เห็นคนไทยตื่นตัวกันมากกับกระแส Single Gateway
ถึงแม้ว่าตอนนี้รัฐบาลได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ยังไม่ได้บอกว่าจะใช้ แต่ให้ลองกลับไปศึกษาดูว่าเป็นยังไงบ้าง
วันนี้จขกท. อยากให้ทุกคนลองกลับไปจินตนาการถึงวันนั้นว่า เราจะใช้ชีวิตยังไงกับวันแรกที่ Single Gateway มีผลบังคับใช้ในบ้านเรา
จขกท. มองเรื่องนี้เป็นสองแง่ คือแง่ของการได้มาและเสียไป
ส่วนที่เสียไป เชื่อว่าทุกคนคงเห็นภาพแล้ว ไม่ขอนำมากล่าวซ้ำจะดีกว่า
ส่วนที่ได้คืนมา เรามาจินตนาการเล่นๆ กันดีกว่า อย่างน้อยๆ ช่วงหนึ่งของความกังวลย่อมมีเสียงหัวเราะแทรกเสมอ
1.
สมมุติว่าถ้าเข้าโซเชียลทุกอย่างไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook IG LINE YouTube รวมทั้ง Pantip ที่ถือว่าเข้าข่ายด้วย
จขกท. มองว่ามันคือการฟื้นฟูสุขภาพทั้งกายและใจที่ควรจะเป็นให้กลับคืนมา
ไม่ต้องเป็นมนุษย์ก้มหน้า ไม่ต้องกังวลเรื่องโน่นนี่นั่นแบบนาทีต่อนาทีในระหว่างทางที่ไปเรียน ทำงาน หรือไปเที่ยว
เพราะไม่มีตัวกระตุ้นให้เราคิดเรื่องแบบนั้นอีก
แถมรักษาโรคซึมเศร้าได้ด้วยนะ (ตรงนี้ต้องเน้น)
2.
มีเวลาอยู่กับตัวเองและสิ่งรอบด้านได้มากขึ้น สายตาใส่ใจกับท้องฟ้า แม่น้ำลำคลอง ถนน รถรา และผู้คนที่เดินสวนกันไปมาได้มากขึ้น
แล้วคุณจะค้นพบว่า
โลกความจริงมันกว้างกว่าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ อีกมากนัก
อ๋อ ! เกือบลืม เราจะได้มีเวลาใส่ใจ พูดคุยกับคนใกล้ตัวแบบ Face to Face ได้มากขึ้น
ทั้งพ่อแม่ ครอบครัว รวมทั้งทุกคนที่เรารักและผูกพัน
ไม่ใช่ต่างคนต่างก้มหน้าแล้วเถียงกันเมื่อเห็นต่างกับเรื่องเดียวกัน
3.
มนุษย์จะได้รับความมั่นใจกลับมามากขึ้นเป็นเท่าตัว ในเมื่อไม่มีพื้นที่ที่แสดงตัวตนของเราได้อย่างเต็มที่แล้ว
ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาทำให้เสียความมั่นใจหรือเปล่า
อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องกังวลแบบวินาทีต่อวินาทีอีกต่อไปแล้วว่า
ตัวเองจะ
"เด่น" หรือ
"ดับ" บนโลกออนไลน์
4.
มั่นใจ คนไทยไม่ต่ำกว่า 90% ต้องการโซเชียลที่เชื่อมต่อได้ทั่วโลก ไม่ใช่ทั่วประเทศ
เพราะฉะนั้น "ความคิดถึง" อาจมีค่าราคาแพงขึ้น
พอไม่มีพื้นที่ให้คุยกันแบบวินาทีต่อวินาทีแล้ว ความคิดถึงจะเป็นสิ่งที่เราต้องย้อนกลับมาดูอีกครั้งแน่นอน
4 ข้อที่จินตนาการเล่นๆ รับรอง คุณจะได้ในสิ่งที่คุณอยากได้จริงๆ จาก Single Gateway แน่นอนคือ
Slow Life
คนไทยได้สโลว์ไลฟ์สมใจแน่ เพราะชีวิตของเราจะเดินช้าลง ออกแรงมากขึ้น
และแรงที่ต้องออกเพิ่มก็มักจะมีสิ่งที่เราหลงลืมไปแล้วแอบซ่อนอยู่ภายในความเหนื่อยล้าเหล่านี้เสมอ
อยากจะฝากบอกทุกคนที่กำลังตื่นตัวกับเรื่องนี้ว่า
ไม่มีสรรพสิ่งใดที่ให้แค่คุณหรือโทษเพียงด้านเดียวเท่านั้น
เหรียญย่อมมีสองด้าน
การเดินทางก็เหมือนกับเชือกเกลียวกัน
Single Gateway ก็ฉันนั้น
คิดดีๆ บางทีคำตอบของ
"ชีวิตที่ดี" อาจมาจากที่นี่
สุดท้ายนี้ หากมีอะไรที่ผิดพลาดไป จขกท. ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
(เขียนโดยการด้นสด ไม่มีทฤษฎีวิชาการอะไรทั้งนั้น อยากให้คนไทยใส่ใจกับจินตนาการมากขึ้น)
Single Gateway โครงการดีๆ ที่จะทำให้คุณได้ Slow Life สมใจอยาก
เห็นคนไทยตื่นตัวกันมากกับกระแส Single Gateway
ถึงแม้ว่าตอนนี้รัฐบาลได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ยังไม่ได้บอกว่าจะใช้ แต่ให้ลองกลับไปศึกษาดูว่าเป็นยังไงบ้าง
วันนี้จขกท. อยากให้ทุกคนลองกลับไปจินตนาการถึงวันนั้นว่า เราจะใช้ชีวิตยังไงกับวันแรกที่ Single Gateway มีผลบังคับใช้ในบ้านเรา
จขกท. มองเรื่องนี้เป็นสองแง่ คือแง่ของการได้มาและเสียไป
ส่วนที่เสียไป เชื่อว่าทุกคนคงเห็นภาพแล้ว ไม่ขอนำมากล่าวซ้ำจะดีกว่า
ส่วนที่ได้คืนมา เรามาจินตนาการเล่นๆ กันดีกว่า อย่างน้อยๆ ช่วงหนึ่งของความกังวลย่อมมีเสียงหัวเราะแทรกเสมอ
1.
