การทำสำคัญมหากางเขน หรือที่เราคริสตชนเรียกติดปากว่า "เดชะพระนาม"  วีดีโอนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำสำคัญมหากางเขนที่ถูกต้อง และความหมายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งหลายคนทำด้วยเคยชิน....จนลืมไปแล้วว่า เรากำลังทำหมายสำคัญแห่งพระตรีเอกภาพ พระเป็นเจ้าสูงสุดของเรา

บทความนี้ จะมีรายละเอียดและความหมายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำสำคัญมหากางเขน จากเว็ปของ newmana....
การทำสำคัญมหากางเขน มีความหมายมากกว่าที่คิด
สวัสดีครับ ขอสันติสุขและพระหรรษทานจากพระตรีเอกภาพจงมีแด่พี่น้องคริสตชนผู้ศรัทธาทุกท่าน
หลายคนคงอาจจำผมได้ ผมคือ นิโคลัส-แมวเทาจารีตตะวันออก ที่หายไปเพราะพิจารณากระแสเรียกอย่างจริงจัง
ตอนนี้ใช้ชีวิตใกล้เคียงนักพรต(หรือฤาษี/Monk)ไปทุกที วันนี้ว่างจากกิจหลายอย่างเลยมาหาเรื่องราวดีดีแบ่งปัน

บทความนี้(เอ่..จะเรียกบทความจะถูกหรือเปล่า?)ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลมาจากหนังสือ ‘Comparative Theology’
เป็นพระราชนิพนธ์โดยสมเด็กพระมหาสังฆอัยกาชินูดาที่3 (พระมหาสังฆอัยกาองค์ที่117แห่งพระศาสนจักรคอปติกออร์โธด๊อกซ์)
แปลภาษาอังกฤษโดยMary&Amari Bassilli และอีกเรื่องผมเองถือธรรมเนียมจารีตแบบออร์โธด๊อกซ์ ธรรมเนียมบางอย่างเช่นการทำสำคัญมหากางเขนอาจจะแตกต่างกันบ้าง
ในบทความนี้ผมจึงอาจคงธรรมเนียมบางอย่างของออร์โธด๊อกซ์ไว้
(ป.ล.ครูสอนภาษาไทยทักมาว่าประมุขของศาสนาและพระศาสดาทุกพระองค์ต้องใช้คำราชาศัพท์ชั้นกษัตริย์ บางทีอาจจะดูแปลกๆไปเล็กน้อย)

เมื่อเราทำสำคัญมหาเขน เรานำนิ้วโป้ง-นิ้วชี้-นิ้วกลาง(ส่วน2นิ้วที่เหลือแนบเก็บไว้ที่ฝ่ามือ)สัมผัสหน้าผากแล้วภาวนาว่า
“ในพระนามของพระบิดา(بسم الاب)”
และนำ3นิ้วมาสัมผัสที่กลางตัวแล้วภาวนาว่า “และพระบุตร(والابن)”
และนำ3นิ้วมาสัมผัสไหล่ซ้ายแล้วมาไหล่ขวา (หากแบบรัสเซียจะขวามาซ้าย) และภาวนาว่า “และพระจิต (والروح القدس)”
แล้วคำนับกล่าว “อามีน(امين หรืออาแมน)” [หากเป็นแบบคอปติกจะจบด้วยว่า “พระเจ้าหนึ่งเดียว อามีน(اللهُ احد ، امين)”]

เป็นการขอพรและอวยพระตัวเอง และยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการย้ำถึงการไถ่บาปบนไม้กางเขนของพระเยซูคริสตเจ้าในชีวิตของเราด้วย อีกทั้งยังเป็นการย้ำเตือนถึงกางเขนในชีวิตพระจำวันที่เราต้องแบกอยู่(แม้ว่าในยามความยากลำบากจะกลายเป็นลากกางเขนซะเองก็ตาม)


สำคัญมหากางเขน เป็นสัญลักษณ์ถึงการเป็นหนึ่งเดียวของพระตรีเอกภาพ เป็นการย้ำถึงพระอานุภาพอันยิ่งใหญ่และล้ำลึก
นักบุญบางท่านได้ย้ำให้เราทำสำคัญมหากางเขนอยู่บ่อยๆ แต่ในชีวิตประจำวันของคริสตชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ท่ามกลางคนต่างศาสนา
บางครั้งเราก็ไม่กล้าทำสำคัญมหากลางเขนเนื่องจากเหตุผลหลายๆประการแม้จะภาวนาในใจก็ตาม
แต่ที่พระองค์ไม่ถือโทษเอาผิดนี้ก็เพราะพระองค์ทรงรักเรา สำคัญมหากางเขนคือสัญลักษณ์หนึ่งที่ให้มนุษย์ย้ำถึงความรักความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า

