เป็นประสบการณ์ที่อยากจะแชร์ พอดีเห็นกระทู้ไม่อยากจัดงานแต่ง ทำให้อยากเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง
เราแต่งไปเมื่อต้นปีที่แล้วค่ะ ตอนจะแต่ง เราคุยกับแม่เราว่าไม่อยากมีงานแต่ง ก็โดนแม่ดุ แม่อยากให้มีงาน เล็กๆก็ได้
เลยไปบอกที่บ้านแฟนว่า ของานเล็กๆ แฟนไม่ว่าไร แม่แฟนก็ดูโอเค และกระตือรือร้นที่จะจัด
ตอนเตรียมงาน เราเน้นประหยัดสุด ชุดไทยชุดเดียว จะแต่งหน้าทำผมเอง แต่แม่แฟนไม่ยอมเลยไปจ้างช่างมา ส่วนไหนที่บ้านแฟนรับดูแล เราก็ไม่ได้สนใจอะไร (ช่วงนั้นงานเรายุ่งมาก เราเป็นพวกบ้าทำงาน) แต่ก็ย้ำเสมอว่า เล็กๆนะคะ อย่าให้สิ้นเปลือง
วันงานจริง เหมือนจะเล็กแต่อลังการมาก งานแค่ครึ่งวันนะคะ ที่รีสอร์ทเล็กๆ ตจว แต่ราคารวมไม่น้อยเลย
มารู้เอาวันหลังแต่งว่าแม่แฟนไปยืมตังมาหลายแสนเพื่อจัดงาน
ทั้งๆที่แม่เราก็จ่ายค่าจัดเลี้ยงแขกไปเกือบสองแสน แขก 300 คนเศษ มากกว่า 60% เป็นแขกของบ้านแฟนค่ะ
เราเอาเงินสินสอดจ่ายตรงนั้นเลยอีกสองแสน เพราะไม่ชอบเป็นหนี้ บ้านแฟนดูปลาบปลื้มที่เราเคลียร์ แต่เรารู้สึกแย่มากเพราะแม่เราคืนสินสอดทุกบาทให้เรากับแฟนไปตั้งตัว แต่ดันต้องใช้หนี้ที่ตัวเองพยายามย้ำแล้วว่าอย่ามี (ไม่กล้าบอกแม่เรามาจนทุกวันนี้)
ตอนนั้นคิดว่า ช่างมัน เจ็บแต่จบ
เวลาผ่านไป เรากำลังจะมีลูก เลยวางแผนการเงินร่วมกับแฟน เลยรู้ว่าแฟนยังต้องผ่อนหนี้แต่งงานอยู่ทุกเดือน เดือนละ 7000 บาท (แฟนเงินเดือน 3 หมื่น ผ่อนบ้านเราร่วมกันคนละ 1 หมื่น ผ่อนบ้านพ่อแม่เค้า 7000 บ)
What da xxxx?
เรางอนที่บ้านแฟนไปเลยค่ะ (แฟนรู้ แต่คนอื่นๆไม่รู้ 555+) ทำไมทำอะไรเกินตัวกันแบบนี้ แฟนเราบอกไม่อยากขัดแม่ในตอนนั้น และขอให้เราเข้าใจแม่เค้าว่าเพื่อนเยอะ อยากทำให้สมน้ำสมเนื้อ บลา บลา บลา แฟนเราเป็นเด็กดีของที่บ้านเค้า อันที่จริงเราก็พอเข้าใจนะ เพราะเราก็รักแม่เรามาก
ใจนึงก็สงสารแฟนนะคะ ทำงานอย่างเหนื่อย เงินไม่เคยได้ใช้ ใจนึงก็สงสารตัวเองสงสารลูก
อนาคตเรากับลูก เราสร้างให้ได้ เพราะมีเงินเดือนแน่นอน ผ่อนบ้าน หัก คชจ แล้ว ยังมีเหลือเก็บไปลงทุนได้อีกหลักหมื่น
เรากับแฟนอายุเท่ากัน แฟนเริ่มทำงานก่อนเรา 2 ปี แต่ไม่มีเงินเก็บซักบาท เพราะเค้าเชื่อว่าการเป็นลูกที่ดี คือให้เงินกับที่บ้านให้หมด
เราเองก็ส่งเงินให้บ้านเรา แต่บ้านเราใช้จ่ายประหยัดมาแต่ไหนแต่ไร เพราะพ่อเราเสียไปนานแล้ว แม่เงินเดือนไม่มาก ต้องเลี้ยงลูกสองคน แม่เราย้ำเสมอว่าทำอะไรต้องเจียมตัว อย่าเกินตัว
