 35mm ถ้าพวกพี่ ๆ ตากล้องได้มาอ่านบทความผมคงแบบ เห้ยเมิงควรจะกว้างกว่านี้ไม่ใช่เหรอ.. ใช่ครับ.. แต่ผมไม่มีไง 555 ก็เอาระยะนี้แหละกว้างสุดที่ผมมีแล้วจากนั้นขอซัดก่อนเลย โดยกระบวนการคิดภาพในหัวคือขอให้ได้ภาพน้ำตกแบบฟุ้ง ๆ เห็นน้ำเป็นเส้น ๆ ก่อน
ในตอนที่เขียนบทความนี้ผมยังไม่ได้ภาพจากพี่โชค ถ้าเกิดว่าได้แล้วจะเอามาลงนะครับ.. เขาถ่ายภาพ Landscape เทพกว่าผมเยอะ ก็… ในเรื่องภาพผมไม่ได้กดภาพสอบภาพแล้วได้แบบนี้เลยนะ ก็ลั่นหลายครั้งอยู่.. มีขาตั้งกล้องสั่นบ้าง มือไปโดนกล้องบ้าง จังหวะไม่ได้บ้าง แสงไม่ได้บ้าง ซึ่งที่บ่น ๆ มาไม่ได้อะไรมากครับ กดภาพมาเยอะ ๆ คิดเยอะ ๆ แค่นั้นเอง แล้วก็เอามาแต่งต่อในคอมเพื่อให้ได้ภาพอย่างที่เราต้องการนั่นเอง (เหมือนจะโปรนะ แต่ที่จริงแล้วไม่เลย 55555)
หลังจากนั้นผมก็เดินลงมาตามชั้นน้ำตกเรื่อย ๆ พี่โชคบอกว่าสามชั้นแรกคนเล่นไม่ค่อยเยอะ แล้วก็มักจะได้น้ำตกสวย ๆ ซึ่งผมเห็นแล้วท้าทายจิตใจผมมาก.. ผมต้องเอากล้องและขาตั้งเดินลงไปที่น้ำเลยเพื่อให้ได้มุมที่อยากจะได้ แน่นอนว่ากล้องอยู่เหนือน้ำแค่ฟุตเดียวเท่านั้น ความยากอีกเรื่องก็คือการตั้งขาตั้งบนน้ำตกพื้นที่ด้านล่างใต้น้ำก็มองไม่เห็น ระดับของขาตั้งก็ไม่เท่ากัน
สิ่งที่ต้องระวังสุด ๆ คืออย่าให้กล้องจมน้ำไม่งั้นหาภาพความบรรลัยที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
ในที่สุดก็ได้ภาพใบนี้มาก็ได้ เป็นภาพน้ำตกที่คิดว่าชอบที่สุดในครั้งนี้ เชื่อว่าช่างภาพหลายท่านถ่ายสวยกว่านี้นะครับ แต่สำหรับใครที่เคยถ่ายภาพด้วยเทคนิคใหม่ ๆ รวมกับความพยายามแบบสุด ๆ แล้วทำให้ได้ภาพที่น่าภูมิใจ ความรู้สึกมันบรรยายไม่ถูกจริง ๆ ฝันหนึ่งอย่างของผมเป็นความจริงแล้วนั่นคือการ “ถ่ายภาพน้ำตก เย้
แล้วภารกิจของผมจะหมดแค่นี้เหรอ คำตอบคือ “ไม่มีทาง!!” ผมต้องได้ภาพสวย ๆ เยอะกว่านี้
เริ่มต้นด้วยการถ่ายภาพเจาะแต่ละส่วนของธรรมชาติโดยเฉพาะก่อนก็แล้วกันครับ เพราะไอ้ครั้งจะถ่ายแต่ภาพรวม ๆ ทั่วไปเราก็จะได้แค่ภาพน้ำตกกับต้นไม้แค่นั้นเองใช่ไหมล่ะ
ผมดันเสพย์ติดการถ่ายภาพน้ำฟุ้ง ๆ แบบนี้ซะแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกว่าการถ่ายภาพธรรมชาติทำให้เราได้อินกับสิ่งต่าง ๆ อย่างสบายใจ นอกจากนั้นยังได้ฝึกเทคนิคการถ่ายภาพสวย ๆ ได้มีภาพลงเฟซบุ๊คแบบหล่อ ๆ อีกด้วย แฮร่ ๆ ขอวกกลับมาเรื่องดราม่าความรักนิดนึงเพราะอุตส่าห์ขึ้นหัวเรื่องแล้ว ตอนอกหักมันก็เพลียจิตนะเพราะเสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่มันโผล่มา ผมก็แค่ต้องยอมรับมันไปเลยขอใช้ทุกอย่างที่มีลงทุนกับบล็อกนี้ดีกว่า เขียนเรื่องราวหลาย ๆ เรื่องที่จะให้คนอ่านสนุกไปด้วย
เย็น ตี_ จังเลย คนไม่เคยมาเที่ยวคงไม่เข้าใจ 55555+
ถ้าหากว่าดูจากภาพด้านบนคือพี่โชคต้องลุยน้ำขนาดนั้นกันเลย แล้วกล้องครับกล้อง เป็นทั้งความฟินและความเสียวที่คุณจินตนาการไม่ออกแน่นอน เพราะถ้ามันร่วงน้ำนะ 5555 หมดตูดกันเลยทีเดียว แล้วทริปนั้นคุณอาจจะไม่ได้ถ่ายภาพสวย ๆ อีกต่างหาก คือซวยยิ่งกว่าซวยครับ
เมื่อก่อนผมให้ความใส่ใจกับเทคนิคต่าง ๆ ในการถ่ายอย่างมาก ต้องตั้งค่า F เท่านี้ , ความเร็วชัตเตอร์เท่านั้น ซึ่ง… เพื่อนผมที่มันเป็นช่างภาพมักจะทำหน้าแหยง ๆ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่า
การถ่ายภาพธรรมชาติการเซ็ตติ้งมันอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่เรื่องหลักก็คือการ “ซึมซับ” ความรู้สึกของธรรมชาติเข้าไป แล้วถ่ายทอดความเป็นมันออกมา
พื้นที่เต็ม ต่อด้านล่างนะครับ