จากที่เราแตะหน้าผากและมาที่กลางตัว ยังหมายถึงการบังเกิดของพระผู้ไถ่ จากสวรรค์เบื้องบนสู่โลกมนุษย์
และเมื่อเราแตะไหล่ซ้ายมาไหล่ขวาก็ยังหมายถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า จากความมืดสู่แสงสว่าง จากความตายข้ามสู่ชีวิตนิรันดร์


เป็นการรวม2เหตุการณ์ณ์สำคัญนั่นคือคริสตสมภพและสมโภสปัสกา เมื่อทำเสร็จเราจึงน้อมรับว่า “อามีน”ซึ่งหมายถึงจริงแท้
เป็นความถูกต้องแท้จริงที่องค์พระผู่ไถ่ทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ สวรรคต(สิ้นพระชนม์)และกลับคืนพระชนม์ชีพอย่างพระสิริรุ่งโรจน์
และมากกว่านั้นเป็นการย้ำถึงการกลับมาอย่างพระสิริรุ่งโรจน์เพื่อพิพากษาโลก

สิ่งที่ทำให้คริสตชนต่างจากคนต่างศาสนาคือความหวังด้วยความมั่นใจ กางเขนจึงเป็นเป็นสำคัญลักษณ์ของความหวัง
ทั้งความหวังในชีวิตนิรันดร์และความหวังในการเสด็จกลับมาอีกครั้งของพระคริสต์ ความหวังเป็นรูปแบบหนึ่งของสัญลักษณ์ที่สัมผัสได้ของความเชื่อ
ด้วยความเชื่อในองค์พระคริสต์ของเราและความรักของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อเราจึงมีสายใยเราผูกไว้นั่นคือกางเขน ความหวังนั้นเองทำให้กางเขนนั้นยิ่งแจ่มชัดในชีวิตเรามากขึ้น


สำคัญมหากางเขนยังมีความหมายทางชีวิตฝ่ายจิตนั่นคือการตรึงตัวเองเข้ากับกางเขนของพระคริสตเจ้า
และเรายังเป็นการย้ำตนเองให้ละทิ้งบาปอันเป็นความตายทิ้งไป และกางเขนนี้เป็นสิ่งที่ความตายฝ่ายจิตของเราทุกคนถูกทำลายไปโดยพระคริสตเจ้าเอง
และเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ เราคงไม่ปฏิเสธเลยว่าไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่กว่าพระผู้เป็นเจ้า กางเขนจึงเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของพระอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า    เมื่อเราทำสำคัญมหากางเขนจึงเป็นการยอมรับอำนาจของพระเจ้าให้มีอิทธิพลในชีวิตของเรา

ในสำคัญมหากางเขนนี้เราได้รับการอวยพร เป็นการกราบเคารพพระเจ้าอย่างหนึ่ง และเหล่ามารปีศาจได้กลัวการทำสำคัญมหากางเขนนี้อย่างมาก จึงเป็นการไล่ผีอย่างง่ายด้วย


ท้ายนี้นอกจากการทำสำคัญมหาเขนแล้ว สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการนำกางเขนเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของเรา ในทุกกิจการงานทุกอย่าง และมีอิทธิพลลงในจิตใจของเรา ไม่ให้แพ้การผจญของชีวิตฝ่ายโลก

เพิ่มเติมจากบทเทศน์ของพ่อที่วัดแม่พระฟาติมา(ดินแดน) ตอนมิสซาเช้าวันนี้(ศุกร์ 16/ต.ค./2009)
“หากเมื่อเราทำบาปและเราไม่ได้รู้สึกว่ามันบาปเลย..... นั่นหมายถึงความตายฝ่ายจิตแล้ว”


ขอพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพทรงอวยพรทุกท่านทั้งที่อยู่ใกล้และไกล สิริพึงมีแด่พระตรีเอกภาพตลอดนิจนิรันดรและวันทาแด่พระแม่มารีย์ผู้ทรงพรหมจารีย์เสมอ อามีน อามีน

ข้อมูลจาก : http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?t=12217  โดยคุณ Mobster

ติดตามบทความและวีดีโอที่น่าสนใจอื่นๆได้ที่.. https://www.facebook.com/help.souls