เจอบ้านแฟนแล้วเพลีย หนี้แต่ละเดือนมโหฬาร วันดีคืนดีโทรมาขอเพิ่ม แฟนเราก็ให้ พอแฟนใช้จ่ายไม่พอก็เดือดร้อนเรา
ยังมีที่แรงกว่านั้นคือ พี่สาวแฟนไปเป็นหนี้ แม่แฟนโทรมาขอเรา หลักหลายหมื่น กำชับเราว่าอย่าบอกแฟน อย่าบอกพี่แฟนนะ เพราะไม่อยากให้ลูกๆเค้าต้องเดือดร้อน (น้ำตาตกเลย แต่ไม่ยอมเสียตังหรอกนะ 555) เราบอกแฟนหมดแหละ ไม่อยากเก็บไว้แล้วระเบิดทีเดียว
ตอนเป็นครอบครัวเดียวกันมันต่างจากเป็นแฟนจริงๆ ตอนเป็นแฟน อะไรๆเราก็วีน แต่เป็นครอบครัวต้องคิดเยอะๆ ถ้าวีนไปแล้วดูท่าจะแย่ ก็ต้องหาทางพูดกันดีๆ
เรากับแฟนทำงานคนละที่ เจอกันเดือนละครั้ง เราอุ้มท้อง ทำงานหัวหมุน แทบจะไม่มีเวลาคุยกัน แต่สลิปเงินเดือนเค้าส่งมาที่บ้านทีไรก็ทะเลาะกันทุกที T T
เราเคยคิดไกลถึงขั้นเป็น single mom เลย แต่พอคิดๆไปแล้ว ปัญหาคือการใช้เงินของคนที่บ้านเค้า ไม่ใช่เพราะตัวเค้า ส่วนเรื่องอื่นๆก็โอเค เราสองคนก็รักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว มันน่าจะมีทางออกอื่น (อันที่จริง เวลาตัดสินใจแต่งงานกันแล้ว ทุกคนก็หวังจะใช้ชีวิตไปด้วยกันจนวันสุดท้าย)
ในที่สุดเราเลยขอร้องเค้าให้ปฏิเสธที่บ้านบ้างถ้ามันไม่ไหว และวางแผนให้เค้าเก็บเงิน เดือนละ 1 พันบาทก็ยังดี แก่ตัวไปจะได้ไม่เป็นภาระลูก
ส่วนหนี้แต่งงานที่ต้องใช้อีกเป็น 10 ปี ให้เค้าเคลียร์เอง และใช้เป็นข้ออ้างไปเลย อย่าให้ที่บ้านเค้าก่อหนี้เพิ่มอีก (เพลียที่สุด)
วันที่พูดไป เราสองคนกอดคอกันร้องไห้ เพราะแฟนก็ไม่อยากให้เราลำบาก แต่ไม่รู้จะแก้ปัญหาที่บ้านยังงัย เค้าพยายามหางานใหม่ที่เงินเดือนมันสูงขึ้น แต่สายงานเค้าก็หาไม่ง่าย เราสองคนได้แต่ปลอบใจกันว่า สักวันมันจะดีขึ้น (ให้รักนำทาง 555+)
ฝากเรื่องของเราเป็นบทเรียนให้กับทุกคนที่คิดจะทำอะไรเกินตัวนะคะ ได้หน้าแค่วันเดียว มันไม่คุ้มกับปัญหาครอบครัวที่จะตามมาอีกหลายปีเลยค่ะ
และฝากคนเป็นพ่อเป็นแม่ด้วยนะคะ การที่คุณโชคดีมีลูกกตัญญู บันดาลทุกอย่างให้คุณได้ คุณควรใส่ใจเค้าซักนิดว่า ความต้องการของคุณทำให้ลูกของคุณเดือดร้อนหรือเปล่า บางทีเค้าอาจจะเดือดร้อนมากแต่ไม่กล้าพูด กลัวแม่ไม่สบายใจ
ที่บ้านแฟนเราเป็นคนดีนะคะ ชอบทำบุญ ทำทาน แต่หลายครั้งเกินตัวไปนิด กลายเป็นว่าคนอื่นๆชื่นชม แต่ลูกหลานระทมค่ะ
หวังว่าความดีที่บ้านแฟนทำมา จะดลบันดาลให้เราใจเย็นได้มากพอ และนานพอ ไม่วีนใส่นะคะ ^^