สมมุติว่าถ้าเข้าโซเชียลทุกอย่างไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook IG LINE YouTube รวมทั้ง Pantip ที่ถือว่าเข้าข่ายด้วย
จขกท. มองว่ามันคือการฟื้นฟูสุขภาพทั้งกายและใจที่ควรจะเป็นให้กลับคืนมา
ไม่ต้องเป็นมนุษย์ก้มหน้า ไม่ต้องกังวลเรื่องโน่นนี่นั่นแบบนาทีต่อนาทีในระหว่างทางที่ไปเรียน ทำงาน หรือไปเที่ยว
เพราะไม่มีตัวกระตุ้นให้เราคิดเรื่องแบบนั้นอีก แถมรักษาโรคซึมเศร้าได้ด้วยนะ (ตรงนี้ต้องเน้น)
2.
มีเวลาอยู่กับตัวเองและสิ่งรอบด้านได้มากขึ้น สายตาใส่ใจกับท้องฟ้า แม่น้ำลำคลอง ถนน รถรา และผู้คนที่เดินสวนกันไปมาได้มากขึ้น
แล้วคุณจะค้นพบว่า
โลกความจริงมันกว้างกว่าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ อีกมากนัก
อ๋อ ! เกือบลืม เราจะได้มีเวลาใส่ใจ พูดคุยกับคนใกล้ตัวแบบ Face to Face ได้มากขึ้น
ทั้งพ่อแม่ ครอบครัว รวมทั้งทุกคนที่เรารักและผูกพัน
ไม่ใช่ต่างคนต่างก้มหน้าแล้วเถียงกันเมื่อเห็นต่างกับเรื่องเดียวกัน
3.
มนุษย์จะได้รับความมั่นใจกลับมามากขึ้นเป็นเท่าตัว ในเมื่อไม่มีพื้นที่ที่แสดงตัวตนของเราได้อย่างเต็มที่แล้ว
ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาทำให้เสียความมั่นใจหรือเปล่า
อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องกังวลแบบวินาทีต่อวินาทีอีกต่อไปแล้วว่า
ตัวเองจะ "เด่น" หรือ "ดับ" บนโลกออนไลน์
4.
มั่นใจ คนไทยไม่ต่ำกว่า 90% ต้องการโซเชียลที่เชื่อมต่อได้ทั่วโลก ไม่ใช่ทั่วประเทศ
เพราะฉะนั้น "ความคิดถึง" อาจมีค่าราคาแพงขึ้น
พอไม่มีพื้นที่ให้คุยกันแบบวินาทีต่อวินาทีแล้ว ความคิดถึงจะเป็นสิ่งที่เราต้องย้อนกลับมาดูอีกครั้งแน่นอน
4 ข้อที่จินตนาการเล่นๆ รับรอง คุณจะได้ในสิ่งที่คุณอยากได้จริงๆ จาก Single Gateway แน่นอนคือ
Slow Life
คนไทยได้สโลว์ไลฟ์สมใจแน่ เพราะชีวิตของเราจะเดินช้าลง ออกแรงมากขึ้น
และแรงที่ต้องออกเพิ่มก็มักจะมีสิ่งที่เราหลงลืมไปแล้วแอบซ่อนอยู่ภายในความเหนื่อยล้าเหล่านี้เสมอ
อยากจะฝากบอกทุกคนที่กำลังตื่นตัวกับเรื่องนี้ว่า
ไม่มีสรรพสิ่งใดที่ให้แค่คุณหรือโทษเพียงด้านเดียวเท่านั้น
เหรียญย่อมมีสองด้าน
การเดินทางก็เหมือนกับเชือกเกลียวกัน
Single Gateway ก็ฉันนั้น
คิดดีๆ บางทีคำตอบของ "ชีวิตที่ดี" อาจมาจากที่นี่
สุดท้ายนี้ หากมีอะไรที่ผิดพลาดไป จขกท. ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
(เขียนโดยการด้นสด ไม่มีทฤษฎีวิชาการอะไรทั้งนั้น อยากให้คนไทยใส่ใจกับจินตนาการมากขึ้น)