หนี้จากการแต่งงาน: บทเรียนราคาหลายแสน ความเจ็บปวดของลูกหลาน ที่พ่อกับแม่ควรรับรู้
เราแต่งไปเมื่อต้นปีที่แล้วค่ะ ตอนจะแต่ง เราคุยกับแม่เราว่าไม่อยากมีงานแต่ง ก็โดนแม่ดุ แม่อยากให้มีงาน เล็กๆก็ได้
เลยไปบอกที่บ้านแฟนว่า ของานเล็กๆ แฟนไม่ว่าไร แม่แฟนก็ดูโอเค และกระตือรือร้นที่จะจัด
ตอนเตรียมงาน เราเน้นประหยัดสุด ชุดไทยชุดเดียว จะแต่งหน้าทำผมเอง แต่แม่แฟนไม่ยอมเลยไปจ้างช่างมา ส่วนไหนที่บ้านแฟนรับดูแล เราก็ไม่ได้สนใจอะไร (ช่วงนั้นงานเรายุ่งมาก เราเป็นพวกบ้าทำงาน) แต่ก็ย้ำเสมอว่า เล็กๆนะคะ อย่าให้สิ้นเปลือง
วันงานจริง เหมือนจะเล็กแต่อลังการมาก งานแค่ครึ่งวันนะคะ ที่รีสอร์ทเล็กๆ ตจว แต่ราคารวมไม่น้อยเลย
มารู้เอาวันหลังแต่งว่าแม่แฟนไปยืมตังมาหลายแสนเพื่อจัดงาน
ทั้งๆที่แม่เราก็จ่ายค่าจัดเลี้ยงแขกไปเกือบสองแสน แขก 300 คนเศษ มากกว่า 60% เป็นแขกของบ้านแฟนค่ะ
เราเอาเงินสินสอดจ่ายตรงนั้นเลยอีกสองแสน เพราะไม่ชอบเป็นหนี้ บ้านแฟนดูปลาบปลื้มที่เราเคลียร์ แต่เรารู้สึกแย่มากเพราะแม่เราคืนสินสอดทุกบาทให้เรากับแฟนไปตั้งตัว แต่ดันต้องใช้หนี้ที่ตัวเองพยายามย้ำแล้วว่าอย่ามี (ไม่กล้าบอกแม่เรามาจนทุกวันนี้)
ตอนนั้นคิดว่า ช่างมัน เจ็บแต่จบ
เวลาผ่านไป เรากำลังจะมีลูก เลยวางแผนการเงินร่วมกับแฟน เลยรู้ว่าแฟนยังต้องผ่อนหนี้แต่งงานอยู่ทุกเดือน เดือนละ 7000 บาท (แฟนเงินเดือน 3 หมื่น ผ่อนบ้านเราร่วมกันคนละ 1 หมื่น ผ่อนบ้านพ่อแม่เค้า 7000 บ)
What da xxxx?
เรางอนที่บ้านแฟนไปเลยค่ะ (แฟนรู้ แต่คนอื่นๆไม่รู้ 555+) ทำไมทำอะไรเกินตัวกันแบบนี้ แฟนเราบอกไม่อยากขัดแม่ในตอนนั้น และขอให้เราเข้าใจแม่เค้าว่าเพื่อนเยอะ อยากทำให้สมน้ำสมเนื้อ บลา บลา บลา แฟนเราเป็นเด็กดีของที่บ้านเค้า อันที่จริงเราก็พอเข้าใจนะ เพราะเราก็รักแม่เรามาก
ใจนึงก็สงสารแฟนนะคะ ทำงานอย่างเหนื่อย เงินไม่เคยได้ใช้ ใจนึงก็สงสารตัวเองสงสารลูก
อนาคตเรากับลูก เราสร้างให้ได้ เพราะมีเงินเดือนแน่นอน ผ่อนบ้าน หัก คชจ แล้ว ยังมีเหลือเก็บไปลงทุนได้อีกหลักหมื่น
เรากับแฟนอายุเท่ากัน แฟนเริ่มทำงานก่อนเรา 2 ปี แต่ไม่มีเงินเก็บซักบาท เพราะเค้าเชื่อว่าการเป็นลูกที่ดี คือให้เงินกับที่บ้านให้หมด
เราเองก็ส่งเงินให้บ้านเรา แต่บ้านเราใช้จ่ายประหยัดมาแต่ไหนแต่ไร เพราะพ่อเราเสียไปนานแล้ว แม่เงินเดือนไม่มาก ต้องเลี้ยงลูกสองคน แม่เราย้ำเสมอว่าทำอะไรต้องเจียมตัว อย่าเกินตัว
เจอบ้านแฟนแล้วเพลีย หนี้แต่ละเดือนมโหฬาร วันดีคืนดีโทรมาขอเพิ่ม แฟนเราก็ให้ พอแฟนใช้จ่ายไม่พอก็เดือดร้อนเรา
ยังมีที่แรงกว่านั้นคือ พี่สาวแฟนไปเป็นหนี้ แม่แฟนโทรมาขอเรา หลักหลายหมื่น กำชับเราว่าอย่าบอกแฟน อย่าบอกพี่แฟนนะ เพราะไม่อยากให้ลูกๆเค้าต้องเดือดร้อน (น้ำตาตกเลย แต่ไม่ยอมเสียตังหรอกนะ 555) เราบอกแฟนหมดแหละ ไม่อยากเก็บไว้แล้วระเบิดทีเดียว
ตอนเป็นครอบครัวเดียวกันมันต่างจากเป็นแฟนจริงๆ ตอนเป็นแฟน อะไรๆเราก็วีน แต่เป็นครอบครัวต้องคิดเยอะๆ ถ้าวีนไปแล้วดูท่าจะแย่ ก็ต้องหาทางพูดกันดีๆ
เรากับแฟนทำงานคนละที่ เจอกันเดือนละครั้ง เราอุ้มท้อง ทำงานหัวหมุน แทบจะไม่มีเวลาคุยกัน แต่สลิปเงินเดือนเค้าส่งมาที่บ้านทีไรก็ทะเลาะกันทุกที T T
เราเคยคิดไกลถึงขั้นเป็น single mom เลย แต่พอคิดๆไปแล้ว ปัญหาคือการใช้เงินของคนที่บ้านเค้า ไม่ใช่เพราะตัวเค้า ส่วนเรื่องอื่นๆก็โอเค เราสองคนก็รักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว มันน่าจะมีทางออกอื่น (อันที่จริง เวลาตัดสินใจแต่งงานกันแล้ว ทุกคนก็หวังจะใช้ชีวิตไปด้วยกันจนวันสุดท้าย)
ในที่สุดเราเลยขอร้องเค้าให้ปฏิเสธที่บ้านบ้างถ้ามันไม่ไหว และวางแผนให้เค้าเก็บเงิน เดือนละ 1 พันบาทก็ยังดี แก่ตัวไปจะได้ไม่เป็นภาระลูก
ส่วนหนี้แต่งงานที่ต้องใช้อีกเป็น 10 ปี ให้เค้าเคลียร์เอง และใช้เป็นข้ออ้างไปเลย อย่าให้ที่บ้านเค้าก่อหนี้เพิ่มอีก (เพลียที่สุด)
วันที่พูดไป เราสองคนกอดคอกันร้องไห้ เพราะแฟนก็ไม่อยากให้เราลำบาก แต่ไม่รู้จะแก้ปัญหาที่บ้านยังงัย เค้าพยายามหางานใหม่ที่เงินเดือนมันสูงขึ้น แต่สายงานเค้าก็หาไม่ง่าย เราสองคนได้แต่ปลอบใจกันว่า สักวันมันจะดีขึ้น (ให้รักนำทาง 555+)
ฝากเรื่องของเราเป็นบทเรียนให้กับทุกคนที่คิดจะทำอะไรเกินตัวนะคะ ได้หน้าแค่วันเดียว มันไม่คุ้มกับปัญหาครอบครัวที่จะตามมาอีกหลายปีเลยค่ะ
และฝากคนเป็นพ่อเป็นแม่ด้วยนะคะ การที่คุณโชคดีมีลูกกตัญญู บันดาลทุกอย่างให้คุณได้ คุณควรใส่ใจเค้าซักนิดว่า ความต้องการของคุณทำให้ลูกของคุณเดือดร้อนหรือเปล่า บางทีเค้าอาจจะเดือดร้อนมากแต่ไม่กล้าพูด กลัวแม่ไม่สบายใจ
ที่บ้านแฟนเราเป็นคนดีนะคะ ชอบทำบุญ ทำทาน แต่หลายครั้งเกินตัวไปนิด กลายเป็นว่าคนอื่นๆชื่นชม แต่ลูกหลานระทมค่ะ
หวังว่าความดีที่บ้านแฟนทำมา จะดลบันดาลให้เราใจเย็นได้มากพอ และนานพอ ไม่วีนใส่นะคะ ^^